‘ภท.’จูบปาก‘พท.’ กลับลำหนุนส่งตีความแก้รธน./ฝ่ายค้านจองกฐิน10รมต.

"นายกฯ อิ๊งค์" มั่นใจสู้ศึกซักฟอก  ฟุ้งเก็งข้อสอบพร้อมแล้ว "ฝ่ายค้าน" ยื่นซองกฐิน  "10 รมต." ยันขอเวลาอภิปราย 4-5 วัน ไม่หวั่น "ทักษิณ" ตั้งวอร์รูมแจงปมชั้น 14 "อนุทิน" เผยดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล 25 ก.พ. มีเฉพาะหัวหน้า-เลขาฯ พรรคเท่านั้น "เพื่อไทย" เข้าชื่อยื่น "วันนอร์" เสนอญัตติส่งศาลชี้ขาดสภาแก้ รธน.โดยไม่ต้องทำประชามติก่อนได้หรือไม่ 19 ก.พ.นี้ "ภท." เคลียร์ "พท." โหวตหนุนญัตติส่งศาลตีความทำประชามติก่อนแก้ รธน.หรือไม่ "ธนดล" ตรวจที่ดินสนามกอล์ฟครอบครัวอนุทิน ระบุโฉนดถูกต้องตาม กม. แต่ต้องตรวจสอบที่มาที่ไป "สว.อังคณา" กลับลำถอนญัตติป่วยทิพย์ชั้น 14 อ้างข้อมูลไม่พอต้องศึกษาต่อ “สว.นันทนา” ข้องใจถูกล็อบบี้หรือไม่

ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.สงขลา วันที่ 18 ก.พ.2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล มั่นใจรัฐมนตรีทุกคนจะสอบผ่านหรือไม่ว่า แน่นอนทุกกระทรวงมีการอัปเดตกันตลอด คิดว่าตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นนโยบายใดๆ อาจต้องมีการผลักดันมากยิ่งขึ้น ก็ต้องผลักดันกันไป ทุกวันนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรในการที่จะผลักดันนโยบายให้ออก คิดว่าทุกคนตอบตามระบบ ตอบตามกระบวนการจริงๆ ที่ทำไม่น่ามีปัญหาอะไร

ถามว่า นายกฯ ได้เก็งข้อสอบอย่างไรบ้าง  น.ส.แพทองธารกล่าวว่า แน่นอนต้องเก็งข้อสอบ  ให้เข้าไปตัวเปล่าได้อย่างไร เมื่อถามว่าคิดว่าจะโดนเรื่องอะไรเป็นหลัก นายกฯ กล่าวว่า ไม่บอก  เราจะไม่เฉลยข้อสอบก่อน

ด้านนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ได้รับร่างเนื้อหาการอภิปรายของพรรคร่วมฝ่ายค้านแต่ละพรรคแล้ว ก็จะนำเนื้อหามารวบรวมกับพรรค ปชน. เพื่อให้เป็นญัตติเดียวกัน และลงชื่อร่วมกันอีกครั้ง ฉะนั้นไทม์ไลน์ที่จะยื่นต่อประธานสภาฯ ได้คงจะเป็นภายในวันที่ 27 ก.พ.เหมือนเดิม

ถามว่า จำนวนรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายมีกี่คน นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า เราคงไม่ยื่นทั้งคณะ  คงไม่ไหวหากจะอภิปรายรัฐมนตรีกว่า 30 คน แต่คาดไว้ราวๆ 10 คน แต่ต้องรอดูรายชื่อที่ชัดเจนกว่านี้

ซักว่าหากมีการอภิปรายพาดพิงถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เกี่ยวกับชั้น 14 อาจจะมีการตั้งวอร์รูมเพื่อชี้แจงเรื่องดังกล่าว นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของทุกคนที่จะถูกกล่าวหา แล้วจะแถลงข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายหนึ่งจะตั้งข้อสงสัยและข้อกล่าวหา ส่วนใครที่ถูกกล่าวหาและเห็นว่ามีความจำเป็นที่ต้องชี้แจง ก็มีสิทธิ์ชี้แจง ไม่ได้มีปัญหาอะไร

