พท.ขอลดเวลาซักฟอกแค่2วัน

“รังสิมันต์” ยังอุบไต๋เชือดรัฐมนตรีกี่ราย แต่มั่นใจเป็นเรื่องของกรรม บอก 5 วันไม่มากไป การันตี ปชน.อภิปรายไม่เวิ่นเว้อเพราะเป็นพวกตีหัวเข้าบ้าน “วิสุทธิ์” เย้ยประเด็นคงไม่พ้นกระทู้ถามสด “ภูมิธรรม” ลอยตัวเกาเหลา “ภูมิใจไทย-กล้าธรรม” ชี้ต้องแยกจากการตรวจสอบ ไม่ใช่เป็นพรรคร่วมแล้วช่วยกันปกปิด "อนุทิน" บอกปล่อยให้กระบวนการจัดการ "คารม" ข้องใจใช้ฐานะอะไรตรวจสอบ กรมที่ดินย้ำทำถูกต้อง

เมื่อวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีแบบรายบุคคลว่า ยังตอบไม่ได้ว่ามีรัฐมนตรีคนไหนถูกอภิปรายบ้าง และเรื่องอะไรที่ต้องบอก แต่เอาเป็นว่ามีรายชื่อรัฐมนตรีอยู่ว่าจะใส่เพิ่มอีกสักเท่าไหร่ ซึ่งข้อมูลในการอภิปรายเรามาถูกทางแล้ว ยืนยันว่ามีความน่าเชื่อถืออย่างแน่นอน

เมื่อถามว่า การอภิปรายครั้งก่อนๆ เป็นการอภิปรายเชิงประเด็น แต่ครั้งนี้เป็นรายบุคคล มีการหวังผลอะไรหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า มีทั้งคู่ทั้งรายประเด็นและโทษทัณฑ์ที่ได้ก่อไว้ มันเป็นเรื่องของกรรม ใครก่อกรรมเอาไว้ มันก็เป็นเรื่องจำเป็นต้องรวบรวมพยานหลักฐานและนำมาใช้อภิปราย ต้องยืนยันว่าวันนี้เราเป็นฝ่ายค้าน ต้องทำหน้าที่ในการตรวจสอบ คิดว่าประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย เขามีสิทธิ์ที่จะรู้

 “เราทราบดีว่าเมื่อวัดเสียงในสภา เรามีเสียงน้อยกว่ารัฐบาลเยอะ แต่ขั้นต่ำที่เราหวังผลคือการทำให้ประชาชนเจ้าของประเทศได้รู้ว่า มันเกิดอะไรขึ้นในประเทศของตนเอง ผลสะเทือนต่อเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่วันนี้ แต่มันรวมไปถึงอนาคต” นายรังสิมันต์กล่าว

นายรังสิมันต์ยังกล่าวถึงเวลาการอภิปราย 5 วันว่า ไม่ได้เยอะ รัฐบาลไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ ถ้าพูดโจมตีมันก็จะเข้าตัวเอง แต่หากพูดมีน้ำหนักมันก็เป็นข้อดีด้วยซ้ำ รัฐบาลจะได้มีเวลาตอบมากขึ้น และจะได้มีเวลาอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งสไตล์พรรคเราไม่ได้เวิ่นเว้ออย่างแน่นอน สไตล์พรรคประชาชนคือการตีหัวเข้าบ้านชัดเจน

ด้านนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ในฐานะประธานกรรมการวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวเรื่องนี้ว่า พรรคมีความพร้อมและกำลังเดินหน้ารวบรวมข้อมูลเพื่อนำเสนอต่อประชาชนอย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาพรรคได้คัดค้านในเรื่องของร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ... ซึ่งเรื่องนี้ก็น่าจะมีประเด็นที่นำเสนอกับประชาชน รวมไปถึง MOU 44 ระหว่างไทย-กัมพูชา ที่เราคัดค้านและต่อสู้มาอย่างเข้มแข็ง ก็อาจเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่พรรคนำไปเสนอให้ประชาชนได้รับรู้

