อิ๊งค์เฉ่งพท.แตกคอ เหตุพลาดเป้า‘นายกอบจ.’/ฝ่ายค้านจองซักฟอก‘กาสิโน’

"อิ๊งค์" ประชุม สส.เพื่อไทย ถอดบทเรียนเลือกตั้ง "อบจ." เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ปี 2570 โอด สส.แตกสามัคคีทำพลาดเป้าหลายพื้นที่ จ่อเรียกคุยปัญหารายจังหวัด "สุริยะ" เสียงแข็ง "ทักษิณ" ไม่เสื่อมมนตร์ขลัง ชี้สนามท้องถิ่นบ้านใหญ่ยังมีอิทธิพลสูง ยันเลือก อบจ.ไม่กระทบสนามใหญ่ "อนุทิน" ยก "แม้ว" เป็นจอมยุทธ์ ใครดูแคลนมีแต่หายนะ "สมุทรปราการ" วุ่นร้อง กกต.สอบซื้อเสียง "เด็ก ปชน." ขอนับคะแนนใหม่ "ฝ่ายค้าน" นัดดินเนอร์ 7 ก.พ. ถกยื่นซักฟอกรัฐบาล "พปชร." ชูธงชำแหละกาสิโน

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 4 ก.พ. เวลา 10.00  น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยทันทีที่นายกฯ มาถึง นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม รอให้การต้อนรับ สื่อจึงกระเซ้าว่าพอใจผลการเลือกตั้งนายก อบจ.นครพนมหรือไม่    นายกฯ ตอบว่า แกล้งหรือเปล่า พอใจสิคะ ก่อนหันมาถามนางมนพรว่าเยี่ยมเลยไหม นางมนพรยิ้มพร้อมตอบว่า เยี่ยม

จากนั้นเวลา 12.00 น. น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ (4 ก.พ.) จะเข้าร่วมประชุม สส.พรรคเพื่อไทย (พท.) เพื่อพูดกันถึงผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ที่ผ่านมา เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ต้องดูว่าเราชนะเพราะอะไร ไม่ชนะเพราะอะไร คงได้รับฟังคนในพรรคด้วยว่าระหว่างหาเสียงเจออะไรบ้าง อยากได้อะไรที่สนับสนุนเพิ่มขึ้นบ้าง อันนี้ต้องทำงานร่วมกันกับพรรค

ถามว่า เหมือนนายทักษิณ ชินวัตร ผู้ช่วยหาเสียง จะไม่พอใจผลการเลือกตั้ง น.ส.แพทองธารย้อนถามสื่อว่า “เหรอ ไม่นะ ผู้ช่วยหาเสียงให้สัมภาษณ์หรือ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหมือนอยากได้มากกว่านี้ ผลที่ออกมาไม่ตรงเป้า น.ส.แพทองธารจึงกระเซ้ากลับมาว่า "ก็อยากได้ทั้ง 16 จังหวัดนั่นแหละ" 

ที่พรรค พท. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมพรรค พท.ครั้งนี้ เป็นการประชุม สส.และบุคลากรทางการเมืองประจำสัปดาห์ โดย น.ส.แพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรค เข้าร่วมประชุมเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ย้ายมายังที่ทำการพรรคแห่งใหม่ บนถนนวิภาวดีรังสิต

ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค พท. แถลงว่า ในที่ประชุมมีการพูดถึงวาระต่างๆ ที่จะเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 5-6 ก.พ.นี้ โดยเรื่องหลักที่พูดคุยกันนอกเหนือจากวาระการประชุมแล้ว ยังมีเรื่องการเลือกตั้งนายก อบจ. เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่ง น.ส.แพทองธารได้ให้ความสนใจเรื่องการเลือกตั้ง อบจ. ที่พรรคได้มาทั้งหมด 10 เก้าอี้

นายดนุพรกล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกันว่าบางจังหวัดที่ควรได้แต่ก็พลาดไป บางจังหวัดที่เป็นพื้นที่ช่วงชิงก็ประสบความสำเร็จ โดยนายกฯ ได้ขอบคุณ สส.ที่ช่วยกันหาเสียงจนทำให้การเลือกตั้งผ่านพ้นไปได้ด้วยดี รวมถึงได้มีความคิดที่จะเชิญทุกจังหวัดที่ลงนายก อบจ.มาพูดคุยกับนายกฯ

