หลิวจงอี้ขอโทษคนไทย กห.ดึงUSปราบแก๊งคอล

"นายกฯ อิ๊งค์" ปักธงนโยบายตำรวจรับมืออาชญากรรมข้ามชาติในยุคดิจิทัลดิสรัปชัน พร้อมหนุนพัฒนาบุคลากร-เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำงานร่วมประเทศเพื่อนบ้าน ฮึ่มฟันโทษหนักเจ้าหน้าที่เอี่ยวทำผิดกฎหมาย ด้าน   “บิ๊กอ้วน” เผย “หลิว จงอี้” ขอโทษคนไทยยุ่มย่ามในประเทศทำให้รู้สึกถูกรุกล้ำอธิปไตย ปัดข้อเสนอจีนใช้ยาแรงตัดอุปโภคบริโภคกวาดเหี้ยนแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมียนมา ชี้ต้องคำนึงหลักมนุษยธรรม ชาวบ้านที่ไม่มีส่วนรู้เห็น ขณะที่ประชุมหมายจับ “หม่อง ชิตตู” ครั้งที่ 3 ล่ม  

เมื่อวันพุธ เวลา 15.10 น. ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมรามา การ์เด้นส์ กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายหัวข้อ “นโยบายรัฐบาลในการจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติยุค Digital Disruption” ในโครงการสัมมนาผู้บริหารระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่าและผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้พบทุกคนในวันนี้ เพื่อมาบอกแนวทางว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่บ้าง รวมถึงอยากให้ตำรวจทุกคนช่วยในด้านไหนบ้าง จะได้ทำให้ประเทศของเราเป็นประเทศที่ปลอดภัยและพัฒนาไปพร้อมกับนโยบายของรัฐบาลในเรื่องของหลักนิติรัฐ นิติธรรม เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และเน้นย้ำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เลือกปฏิบัติ

นายกฯ กล่าวว่า ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าประเทศไทยทุกวันนี้กำลังเผชิญกับปัญหาใหม่ที่เข้ามาในหลายรูปแบบ ทำให้เราต้องคอยพัฒนาตัวเองและปรับตัวอยู่เรื่อยๆ ทั้งปัญหาเทคโนโลยี ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ไม่ใช่แค่ประเทศไทยที่ให้ความสำคัญ เพราะผู้นำหลายประเทศให้ความสำคัญในด้านนี้อย่างมาก  โดยจะมีผู้รับผิดชอบด้านความมั่นคงและรัฐมนตรี หรือหน่วยงานต่างๆ ของประเทศนั้น ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ที่พร้อมพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์และนโยบายต่างๆ โดยประเทศเพื่อนบ้านหรือประเทศที่เราทำงานด้วย  เช่น จีน เมียนมา ลาว ทุกประเทศพร้อมให้การสนับสนุนเรา

 “นอกจากอาชญากรรมข้ามชาติ ยังมีเรื่องยาเสพติดที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาก ขอบคุณตำรวจที่ให้ความร่วมทุกระดับอย่างดีมาก ขอมอบนโยบายให้ตำรวจขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เรื่องแรกพัฒนาบุคคล ให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ รู้เท่าทัน พัฒนาการที่รวดเร็วของเทคโนโลยีในปัจจุบัน เนื่องจากเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ถ้าเราร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน  ประเทศที่เกี่ยวข้องได้ เราจะไม่ต้องนับหนึ่งใหม่ และขอให้อัปเดตเทคโนโลยีที่อาชญากรจะนำมาใช้เป็นช่องทางในการหลอกลวงประชาชน เช่น การจัดสัมมนาเชิญผู้รู้มามอบความรู้ ควบคู่ไปกับการแก้ไขกฎหมาย หรือออกมาตรการที่จะช่วยปราบปรามอาชญากรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การยึดทรัพย์ของผู้ทำผิดกฎหมาย หรือการดัดแปลงเงินดิจิทัลหรือทรัพย์สินดิจิทัล ให้ปฏิบัติอย่างจริงจัง" น.ส.แพทองธารระบุ

นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนั้น ให้สำนักงานตำรวจฯ แสวงความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและองค์กรระดับนานาชาติและระดับภูมิภาค ในเรื่องของเทคโนโลยีและยาเสพติด ที่มักจะเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และมีแผนปฏิบัติการในประเทศเพื่อนบ้านเรา จึงต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน เพื่อให้การจับกุมมีประสิทธิภาพ รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลและฝึกอบรมบุคลากรร่วมกัน โดยใช้ช่องทางตำรวจสากลในการประสานส่งต่อข้อมูลผู้กระทำผิด