ส่วนนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยตั้งประเด็นไว้ 20 ประเด็นว่า ไม่น่ามีปัญหา รัฐมนตรีทุกคนเตรียมตัวทำการบ้าน  และเป็นการกระตุ้นให้รัฐมนตรีขยันเพิ่มมากขึ้น และมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มมากขึ้น ส่วนเรื่องเวลาในการอภิปรายจะได้กี่วันก็ต้องมีการพูดคุยกันในวิป 3 ฝ่าย  ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน และตัวแทนคณะรัฐมนตรี (ครม.) “ตั้งแต่อยู่การเมืองมา 20 กว่าปี ยังไม่เคยเจอที่อภิปรายไม่ไว้วางใจ 5 วัน 5 คืน อย่างมากก็อภิปราย 2 วัน แล้วมาลงมติในวันที่ 3 ตามที่เคยปฏิบัติมา ซึ่งก็ต้องมาเจรจากัน และทราบว่าฝ่ายค้านจะยื่นญัตติในวันที่ 27 ก.พ.นี้ ผมก็รอฟังอยู่ แต่เชื่อว่าเรื่องที่จะอภิปรายก็ไม่ไปไหน มาจากกระทู้ถามสดที่ฝ่ายค้านได้ถาม เราก็เห็นแนวกันอยู่” นายวิสุทธิ์กล่าว

เมื่อถามว่า จะมีการตั้งองครักษ์หรือไม่ เพราะฝ่ายค้านอาจจะอภิปรายถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ไม่ต้องตั้งองครักษ์พิทักษ์ เพราะการอภิปรายถึงบุคคลภายนอกข้อบังคับก็เขียนไว้ชัดเจน ถ้าพูดถึงบุคคลภายนอก เขาไม่สามารถมาตอบในสภาได้ หากบุคคลภายนอกเกิดความเสียหาย คนที่อภิปรายก็ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายเอาเอง ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดการพาดพิงและประท้วงกันวุ่นวาย การอภิปรายจะได้ลื่นไหล ก็ควรอภิปรายในกรอบข้อบังคับ และหากอภิปรายเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีคนใด เชื่อว่านายกฯ จะให้รัฐมนตรีคนนั้นเป็นผู้ชี้แจง

บิ๊กอ้วนลอยตัวปมที่ดิน

นายวิสุทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีพรรค พท.จะยื่นญัตติต่อที่ประชุมสภาเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคได้ปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่ในพรรคหลายคน มีความเห็นว่าควรยื่นในนามพรรคเพื่อให้ประธานรัฐสภาบรรจุระเบียบวาระ โดยประเด็นจะต่างจากญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.ที่ยังค้างอยู่ในสภา โดยในวันที่ 18 ก.พ.พรรคจะประชุมเพื่อนำเสนอเรื่องนี้ และให้ซักถามก่อนขออนุมัติยื่นญัตติครั้งนี้ ส่วนจะยื่นหรือไม่ยื่นอยู่ที่มติของพรรค เพราะพรรคเราเป็นประชาธิปไตย

วันเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการตรวจสอบที่ดินสนามกอล์ฟเขาใหญ่ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย จะกลายเป็นความขัดแย้งหรือรอยร้าวระหว่างพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กับพรรคกล้าธรรม (กธ.) หรือไม่ ว่า อย่าไปคิดว่าเป็นรอยร้าว แม้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่หากมีสิ่งใดที่เป็นประเด็นปัญหาที่ประชาชนสงสัย หรือคาดว่าจะผิดกฎหมายก็มีหน้าที่ต้องตรวจสอบ รัฐบาลไม่มีหน้าที่ปกป้องความผิดให้กันและกัน ก็ต้องดำเนินการไปตามวิถี ตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนว่าเราจะทำงานกันอย่างไรเป็นคนละเรื่องกัน ตราบใดที่ยังเป็นรัฐบาลร่วมกัน ก็ทำงานร่วมกันได้ทุกอย่าง

 “ต้องแยกจากการตรวจสอบ ไม่ใช่ว่าเป็นรัฐบาลร่วมกันแล้วช่วยกันปกปิด ช่วยกันดำเนินการ มันไม่ใช่วิถีที่ควรเป็น" นายภูมิธรรมกล่าว

เมื่อถามว่า การเกิดเรื่องในช่วงใกล้อภิปรายไม่ไว้วางใจจะเกิดปัญหาอะไรกับรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่มีปัญหา ถ้าทุกคนมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองมีอย่างถูกต้อง ก็สามารถเอาข้อมูลมาชี้แจงให้สังคมรับทราบ เพราะสภาก็มีหน้าที่ตรวจสอบตามกระบวนการอยู่แล้ว เมื่อถามว่า การกินข้าวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลวันที่ 25 ก.พ.นี้ที่พรรค ภท.เป็นเจ้าภาพ จะมีการเคลียร์ใจกันหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า มันไม่มีปัญหาต้องเคลียร์ใจ มีปัญหาแต่เพียงว่าเข้าใจกันไหม ตรงนั้นตรงนี้ ยังไม่เข้าใจเรื่องไหนก็บอกกันเท่านั้นเอง จริงๆ ก็คุยกันอยู่แล้ว