'อิ๊งค์' ถอดบทเรียนสู้ ลต.ปี 70

"อาจจะเชิญมาพูดคุยเป็นรายจังหวัด ทั้งจังหวัดที่ได้รับการเลือกตั้งและไม่ได้รับการเลือกตั้ง เพื่อรับทราบปัญหาที่แท้จริงว่าทำไมบางจังหวัดจึงแพ้การเลือกตั้ง หรือทำไมบางจังหวัดชนะการเลือกตั้ง เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2570 โดย น.ส.แพทองธารกำลังจัดคิว ซึ่งหลังจากที่กลับจากประเทศจีน ก็จะได้นัดหมายกับทุกจังหวัด  ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดที่ชนะหรือแพ้ จะได้สลับสับเปลี่ยนมาพูดคุยกันว่าในการเลือกตั้งปี 2570  หากจะชนะการเลือกตั้งพรรคควรมีนโยบายอะไร  ซึ่งวันนี้ก็ได้รับการตอบรับจาก สส.เป็นอย่างดี" โฆษกพรรค พท.กล่าว

มีรายงานว่า ในช่วงหนึ่งของการประชุม น.ส.แพทองธารกล่าวกับที่ประชุม สส.ว่า เลือกตั้งนายก อบจ.มีแพ้มีชนะ ครั้งนี้พรรคทำเต็มที่ พยายามประสานความเห็นที่แตกต่าง ทำให้เหนื่อยในการเคลียร์ อยากให้ปล่อยวางเพื่อให้ทุกฝ่ายพอใจและเป็นผลดีกับเรา ถ้ารวมใจกันชนะได้เหมือนบางจังหวัดที่เรารวมกันได้ก็ชนะ แต่จังหวัดที่มีความขัดแย้งเพราะไม่ยอมกัน

"เราแตกสามัคคี ดังนั้นอยากให้ทุกคนปล่อยวาง ลดตัวตนของตัวเอง ความคิดความอ่านเพื่อให้เห็นแก่พรรค แก่ส่วนรวม บางจังหวัดแยกกันสามสี่ก๊วน ทำให้งานลำบาก พรรคต้องคุยกับทุกฝ่าย ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นคือพรรคได้รับผลกระทบ เพราะไม่ได้นายก อบจ.ตามเป้า ดังนั้นอยากให้ทุกคนสามัคคีกัน เพราะจะกระทบกับการเลือกตั้งใหญ่" แหล่งข่าวอ้างคำกล่าว น.ส.แพทองธาร

ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ในฐานะแกนนำพรรค พท. แสดงความพอใจต่อผลการเลือกตั้งนายก อบจ. เพราะพรรคส่งไป 16 ได้มา 10 เก้าอี้ ซึ่งสาเหตุที่บางพื้นที่ไม่ได้คิดว่าเป็นบทพิสูจน์ว่าการเมืองท้องถิ่น บ้านใหญ่ยังมีอิทธิพลอยู่ เช่น จ.สมุทรปราการ บ้านใหญ่อัศวเหมก็ได้ตลอด แต่พอการเมืองระดับชาติ ระดับ สส.ก็เป็นอีกบริบท  ส่วน จ.ศรีสะเกษ ที่คะแนนแพ้เยอะนั้น ตระกูลที่แข่งกับผู้สมัครพรรค พท.อยู่ในท้องถิ่นมานาน แตกต่างกับการเลือกตั้งระดับชาติ ที่พรรค พท.ได้ สส.มา 7 ที่นั่ง พลาดไป 2 ที่นั่ง ดังนั้นขอยืนยันการแข่งขันในระดับ อบจ. ไม่มีผลต่อการเมืองสนามใหญ่และการเลือกตั้งครั้งหน้า

ถามว่า มีเสียงวิจารณ์นายทักษิณมนตร์เสื่อมแล้วใช่หรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นเรื่องของการเมืองท้องถิ่น ขอย้ำว่าบ้านใหญ่ยังมีความสำคัญอยู่ ซึ่งคนละบริบทกับการเมืองระดับชาติ

"พรรคเพื่อไทยต้องทำงานหนักอยู่แล้ว เรามีการประเมินตัวเองตลอดเวลา และ สส.ก็ทำงานในพื้นที่ตลอด พร้อมทั้งนำปัญหาต่างๆ ในพื้นที่มาประสานกับรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาและผลักดันนโยบายให้เป็นไปตามเป้าหมาย" นายสุริยะกล่าว

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ  และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการเลือกตั้งนายก อบจ.ว่า  เป็นการแสดงให้เห็นถึงระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ตอนนี้ทุกอย่างจบแล้ว ต้องมองไปข้างหน้า แข่งขันกันเสร็จก็กลับมาทำงานทำประโยชน์ให้บ้านเมืองด้วยกันต่อไป

