‘คลัง’แจงหุ้นตก ให้มองระยะยาว โวศก.ไทยแกร่ง

นายกฯ ถกเตรียมจัดประชุมสภาธนาคารโลก ต.ค. 69 ที่กรุงเทพฯ ชี้เป็นงานยิ่งใหญ่มากขอทุกฝ่ายร่วมมือกัน “เผ่าภูมิ” แจงดัชนีหุ้นไทยทรุดเป็นแค่ช่วงสั้นๆ แนะมองระยะยาว มั่นใจกลับเข้าจุดหลังพื้นฐานเศรษฐกิจประเทศสุดแกร่ง ลุยถกทุกหน่วยงานรับมือนโยบายเศรษฐกิจของ "ทรัมป์" เตรียมคุย “แบงก์ชาติ” หามาตรการอุ้มสินเชื่อรถกระบะ หลังยอดปฏิเสธพุ่ง พร้อมกระทุ้งเร่งดูแลค่าเงินบาท หวังช่วยหนุนส่งออก 

เมื่อวันจันทร์ ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมประจำปี สภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2569 ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายกฯ กล่าวว่า ประเทศไทยจะได้เป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ที่จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2569 ที่กรุงเทพฯ ถือว่าเป็นวาระแห่งชาติที่สำคัญมากๆ ของประเทศเรา เนื่องจากครั้งนี้มีผู้เข้ามาประชุมประมาณ 18,000 คนจากทั่วโลก และมีประเทศสมาชิกที่เดินทางเข้ามาประมาณ 200 ประเทศด้วยกัน ซึ่งเป็นผู้นำระดับสำคัญของแต่ละประเทศมารวมตัวกัน ถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มาก และทราบมาว่าเราเคยจัดมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2534 หรือประมาณ 34 ปีที่แล้ว ถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่และน่าภูมิใจ เป็นเวทีที่ประเทศไทยได้รับโอกาสในการต้อนรับคนจากทั่วโลก

"งานนี้เป็นงานสำคัญที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมใจกัน ร่วมมือกันอย่างบูรณาการ เพื่อพรีเซนต์ประเทศของเราให้ออกมาน่าสนใจ และโชว์ในสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว เพื่อให้ต่างชาติได้รับรู้ร่วมกันว่าเราสามารถจัดงานอีเวนต์ใหญ่ได้ด้วย ที่สำคัญมีสถานที่ทั้งของเอกชนและรัฐบาลที่รองรับการจัดงานครั้งนี้อย่างดี และต้องสามารถเป็นศูนย์กลางทางการเงินได้ และสามารถปรับใช้ระบบดิจิทัลนำมาประยุกต์ปรับใช้กับอีเวนต์นี้ ทำให้ประเทศของเราก้าวไปอีกก้าวหนึ่งในการจัดงานสำคัญระดับโลก ขอให้งานนี้เป็นงานที่ทุกคนร่วมมือกัน ติดขัดอย่างไรให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน" น.ส.แพทองธารกล่าว

ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง กล่าวถึงกรณีการปรับตัวลดลงอย่างหนักของดัชนีตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ว่า ไม่อยากให้มองเรื่องการแปรผันของราคาในช่วงสั้น เพราะนั่นไม่ได้สะท้อนอะไร แต่อยากให้ดูทิศทางระยะยาวมากกว่า ว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างไร เนื่องจากในระยะสั้นต้องยอมรับว่าราคาหุ้นจะมีความฉวัดเฉวียนแน่นอน ส่วนในระยะยาวที่สุดแล้วราคาหุ้นก็จะปรับตัวเข้าสู่พื้นฐาน ซึ่งมั่นใจว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ดี สะท้อนจากตัวเลขเศรษฐกิจหลายส่วน ที่บ่งบอกว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงขาขึ้น

  "ต้องยอมรับว่าประเด็นเรื่องความเชื่อมั่นถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามรักษาเสถียรภาพ และโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ทุกภาคส่วน สะท้อนจากตัวเลขเศรษฐกิจในภาพรวมที่ค่อนข้างดี และเชื่อว่าจะดีอย่างต่อเนื่องจากกลไกในการรักษาการเติบโต อาทิ โครงการกระจายเม็ดเงิน 10,000 บาท ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และล่าสุดในกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งเป็นวงเงินกว่าแสนล้านบาท และในช่วงโลว์ซีซันก็จะมีการกระจายเม็ดเงินอีกระลอก รวมถึงโครงการ Easy E-Receipt เพื่อรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังมีส่วนที่ต้องเข้าไปดูแลอย่างละเอียด คือภาคการผลิตที่จะต้องเอาจริงเอาจังมากกว่านี้"

นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ในส่วนของนโยบายเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจอย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้น กระทรวงการคลังได้เร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ และภาคส่วนต่างๆ ของรัฐ เพื่อเตรียมมาตรการรับมือถึงความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยยืนยันว่ารัฐบาลมีความตื่นตัวกับเรื่องนี้ ซึ่งมาตรการที่จะออกมาจะมีทั้งการส่งเสริมและการรับมือผลกระทบในมิติต่างๆ หากการหารือลงตัวก็จะมีการชี้แจงในรายละเอียดต่อไป

ขณะเดียวกัน หลังจากนี้รัฐบาลจะมีการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกภาคส่วนออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาทิศทางการเติบโตให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นภาคการผลิต ภาคการบริโภค รวมถึงตลาดทุน เหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ

รมช.การคลังกล่าวอีกว่า จากนี้จะต้องมีการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อหาข้อสรุปเพื่อให้เกิดมาตรการรับมือปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อรถยนต์ โดยเฉพาะสินเชื่อรถกระบะซึ่งมีการชะลอตัวอย่างมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกำลังซื้อที่อ่อนแอลง ซึ่งต้องเข้าใจด้วยว่าสินเชื่อรถกระบะนั้นเป็นกลุ่มเปราะบาง ประชาชนที่เข้าไปขอสินเชื่อจึงอาจมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นอัตราการปฏิเสธสินเชื่อจึงอาจจะสูงตามไปด้วย ดังนั้นภาครัฐจำเป็นจะต้องมีกลไกที่เข้าไปดูดซับความเสี่ยงในส่วนนี้

นอกจากนี้ อาจจะต้องมีการหารือกับ ธปท.เกี่ยวกับการรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาท เนื่องจากปัจจุบันเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงค่อนข้างมาก โดยสิ่งที่คลังอยากเห็นในค่าเงินบาทมากที่สุดคือ ไม่อยากเห็นค่าเงินที่ฉวัดเฉวียนจนเกินไป และมีระดับที่เหมาะสมในการแข่งขัน เช่นเดียวกับเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายก็จะต้องมีการหารือกันต่อไปด้วยเช่นกัน เพราะมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะต้องสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ เพื่อทำให้ไทยเติบโตอย่างมีศักยภาพในการแข่งขันเรื่องการส่งออกให้ได้

 “หากถามว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ตอนนี้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจหรือยัง ก็เป็นเรื่องที่ต้องไปหารือกันต่อ เราอยากเห็นการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจให้มากขึ้น เป็นสิ่งที่เราปรารถนาที่อยากจะเห็นสิ่งนี้ในปีนี้ หากเราช่วยกันผลักดันเศรษฐกิจ  กระทรวงการคลังนิด ธปท.หน่อย ตรงนี้จะเป็นความร่วมมือที่ดี” นายเผ่าภูมิกล่าว.