ขณะที่นายอนุทินกล่าวว่า เป็นเรื่องที่เข้าสู่กระบวนการของระบบราชการแล้ว ตนก็ไม่สามารถที่จะให้ความเห็นอะไรได้ ต้องปล่อยให้หน่วยงานราชการทำงานพิสูจน์ทราบต่อไป และเมื่อออกมาอย่างไรก็ไม่มีใครขัดต่อกฎหมายได้

ส่วนกรณีมีการพาดพิงเป็นการฟอกขาวมรดกบาป น.ค.3 ให้เป็นโฉนดแก่นายทุน นายอนุทินมองว่า เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 50-60 ปีมาแล้ว ซึ่งคนที่ถือครองปัจจุบันนี้ก็ซื้อผ่านการโอนโฉนด การซื้อขายเหล่านั้นเป็นการซื้อขายโดยสุจริต กรมที่ดินรับโอนรับค่าธรรมเนียม ผู้ขายยินดีขาย ผู้ซื้อยินดีซื้อ ทุกอย่างจบในเรื่องของการซื้อขายเปลี่ยนมือ ถือเป็นเรื่องสุจริต แต่ต้องไปดูว่าออกโฉนดมาได้อย่างไร ทำไมถึงไม่มีการตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อนออกโฉนด และเหตุใดปล่อยให้เปลี่ยนมือ หรือซื้อขาย รับค่าธรรมเนียมมามากมายไปหมด ซึ่งมีประเด็นที่ต้องตรวจสอบอีกมากมาย

ไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยว

เมื่อถามว่า ประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง จะสะดวกใจทำงานร่วมกับพรรคกล้าธรรมในรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า การทำงานรับใช้บ้านเมืองต้องไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง ส่วนใครทำอะไรเตะเจาะยาง หรือทำให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียง คนที่กล่าวหามาก็มีสิทธิ์กล่าวหา เพราะเขาบอกทำเพื่อประชาชน ส่วนคนที่ถูกกล่าวหาก็มีหน้าที่พิสูจน์ทราบว่าถูกต้องอย่างไร ซึ่งถ้าถูกต้องคนที่กล่าวหาก็ต้องรับความเสี่ยงในการถูกฟ้องร้อง เพื่อขอความเป็นธรรมต่างๆ แต่ตรงนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน เป็นเรื่องที่เล็กมาก ไม่มีสาระสำคัญอะไร การทำงานในความเป็นรัฐบาล เราต้องมองผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นหลัก เรื่องส่วนตัวก็อย่างที่บอก ใครก็ลงบัญชีกันไป

สำหรับความสัมพันธ์ส่วนตัวที่มีรายงานข่าวว่า นายอนุทินได้ไปร่วมงานแต่งงานที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรมไปร่วมด้วย แต่ไม่ทักทายกัน นายอนุทินกล่าวว่า ก็เจอนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษา รมว.กษ. ก็เข้ามาทักทายยกมือไหว้อย่างสุภาพนอบน้อม และบอกว่าสิ่งไหนที่ล่วงเกินไปต้องขออภัยด้วย เขาก็ทำตามหน้าที่ ซึ่งได้บอกไปว่าเต็มที่เลย ถ้ามีอะไรที่ไม่ถูกต้องก็ดำเนินการไป แล้วถ้ามีอะไรถูกต้องก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องเคลียร์กับพรรคกล้าธรรม การเมืองก็อย่างนี้แหละ ถ้าแค่นี้ทนไม่ได้ก็เล่นการเมืองไม่ได้ เป็นเรื่องปกติของการเมือง ของคนที่มีฐานเสียงแข็งแรงอย่างที่เคยบอก และเปรียบเป็นเหมือนภูเขาทอง