"เวลาเลือกตั้งก็เลือกตั้งกันไป เดี๋ยวปี 2570 ก็มาแข่งกันใหม่ ผลออกมาเป็นอย่างไร ตัวเลขเป็นอย่างไร จะรวมกันอย่างไร ใครเป็นรัฐบาล ใครเป็นฝ่ายค้านก็มีรูปแบบของมันอยู่ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดเวลาทุก 2 ปี 3 ปี 4 ปี ซึ่งทุกพรรคการเมืองต้องมีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา"  นายอนุทินกล่าว

ถามถึงเสียงวิจารณ์นายทักษิณสิ้นมนตร์ขลังแล้ว หัวหน้าพรรค ภท.กล่าวว่า ไม่มีหรอกสิ้นมนตร์ขลัง จอมยุทธ์ก็คือจอมยุทธ์ ใครลองไปว่าท่านสิ้นมนตร์ขลังดู คงจะประสบความหายนะอย่างยิ่งอย่างที่ไม่เคยคาดการณ์หรือประมาณอะไรได้ ไม่มีหรอกครับ ยิ่งน่ากลัว

ซักถึงที่เชียงรายและศรีสะเกษได้บอกหรือไม่ว่าทำอย่างไรถึงชนะการเลือกตั้ง นายอนุทินกล่าวว่า เขาทำงานในพื้นที่มาตั้งกี่ปี เป็นอดีตนายก อบจ.ศรีสะเกษ 4 สมัย 24 ปี ตั้งแต่ น.ส.ไตรศุลียังกินข้าวไม่เป็น ส่วนที่เชียงรายก็เป็นอดีตนายก อบจ. 2 สมัย

ร้อง กกต.สอบเลือกตั้งปากน้ำ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ในฐานะแกนนำภาคใต้ พรรค ภท. กล่าวถึงผลการเลือกตั้งนายก อบจ.พื้นที่ภาคใต้ว่า พอใจ และถือว่าเป็นพรรคพวกกัน ซึ่งเราพยายามพูดคุยกัน หากพื้นที่ไหนน่าสนใจและมี สส.จะเข้าไปดูแลและประสาน

"ภาพรวมการเลือกตั้งนายก อบจ.ภาคใต้ ยอมรับว่ามีสิ่งที่ผิดพลาดคือพื้นที่ จ.พัทลุงและสงขลา เพราะเราพยายามใช้นโยบายการเมืองสีขาว ที่ผ่านมาเดินหาเสียงอย่างเดียว ซึ่งได้คะแนนมาพอสมควร โดยที่พัทลุงได้มา 9 หมื่นกว่าคะแนน ส่วนที่สงขลาได้มา 1.3 แสน 3 คะแนน ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เป็นคะแนนบริสุทธิ์ และทำได้รู้ว่าพื้นที่ไหนคนสนใจพรรค ภท.และเมื่อถึงการเมืองใหญ่เราจะได้เข้าไปประสานดูแลพื้นที่ต่อไป" นายพิพัฒน์กล่าว

ถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ในการเลือกตั้งใหญ่พรรคจะได้ สส.มากที่สุดในพื้นที่ภาคใต้ นายพิพัฒน์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่สามารถพูดได้ เพราะแต่ละพรรคมีพื้นที่ของตัวเอง แต่ในฐานะที่ดูแลพื้นที่ภาคใต้ของพรรค ภท.จะพยายามทำให้ดีที่สุด อย่างการเลือกตั้งครั้งล่าสุด พรรคได้มาถึง 12 ที่นั่ง และเชื่อว่าปี 70 จะได้มากกว่าเดิม

ส่วนนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งนายก  อบจ.ทางภาคใต้ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เพราะเครือข่ายของพรรค รทสช.ได้รับเลือกทั้งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ จ.ชุมพร นายนพพร อุสิทธิ์ ว่าที่นายก อบจ.ซึ่งเป็นน้องเขยนายสุพล จุลใส สส.พรรค รทสช. และกวาด สจ. 26 คน จากทั้งหมด 28 ที่นั่ง จึงถือว่าผลงานเป็นที่น่าพอใจ นอกจากตัวนายก อบจ.แล้ว ยังมี สจ.ที่ต้องบอกว่ามีความใกล้ชิดกับพรรคได้รับเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนเองได้คำนวณดูแล้วทั่วประเทศมากกว่า 100 คน