เมื่อถามว่า เหมือนจะให้อภิปรายได้แค่ 3 วัน ไม่ใช่ 5 วันตามที่เราต้องการ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า เราเคยเป็นฝ่ายค้านมาด้วยกัน หากจะให้อภิปราย 2 วันแล้วลงมติอีก 1 วัน ถ้าจะพูดแบบนี้ก็เหมือนกับคนไม่เคยเป็น สส. และรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรก็ต้องมากกว่านั้น และทุกครั้งก็เป็น 4 วันเป็นอย่างน้อย สมัยที่พรรค พท.เป็นแกนนำฝ่ายค้านก็ขอ 7 วัน พอตัวเองเป็นรัฐบาลบอกจะให้พูด 2 วัน ก็ตัดสินกันเองแล้วกันว่านี่เป็นการพยายามหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติหรือไม่ ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยคงเป็น 4-5 วันตามที่ขอไป

ซักหากมีการอ้างเรื่องภารกิจของรัฐบาล เหมือนการมาตอบกระทู้สดจะทำอย่างไร ปธ.วิปฝ่ายค้านกล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลชุดที่แล้วเขาไม่ติดภารกิจกันหรือ ซึ่งจริงๆ ตนได้ประสานไปล่วงหน้าแล้วว่าเป็นสัปดาห์ไหน หากเคลียร์ไม่ได้คิดว่าควรไปอ่านประชาธิปไตย 101 ใหม่ ว่าฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารเขาถ่วงดุลกันอย่างไร ทุกคนมีประสบการณ์หมดอยู่แล้ว

ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)  กล่าวถึงการจัดรับประทานเย็นร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาล ที่พรรค ภท.เป็นเจ้าภาพในวันที่ 25 ก.พ.ว่า จะมีขึ้นที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล เขตบางรัก กรุงเทพฯ ซึ่งจะมีการเชิญให้ไปพรรคละ 2 คน คือหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นไปตามคำบัญชาของนายกฯ เพราะที่ผ่านมาคนเยอะแต่มีเวลาจำกัดทำให้พูดคุยกันได้น้อย

ถามว่า บรรดาที่ปรึกษาพรรคการเมืองทุกพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่ได้ไปด้วยใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ได้ไป ท่านนายกฯ เป็นเจ้าภาพ ตนเป็นเจ้ามือตามคิว เมื่อถามว่าจะมีการเคลียร์ใจเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญและเรื่องที่ดินต่างๆ หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ก็แล้วแต่นายกฯ

ภท.เคลียร์ พท.หนุนส่งตีความ

ขณะที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า  ขณะนี้ สส.พรรค พท.เข้าชื่อในญัตติเกิน 40 คน และจะขออนุมัติในที่ประชุม สส.พรรค เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นว่า รัฐสภามีอำนาจวินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค พท.และพรรค ปชน.หรือไม่ โดยไม่ต้องทําประชามติก่อน ซึ่งแตกต่างจากญัตติที่ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.เสนอ ทั้งนี้ คาดว่าจะเสนอให้ประธานรัฐสภาเพื่อบรรจุเข้าระเบียบวาระในวันที่ 19 ก.พ.นี้ จากนั้นประธานรัฐสภาจะเรียกประชุมร่วมเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่ง สส.พรรค พท.จะเสนอเลื่อนญัตตินี้ขึ้นมาพิจารณาก่อน ต้องดูว่าที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบหรือไม่

"การจัดส่งญัตติดังกล่าวไปให้ศาลได้นั้น ต้องบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมสภาฯ ตามข้อบังคับที่ 31 ส่วนสาเหตุที่ไม่ใช้ญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์ เพื่อทำให้เห็นว่ามีความแตกต่าง ตัวของพรรค พท.แตกต่างกันตรงที่เราถามฟันธง แต่ของ นพ.เปรมศักดิ์ถามถึงอนาคตด้วย" นายชูศักดิ์กล่าว

ถามว่า หากศาลวินิจฉัยให้ทำประชามติ 3 ครั้ง ประธานรัฐสภาที่บรรจุร่างและ สส.ที่เสนอแก้ไขรัฐ รธน.จะมีความผิดสำเร็จหรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า มองว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของสภา เพราะเราดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ คือ 1.เข้าชื่อถูกต้อง 2.เสนอแก้ไขมาตรา 256 และ 3.ไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ รวมถึงไม่ได้ล้มล้างการปกครอง