เมื่อถามว่าด่าใครว่าหน้าตัวเมีย นายอนุทินปฏิเสธที่จะตอบ ได้แต่ยิ้มและทำเสียงหึๆ

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ในฐานะสมาชิกพรรค ภท. กล่าวว่า การที่นายธนดลตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก.ปากช่อง โดยกล่าวหาว่ามีโรงแรม มีรีสอร์ต บุกรุกที่ดิน ส.ป.ก.  แต่หลักการตรวจสอบนั้นถ้ายังไม่มีหลักฐานชัดเจน และยังไม่ได้ดำเนินคดีในชั้นศาลจนเป็นที่ยุติ แต่ออกมากล่าวหาก่อนนั้น มีเจตนาอะไร นายธนดลทำในฐานะเป็นเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่หรือในฐานะอะไร

“นายอนุทินมีชื่อเล่นว่าหนู ไม่ได้ชื่อหมู ผมทราบท่านเป็นนักกฎหมายที่เก่ง เป็นคนหนุ่มไฟแรง อย่านำกฎหมายมาเป็นเครื่องมือเป็นอาวุธฟาดฟันคนอื่น กฎหมายมีไว้เพื่อปกป้องสิทธิของตัวเอง จะรับใช้ใครขอให้ดูตาม้าตาเรือหน่อย ที่ออกมาพูดดังกล่าวคิดเองใช่ไหม" นายคารมระบุ

กรมที่ดินยันทำถูกต้อง

ส่วนนายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวถึงที่ดินในพื้นที่สนามกอล์ฟปากช่อง และพื้นที่แข่งรถของนายอนุทินคาบเกี่ยวกับพื้นที่ ส.ป.ก.กี่ไร่ และมีการออกโฉนดแล้วกี่ไร่ว่า เอกสารสิทธิที่ออกโดยกรมที่ดิน ทั้งโฉนดและ น.ส.3 ก. ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องในขณะนั้น เป็นโฉนดและเอกสารสิทธิที่ถูกต้องตามกฎหมาย ในส่วนสนามกอล์ฟและสนามแข่งรถเป็นพื้นที่ของการนิคมที่มีการจัดนิคม เอกสารสิทธิที่ออกมา ออกโดยพื้นฐานของ น.ค.3 ที่นิคมได้ดำเนินการจัด ดังนั้นยืนยันว่าที่ดิน 4,500 แปลง ที่เป็นโฉนดที่ดิน กับ 217 แปลงที่เป็น น.ส.3 ก. กรมที่ดินออกเอกสารสิทธิตามแนวทางในการดำเนินการระหว่างกรมที่ดินและผู้จัดตั้งนิคมอย่างถูกต้อง

ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) กล่าวถึงการจัดสรรที่ดินนิคมสร้างตนเองลำตะคอง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ให้ชาวบ้านเข้าทำกิน แต่ถูกตั้งข้อสังเกตมีการขยายพื้นที่ทับซ้อน จนมีการออกเอกสารสิทธิให้เอกชนครอบครองว่า แต่ละนิคมสร้างตนเองจะมีจุดกำเนิดที่แตกต่างกัน ดังนั้นการกำหนดพื้นที่หรือแม้แต่การออกใบ น.ค.1 หรือ น.ค.3 ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิในที่ดิน จะเป็นการดูแลของกรมประชาสงเคราะห์ ไทม์ไลน์แต่ละช่วงเวลานั้นจะชัดเจนว่ามีการประกาศเป็นพื้นที่นิคมฯ หรือเมื่อปี พ.ศ. 2538 ได้มีการขยายพื้นที่จากเดิม 280,000 ไร่ เพิ่มอีก 46,000 ไร่ ตามคำตัดสินของคณะกรรมการตรวจสอบแนวเขตที่ดินนิคมสร้างตนเองลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา

 “ต้องไปดูในมิติของคำสั่งนั้นว่าใช้อำนาจ หรือมีแนวทางหรือมีต้นสายปลายเหตุอย่างไร แต่วันนี้ขอยืนยันว่า การทำงานของ พม.นั้นทุกอย่างมีเอกสาร สามารถไล่ดูตามช่วงเวลาได้เสมอ เพียงแต่ว่าการที่จะออกโฉนดหรือออกใบอนุญาตให้คนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์นั้นๆ ไม่ใช่หน้าที่ของ พม. คงต้องเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง พม.ออกได้เพียงแค่ใบ น.ค.1 หรือ น.ค.3 และตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น เรายังไม่มีการออกใบ น.ค.3 ให้พี่น้องประชาชน” นายวราวุธกล่าว.