ซักว่า ดูจากผลการเลือกตั้งแนวโน้มสูงว่าการเลือกตั้ง สส.ครั้งต่อไปจะเป็นการแข่งขันระหว่างพรรค ภท.และ รทสช. นายเอกนัฏกล่าวว่า ก็เป็นไปได้ แต่ในการเลือกตั้งแข่งกันหมด และแข่งกันทุกพรรค เพียงแต่ว่าเมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้วก็ต้องมาดู และแนวโน้มคงเป็นรัฐบาลผสมอีก ก็ต้องมาคุยกัน แต่การเลือกตั้งทุกคนต้องแข่งขันกันหมด

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวขอบคุณชาวสุพรรณบุรีและนครปฐม ที่ไว้วางใจพรรคชาติไทยพัฒนา เชื่อมั่นว่าการทำงานจะมีความต่อเนื่อง ทั้ง สจ.และนายก อบจ. จะสามารถทำงานต่อเนื่องเข้าขากันได้ดี ท้ายที่สุด จ.สุพรรณบุรี และ จ.นครปฐม จะได้พัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางอินทรา ชัยเสนสุข ผู้มีสิทธิเลือกตั้งนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ เขตอำเภอบางพลี เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนการทุจริตการเลือกตั้ง อบจ.

เพื่อให้ กกต.เร่งตรวจสอบ

นางอินทิราระบุว่า ก่อนการเลือกตั้งเมื่อช่วงกลางเดือน ม.ค. มีตัวแทนผู้สมัครนายกและสมาชิก อบจ.สมุทรปราการ  ได้มาเคาะห้องผู้มีสิทธิเลือกตั้งในชุมชนแห่งหนึ่งใน อ.บางพลี  พร้อมจดชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งภายในบ้านแต่ละหลัง และมอบบัตรแนะนำตัวผู้สมัครให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยระบุว่าจะให้เงินคนละ 500  บาท ให้เลือกสมาชิกและนายก อบจ.ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกัน หมายเลขเดียวกัน โดยตัวแทนผู้สมัครที่มาจดชื่อคนในชุมชนนั้นตนรู้จักเป็นอย่างดี ต่อมาในวันที่ 1 ก.พ. หลังการลงคะแนน โดยในเวลาประมาณ 21.00 น. ตัวแทนผู้สมัครได้นำเงินมาจ่ายให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่จ่ายเพียง 200 บาทเท่านั้น

"เหตุการณ์ดังกล่าวคนในชุมชนได้มีการบันทึกภาพนิ่ง คลิปวิดีโอและคลิปเสียง และยังมีภาพถ่ายเอกสารที่ผู้มีสิทธิลงลายมือชื่อยินยอมรับเงินไว้เป็นหลักฐาน" นางอินทิรากล่าว 

ส่วน ดร.นพดล สมยานนทนากุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.สมุทรปราการ พรรคประชาชน (ปชน.) เข้ายื่นเรื่องร้องเรียน กกต.สมุทรปราการ เพื่อขอระงับการประกาศผลเลือกตั้ง และขอให้นับคะแนนใหม่ทั้งจังหวัด 36 เขต จำนวน 1,556 หน่วยเลือกตั้ง หลังพบความผิดปกติในการรายงานผลคะแนน กกต.ไม่แสดงข้อมูลผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งต่อสาธารณะตลอดเวลาการถ่ายทอดสดผลการเลือกตั้ง หลังปิดหีบในเวลา 17.00 น. จนถึง 24.00 น. และมาระบุข้อมูลเองในเอกสารภายหลัง

ดร.นพดลเปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า เรื่องที่ยื่นให้ตรวจสอบส่วนแรกคือลักษณะการคัดค้านในการผลการเลือกตั้ง ส่วนที่สองคือขอให้มีการตรวจสอบผลคะแนนว่าถูกต้องแม่นยำเพียงใด  ส่วนที่ตนสงสัยและอยากให้ กกต.ตรวจสอบ ก็คือเรื่องบัตรเสียที่มีจำนวนมาก แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับตัวเลขตามสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นเรียลไทม์ของเขา ที่มีการขึ้นลงผิดปกติ

ฝ่ายค้านดินเนอร์ถกซักฟอกรบ.