ส่วนนายอนุทินกล่าวถึงท่าทีต่อเรื่องดังกล่าวของพรรค พท.ว่า พรรค ภท.ไม่มีปัญหา ถ้าเป็นขั้นตอนตามกฎหมายที่ถูกต้องเราก็สนับสนุนอยู่แล้ว ทั้งนี้ หากมีการบรรจุวาระและเลื่อนการพิจารณาขึ้นมาพรรค ภท.ก็ร่วมโหวต ซึ่งตรงนี้คุยกันแล้ว เราไม่ได้เป็นคนขวาง เดี๋ยวจะหาว่าเป็นภูมิใจขวางอะไรอีก เรากลัวคนอื่นเขาไม่เคยโดน พวกเราโดนกันมาแล้ว

ซักว่ามีกระแสข่าวพรรค พท.ก็กลัวเช่นกัน จึงทำสภาล่ม 2 ครั้ง ในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 13-14 ก.พ.ที่ผ่านมา  นายอนุทินกล่าวว่า อ้าวเห็นไหม ก็กลัวกันทุกคน  แต่เรากลัวก่อน

ส่วนนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงจุดยืนการแก้ไข รธน.ว่า เราได้ประกาศไปแล้ว และต้องดูเรื่องว่าทำอะไรอย่าให้ผิดกฎหมาย เพราะเรื่องนี้ศาล รธน.มีคำวินิจฉัยไปแล้ว ควรไปดูคำวินิจฉัยก่อนจะต้องทำประชามติก่อนหรือไม่ในกรณีที่มีการแก้มาตรา 256

"รทสช.ไม่เคยหาเสียงเรื่องการแก้ รธน. เนื่องจากเป็นข้อตกลงการร่วมรัฐบาลยืนยันว่าไม่แตะหมวดหนึ่งหมวดสอง กับส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตประพฤติมิชอบ จะแก้บางมาตราหรือแก้เกือบทั้งหมด ก็จะต้องพิจารณาไปตามความเหมาะสม" นายเอกนัฏกล่าว

ในส่วนความคืบหน้ากรณีที่นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์  ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์  ตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก. บริเวณพื้นที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมานั้น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กรณีของนายธนดลไม่ใช่เป็นการให้ไปตรวจสอบที่ดินของพรรคร่วมรัฐบาล แต่การดำเนินการเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาที่ดินและที่ทำกินของประชาชน กรณีนี้เป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อสภาเมื่อวันที่ 12-13 ก.ย.67

"มีการตรวจสอบพื้นที่ที่มีการทับซ้อนหรือใช้ไม่ถูกวัตถุประสงค์ทั้งประเทศ ไม่ใช่ตรวจสอบของใครเฉพาะเจาะจง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวคงจะมีการรายงานผลมาตามลำดับโดยผ่านมาทางนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งดูแล ส.ป.ก." นางนฤมลกล่าว

ธนดลชี้สนามกอล์ฟมีโฉนด

ถามว่า นายอนุทินบอกเป็นการเมือง รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า นายอนุทินอาจจะเข้าใจผิดไป  เพราะสื่อบางสำนักไปออกในลักษณะนั้น ไปเอาภาพของสถานที่ของนายอนุทินไปออก ทั้งๆ ที่เป็นการตรวจสอบทั้งประเทศ

"เดี๋ยวพบนายอนุทินก็คงจะได้คุยกันในรายละเอียด คุยกันได้อยู่แล้ว" รมว.เกษตรฯ กล่าว

วันเดียวกัน นายธนดล ในฐานะรองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาคราช พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หลังตรวจพบการออกโฉนดโดยไม่ชอบในพื้นที่กว่า 4 หมื่นไร่ ทับพื้นที่ ส.ป.ก. ในพื้นที่ 8 ตำบล ประกอบด้วย ตำบลหนองสาหร่าย, ขนงพระ, หนองน้ำแดง, ปากช่อง, กลางดง, หมูสี, โป่งตาลอง, วังกะทะ และตำบลคลองม่วง อำเภอปากช่อง (เขาใหญ่) จ.นครราชสีมา โดยได้ตรวจสอบจุดที่ 1-2 แล้วเสร็จ