ที่ กกต. นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต.และเลขาธิการ กกต. เพื่อขอความชัดเจนว่าใช้กฎหมายหรือพระราชบัญญัติฉบับใดในการรับรองให้นายทักษิณ ชินวัตร, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นผู้ช่วยหาเสียงในการเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้

วันเดียวกัน น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณเดินทางไปมาเลเซียว่า นายทักษิณเดินทางกลับจากประเทศมาเลเซียแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายทักษิณเดินทางกลับประเทศไทย จะต้องเข้ามารายงานตัวต่อศาลอาญาภายใน 3 วันนับตั้งแต่วันที่เดินทางกลับ โดยในวันเดียวกันนี้ นายทักษิณยังไม่เดินทางเข้ารายงานตัว นอกจากนี้ ในวันที่ 7 ก.พ.เวลา 10.30 น. นายทักษิณจะไปเป็นประธานจดทะเบียนสมรสระหว่างนายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกฯ และนายสุไพรพล ช่วยชู ที่สำนักงานเขตบางรัก

ส่วนความคืบหน้าการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษนั้น นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า การพิจารณาก็ดำเนินการต่อเนื่องไป คาดว่าเป็นไปตามกำหนดกรอบเวลาของรัฐบาล 50 วัน ขณะนี้ทำมาเกือบ 20 วันแล้ว

"การปรับถ้อยคำร่างกฎหมายดังกล่าวทันตามกรอบเวลา ส่วนหน่วยงานที่มีการเข้ามาชี้แจงแล้วนั้น หลักๆ เหมือนเดิม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง ส่วนการปรับแก้ถ้อยคำ จะทำให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล"  เลขาธิการกฤษฎีการะบุ

ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล  สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการนัดดินเนอร์พรรคร่วมฝ่ายค้านวันที่ 7 ก.พ. ว่าจะเป็นการพูดคุยกันเรื่องเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเป็นการร่วมพูดคุยกันในการทำงานร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในการตรวจสอบพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งหลังจากที่ประชุมและแถลงข่าวร่วมกันแล้ว จะมีการรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน

ถามถึงประเด็นที่จะอภิปรายได้วางกรอบและกำหนดหัวข้อไว้แล้วหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ยังไม่ได้ไฟนอลถึงขนาดนั้น เพราะยังต้องมีการเจรจากับทางวิปรัฐบาลและประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วยว่าเราจะมีเวลามากแค่ไหน เพราะเวลาก็จะสัมพันธ์กับคน และประเด็นที่เราจะอภิปรายด้วย แต่จะพยายาม ทำให้ประเด็นที่เราเห็นว่าสำคัญสามารถอภิปรายได้ครบ รวมถึงอาจต้องมีการเจรจาเวลาคร่าวๆ กับพรรคร่วมรัฐบาลด้วย

ซักว่าได้คุยกับวิปรัฐบาลเรื่องกรอบเวลาที่วางไว้เดือนมีนาคมแล้วหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ได้พูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ ไม่ได้มีปัญหาอะไรที่จะอภิปรายในช่วงเดือน มี.ค. แต่จะเป็นสัปดาห์ไหนต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้ง

ด้านนายชัยมงคล ไชยรบ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงว่า พรรค พปชร.มีมติร่วมกันในเรื่องร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่าเราต้องร่วมกันคัดค้านและต่อต้าน

"รัฐบาลชุดนี้บอกกับประชาชนว่าจะทำซอฟต์พาวเวอร์ แต่สุดท้ายก็มาลงที่บ่อนกาสิโน เรื่องนี้พรรคไม่เห็นด้วย และถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อประเทศ ซึ่งจะนำเสนอเข้าสู่พรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ บนจุดยืนที่ชัดเจน นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค มีความเห็นสอดคล้องต้องกัน" รองหัวหน้าพรรค พปชร.กล่าว

นอกจากนี้ นายภัครธรณ์ เทียนไชย รองเลขาธิการพรรค พปชร. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และคณะทำงานนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคว่า พล.อ.ประวิตรได้ลงนามในคำสั่งมอบหมายบุคคลรับผิดชอบพื้นที่ในระดับภาค โดยภาคเหนือ คือ นายสันติ พร้อมพัฒน์ และนายวราเทพ รัตนากร, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน คือ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, นายชัยมงคล ไชยรบ และนายวิริยะ ทองผา, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง คือ  พล.ต.ยศวัจน์ นิมิตรภานนท์, ภาคกลาง คือ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์, ภาคตะวันออก คือ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง และนายภัครธรณ์ เทียนไชย,  ภาคใต้ คือ นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์, นายคอซีย์ มามุ และนายสุธรรม จริตงาม กรุงเทพมหานคร คือ นายวัน อยู่บำรุง และนายภัครธรณ์ เทียนไชย.