จากนั้นนายธนดลลงพื้นที่ต่อไปจุดที่ 3 ซึ่งเป็นสนามกอล์ฟครอบครัวของนายอนุทิน อย่างไรก็ตาม นายธนดลและคณะไม่ได้เข้าไปในสนามกอล์ฟแต่อย่างใด โดยทันทีที่มาถึง ได้มายืนอยู่บริเวณด้านข้างของสนามกอล์ฟ ก่อนนำข้อมูลมาอธิบายกับสื่อมวลชนถึงสาเหตุที่ต้องตรวจสอบที่ดินดังกล่าว

นายธนดลกล่าวว่า แม้สนามกอล์ฟดังกล่าวได้โฉนดมาแบบถูกต้องตามกฎหมายที่ดิน แต่ประเด็นที่เราต้องตรวจสอบ คือสนามกอล์ฟนี้อยู่ติดกับนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ซึ่งมีบางส่วนงอกออกมา โดยสนามกอล์ฟมีส่วนหนึ่งอยู่ในเขตนิคมฯ จำนวน 59.66 ไร่ และอีกส่วนอยู่ในเขต ส.ป.ก. จำนวน 488.26 ไร่ แม้ว่าจะได้โฉนดมาถูกต้อง แต่เราต้องตรวจสอบว่าโฉนดที่ได้มาที่ไปที่มาเป็นอย่างไร รวมทั้งยังมีการเปิดภาพถ่ายดาวเทียมตั้งแต่ปี 2496 ที่แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นป่า ก่อนมีความเปลี่ยนแปลงด้วยมาจนถึงปัจจุบันจัดทำเป็นสนามกอล์ฟ

"ทั้งหมดตรวจสอบตามหน้าที่ และจากนี้เป็นหน้าที่ของกรมที่ดินและกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวง พม. ต้องให้ 2 หน่วยงานนี้เป็นเจ้าภาพในการตรวจสอบ แม้ว่าปัจจุบันจะได้โฉนดมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่สำคัญเราต้องย้อนตรวจสอบ และหากผลออกมาว่าได้มาโดยไม่ชอบก็แค่เพิกถอน" นายธนดลกล่าว

ถามว่า ที่หลายคนตั้งข้อสังเกตการออกมาเคลื่อนไหวและตรวจสอบครั้งนี้เป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ นายธนดลกล่าวว่า ไม่หรอก ตนไม่ได้ทำแค่นี้ ทำทั้งหมดที่งอกมาในที่ ส.ป.ก. สนามกอล์ฟจุดอื่นก็มีเช่นกัน เราไม่ได้ตรวจสอบแค่ของนายอนุทิน ทุกอย่างมีขั้นตอนของกฎหมาย จะเป็นเรื่องกลั่นแกล้งใครแบบนั้นไม่มีทาง

ต่อประเด็นที่ดินสนามกอล์ฟที่กำลังถูกตรวจสอบนั้น นายอนุทินให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของหน่วยราชการต่อหน่วยราชการ สื่อชอบไปเขียนว่าเป็นสนามกอล์ฟของตน ซึ่งไม่ใช่ เป็นของนิติบุคคล ซึ่งมีคนในครอบครัวตนบริหารจัดการมาเกือบ 20 ปีแล้ว ยืนยันว่าไม่ใช่สนามกอล์ฟของตน และตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอะไร

"สิ่งที่ผมยืนยันได้คือครอบครัวได้มาอย่างสุจริต ซึ่งขณะนั้นที่ดินดังกล่าวไม่มีเอกสารสิทธิใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากโฉนดและ นส.3 มีการไปโอนที่กรมที่ดิน และเสียค่าโอนถูกต้อง ทำเอ็มโอยูกับเจ้าของเก่าเพื่อเข้าไปขอใช้สถานที่ ซึ่งทำทุกขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมาย" นายอนุทินกล่าว

ถามว่า ในที่ประชุม ครม.ได้พูดคุยกับ รมว.เกษตรฯ เพื่อเคลียร์ใจกันหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ได้คุย เพราะเป็นเรื่องระหว่างหน่วยงาน ตนฟังยังสงสัยว่า ส.ป.ก.ไปออกที่ทับซ้อนกับนิคมสร้างตนเอง มีตัวย่อเต็มไปหมด และมีแผนที่ 1 ต่อ 3 แสนบ้าง 1 ต่อ 5 ล้านบ้าง เต็มไปหมด ตนอ่านเรื่องนี้ 2 บรรทัดก็หลับแล้ว ดังนั้นขอปล่อยให้เรื่องนี้เป็นไปตามกฎหมาย เพราะแต่ละหน่วยงานมีผู้รับผิดชอบด้านกฎหมายอยู่แล้ว ถ้าผิดก็ต้องคืน แต่กรณีนี้เราได้มาโดยสุจริต ไม่ใช่ได้มาแค่ใบกระดาษอะไรก็ไม่รู้ แล้วใช้อำนาจหน้าที่ไปออกโฉนด ยืนยันว่าตอนที่ครอบครัวได้มาเปลี่ยนมือไปตั้งเท่าไหร่แล้ว เพราะฉะนั้นตนไม่กังวล

ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธาน ได้พิจารณาวาระการเสนอญัตติ เรื่องขอให้วุฒิสภาพิจารณาหาแนวทางปฏิบัติในการให้สิทธิแก่ผู้ต้องขังที่จะได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งเสนอโดยนางอังคณา นีละไพจิตร สว. และคณะ

อังคณาถอนญัตติป่วยทิพย์

ทั้งนี้ เมื่อเข้าสู่วาระ นางอังคณาได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ขอถอนญัตติดังกล่าวออกไปก่อน เนื่องจากยังมีความไม่พร้อมและไม่รอบคอบของข้อมูลที่มี ทำให้ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. อภิปรายโต้แย้งไม่เห็นด้วยกับการถอนญัตติดังกล่าว เนื่องจากได้เตรียมการอภิปรายไว้แล้ว พร้อมเรียกร้องให้ผู้เสนอญัตติอธิบายเหตุและผลเพื่อไม่ให้ถูกมองว่าถูกล็อบบี้ให้ถอนญัตติ

นางอังคณาชี้แจงถึงเหตุผลที่ถอน โดยยกตัวอย่างของความไม่เท่าเทียม ว่าอยากมีข้อมูลมากกว่านี้ เช่น กรณีของผู้ต้องขังที่อดอาหารปะท้วงและเสียชีวิต ยังขาดข้อมูลการชันสูตรศพ และข้อมูลของครอบครัว หากมีข้อมูลไม่ครบถ้วนอาจทำให้ได้ข้อมูลไม่รอบด้าน และขณะนี้เรื่องการตรวจสอบนักโทษที่ได้สิทธิรักษาตัวนอกเรือนจำ ป.ป.ช.ตรวจสอบอยู่ ดังนั้นต้องใช้ความระมัดระวัง หากมีข้อมูลไม่เพียงพอจะทำให้ข้อมูลที่เสนอต่อสาธารณะไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ มีระเบียบของทัณฑสถานที่ให้ผู้ป่วยต้องอยู่ในห้องขัง เช่น ผู้ป่วยระยะสุดท้าย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และตอบสนองไม่ได้ต้องอยู่ในเรือนจำ ระเบียบดีแต่ต้องไม่เลือกปฏิบัติ ทั้งนี้ จะเสนอญัตติดังกล่าวกลับอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม น.ส.นันทนากล่าวว่า จากคำชี้แจงวิญญูชนพึงพิจารณาได้ว่าสมเหตุสมผลกับการถอนญัตติหรือไม่ ฟังแล้วไม่เห็นด้วยกับการถอนญัตติดังกล่าว

ทั้งนี้ นายธนกร ถาวรชินโชติ สว. ชี้แจงด้วยว่า ตนในฐานะผู้ร่วมเสนอญัตติ และ สว.อีก 2 คน ได้ขอถอนการสนับสนุนญัตติดังกล่าว ทำให้เป็นเหตุต้องถอดถอนญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมวุฒิสภา ซึ่งเข้าใจว่านางอังคณาจะเสนอญัตติดังกล่าวอีกรอบ

จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติ 138 เสียง เห็นชอบให้ถอนญัตติดังกล่าว 7 เสียงไม่เห็นด้วย และงดออกเสียง 7 คน

นางอังคณาให้สัมภาษณ์ว่า การถอนญัตติดังกล่าวไม่ได้กลัวเรื่องของการถูกฟ้องร้อง เพราะตนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนมาตลอด และตอนนี้ดำรงตำแหน่งวุฒิสภา เราจึงให้ความเห็นเรื่องนี้ในทางวิชาการ ไม่ได้โจมตีบุคคล จึงคิดว่าเรื่องดังกล่าวไม่ควรนำมาซึ่งการถูกฟ้องร้อง เพราะความเห็นในเชิงวิชาการควรได้รับความเคารพ ซึ่งจุดยืนเรื่องนี้เราเห็นตรงกันกับรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่ระบุว่าการที่นายทักษิณนอนอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ 181 วัน โดยที่ไม่มีการย้ายเข้า-ออก จึงสงสัยว่าอาการไม่ดีขึ้นเลยหรือ และมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่ผ่านมาพยายามหาข้อมูลและขอข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่มักจะถูกอ้างว่าเป็นข้อมูลของผู้ป่วยไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ตนมองว่าผู้ที่ถูกตั้งข้อสงสัยควรจะสละสิทธิ์นี้เพื่อเปิดเผยข้อมูลให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เพราะเรื่องนี้สาธารณะคลางแคลงใจมาก

"เราก็งงอยู่ว่า 180 วัน รักษาโดยที่ไม่ได้ออกมาเลยหรือ และพอออกมาแล้วก็ดูไม่เหมือนผู้ที่เคยป่วยวิกฤตมาก่อน จึงเป็นคำถามว่า หากเป็นกรณีผู้ป่วยรายอื่นจะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกันแบบนี้หรือไม่ และควรเปิดโอกาสไปคุมขังที่อื่นที่ไม่ใช่เรือนจำ เช่นกรณี น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม นักกิจกรรม หรือบุ้ง ทะลุวัง ที่ควรได้รับการรักษาใกล้ชิดกับแพทย์เฉพาะทาง โดยน่าจะกลับมายื่นญัตติดังกล่าวได้อีกครั้งในสมัยประชุมหน้า" นายอังคณากล่าว

ถามว่า คาดหวังการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ในการเคลียร์ประเด็นดังกล่าวมากน้อยแค่ไหน นางอังคณากล่าวว่า ก็ต้องมั่นใจ เพราะกรรมการสิทธิฯ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งองค์กรอิสระได้ตรวจสอบแล้ว และต้องดูว่า ป.ป.ช.สามารถเข้าถึงข้อมูลทางการแพทย์ที่เป็นข้อมูลส่วนตัวได้มากน้อยแค่ไหน รวมถึงต้องดูว่า ป.ป.ช.มีอำนาจเรียกข้อมูลได้มากกว่ากรรมสิทธิฯ หรือไม่

ที่อาคารอนาคตใหม่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) พร้อมตัวแทน 44 สส. ที่ ป.ป.ช.ออกหนังสือเชิญเข้ารับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง สืบเนื่องจากกรณีร่วมกันลงชื่อเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ร่วมกันแถลงข่าวแสดงจุดยืนต่อกรณีดังกล่าว

นายณัฐพงษ์กล่าวว่า การทำหน้าที่ของพวกเราทุกคน ในการยื่นร่างแก้ไขกฎหมายเป็นหน้าที่ของ สส. ที่ใช้อำนาจตามกระบวนการนิติบัญญัติ ยืนยันการกระทำของพวกเราไม่ควรที่จะต้องผิดกฎหมายข้อหนึ่งข้อใด ไม่ควรจะต้องถูกร้องเรื่องการผิดจริยธรรมร้ายแรง

"หลังจากมีหนังสือเรียกพวกเราเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว จะมีเวลาอีก 15 วัน ซึ่งพวกเราจะขอใช้สิทธิ์ในการขยายกรอบเวลา เนื่องจากช่วงนี้อยู่ในช่วงการเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตาม รธน.มาตรา 151 อย่างไรก็ตาม ยังมีเพื่อน สส.ของพวกเราบางส่วนเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาก่อนเบื้องต้น เพื่อที่อย่างน้อยๆ  เราจะได้รับทราบรายละเอียดในข้อกล่าวหา รวมถึงรายละเอียดพยานหลักฐานที่ ป.ป.ช.รวบรวมมาได้" นายณัฐพงษ์กล่าว.