"และสุดท้ายให้ดำเนินมาตรการทางวินัยและกฎหมายกับข้าราชการตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมอย่างเคร่งครัด และเข้มงวดโดยไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่ผู้ปฏิบัติงานและเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือมากขึ้น ทำให้ประชาชนรู้ว่าสำนักงานตำรวจฯ โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ดำเนินการกับผู้กระทำความผิดจริง ที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนช่วยเป็นกำลังสำคัญ ให้กับรัฐบาลและประเทศชาติ เพื่อให้คนในประเทศและชาวต่างชาติเกิดความมั่นใจ จะได้พัฒนาเศรษฐกิจไปพร้อมกัน" น.ส.แพทองธารระบุ

'หลิว จงอี้' ขอโทษไทย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ขอให้รัฐบาลทบทวนการส่งขบวนการคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศโดยไม่มีการเก็บอัตลักษณ์ว่า ต้องขอบคุณนายรังสิมันต์ โรม ที่เสนอแนะ แต่ก็ควรเข้าใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ได้ทำมาอยู่แล้ว โดยรัฐบาลได้ดำเนินการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง และทำหลายเรื่อง

"ขอย้ำว่า กรณีทางการจีนเดินทางมาก็ไม่ได้เป็นการรุกล้ำอธิปไตยไทย แต่เป็นการพูดคุยกันมาเป็นเดือนแล้ว และการเข้ามาก็ต้องขออนุญาตฝ่ายไทย จึงอยากให้เข้าใจในการทำงานของทุกฝ่าย ซึ่งบางครั้งการตักเตือนและแนะนำก็อย่าให้เป็นภาพที่ออกมาเหมือนการตำหนิติเตียน เพราะข้อเท็จจริงเราได้มีการพูดคุยกันมาตลอด แต่ทางจีนมีข้อเสนอเรื่องการตั้งสำนักงานเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคอลเซ็นเตอร์ แต่ไทยเองก็ไม่ได้เห็นด้วยถึงขนาดนั้น จึงเห็นว่าควรจะตั้งในรูปแบบไตรภาคี เพราะแก้ปัญหาได้มากกว่าการตั้งสำนักงาน” นายภูมิธรรมระบุ

วันเดียวกัน นายภูมิธรรมเปิดเผยภายหลังหารือกับนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมผู้ช่วยทูตทหารของจีน ทูตทหารจีน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหมด 6 คน ที่กระทรวงกลาโหม ใช้เวลา 1 ชั่วโมงกว่า ว่า นายหลิว จงอี้ ยืนยันว่าการทำงานของตนเองในประเทศไทยเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ พร้อมย้ำว่าเคารพในอธิปไตยของไทยและกฎหมายท้องถิ่นของไทย พร้อมกล่าวขอโทษคนไทย ที่ทำให้เกิดความไม่เข้าใจ ที่ดูเหมือนว่าเข้ามารุกล้ำอธิปไตยตามที่วิพากษ์วิจารณ์กัน โดยนายหลิว จงอี้  กล่าวว่าอาจเป็นความเร่งร้อนและมุ่งมั่นมากเกินไป เพราะห่วงประชาชนของตัวเอง จึงทำให้เกิดความไม่เข้าใจไปบ้าง

นายภูมิธรรมระบุว่า ตนบอกกับนายหลิว จงอี้ ว่าไม่เป็นไร เพราะรู้ว่ามีความตั้งใจและความมุ่งมั่น ซึ่งเรามีความเข้าใจกันอยู่แล้ว ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ที่จะทำงานร่วมกัน และจะทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้มากขึ้น ซึ่งนายหลิว จงอี้ อยากให้ไทยชี้แจงประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจ

"นอกจากนี้ นายหลิว จงอี้ ชื่นชมมาตรการตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต และตัดน้ำมันของรัฐบาลไทย ในส่วนของฝ่ายจีน นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน นายหลี่ เฉียง นายกฯ จีน ได้ชื่นชม พร้อมทั้งขอบคุณผ่าน น.ส.แพทองธาร ที่เราเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และร่วมกันทำงานจนได้ผล ซึ่งนานาประเทศก็ชื่นชมในการทำงานครั้งนี้ ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใน จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา"  นายภูมิธรรมระบุ

ทั้งนี้ นายภูมิธรรมกล่าวถึง 4 ข้อเสนอของนายหลิว จงอี้ ซึ่งตนเองเห็นด้วย ได้แก่ 1.การเสริมสร้างกลไกไตรภาคีที่เป็นรูปธรรม โดยความร่วมมือระหว่างไทย-เมียนมา-จีน เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น ให้เป็นแบบอย่างในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพในการประสานงาน ขณะนี้ รมช.มหาดไทยเมียนมา ผู้บัญชาการตำรวจเมียนมา อยู่ในไทยแล้ว พร้อมเปิดการเจรจาไตรภาคี

"ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความพร้อมของประเทศไทย โดยได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศตั้งไข่กลไกไตรภาคี เชิญทางเมียนมา ในฝ่ายไทย รมว.กลาโหมจะเข้าร่วมเอง หากไม่มีอะไรคลาดเคลื่อน ภายในสัปดาห์หน้าจะมีการจัดประชุมไตรภาคี ขณะนี้กระทรวงกลาโหมกำลังประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ" นายภูมิธรรมระบุ

2.ฝ่ายไทยจะช่วยเหลือในการส่งกลับคนจีนที่มีทั้งเหยื่อและผู้ร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปัจจุบันมีชาวจีนที่ผ่านการคัดกรองอยู่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 600 คน ซึ่งทางจีนจะส่งเครื่องบินมารับทั้งหมด 3 เที่ยว แบ่งเป็นเที่ยวละ 200 คน ห่างกัน 3 วัน ส่วนเหตุที่จะต้องใช้สนามบินแม่สอด จ.ตาก เพราะเนื่องจากเส้นทางในเมียนมาไม่ปลอดภัย เช่น มีกับระเบิด ซึ่งเมื่อหมดล็อตนี้แล้ว จะไปหารือในวงประชุมไตรภาคี ซึ่งไทยมีเงื่อนไขว่าการส่งตัวกลับต้องขึ้นเครื่องกลับไปโดยทันที ไม่มีพักคอยที่ อ.แม่สอด โดยฝ่ายจีนรับปากว่าหากจีนสอบสวนขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้ข้อมูลว่ามีส่วนใดเกี่ยวโยงกับประเทศไทยแล้ว จะแจ้งให้ทางการไทยรับทราบ เพื่อนำไปสู่การขุดรากถอนโคนเครือข่ายต่อไป

3.ฝ่ายไทยได้ตอบรับมาตรการตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต ตัดน้ำมัน ใน จ.เมียวดี ประเทศเมียนมาต่อไป จนกว่าจะพิสูจน์ว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะเบาบางจนถึงหมดไป พร้อมสกัดไม่ให้อาชญากรย้ายฐานไปที่อื่น อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยได้ร้องขอเครื่องมือพิเศษจากจีนในการตรวจตู้คอนเทนเนอร์ เพราะจีนกังวลว่าจะมีสินค้าต้องห้ามเล็ดลอดออกไป ซึ่งทางจีนรับปากว่าจะนำไปพิจารณา

ปัดตัดสินค้า-อาหาร

"ได้ปฏิเสธข้อเสนอที่ 4 ที่ให้ปิดกั้นสิ่งอุปโภคบริโภคไปยังเมียนมา เพราะไทยต้องคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม และไม่อยากให้กระทบกับประชาชนที่ไม่มีส่วนรู้เห็นทั้งสองประเทศ" นายภูมิธรรมระบุ

นายภูมิธรรมระบุด้วยว่า สำหรับในวันที่ 20 ก.พ. จะมีการส่งกลับคนจีน 4 เที่ยวบิน ซึ่งตนเองพร้อม รมช.กลาโหม ปลัดกลาโหม จเรตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายจีนนำโดยนายหลิว จงอี้ และคณะ ฝ่ายเมียนมานำโดย รมช.มหาดไทยเมียนมาและคณะ จะเดินจากกองบิน 6 ดอนเมืองไปยังสนามบินแม่สอด ไปส่งคนจีนกลับประเทศ เพื่อให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศ จากนั้นเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนถาม

โดยนายภูมิธรรมได้ย้ำว่า เรื่องสถานที่ประชุมไตรภาคี ต้องเอาที่สะดวกที่สุดกับทุกฝ่าย ซึ่งทางฝั่งเมียนมามีความพร้อมแล้ว เพราะนายหลิว จงอี้ ได้ไปพูดคุยกับทางเมียนมา แล้วมารายงานกับตนเองว่าพร้อมที่จะมาพูดคุย เลยมาขอให้ไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับไทยว่าจะพร้อมหรือไม่ ให้กลไกนี้สมบูรณ์

เมื่อถามถึงจำนวนเที่ยวบินที่จะมารับคนจีน  นายภูมิธรรมกล่าวว่า จะมี 3 รอบ แต่ละรอบเว้น 3 วัน ซึ่งในรอบแรกจะมี 4 เที่ยวบิน

"อันนี้เป็นข้อตกลงสุดท้าย ไม่ต้องมีเห็นว่า ได้ยินว่า ยืนยันชัดเจน เพราะผมได้ตัดสินใจพูดคุยกับเขาในที่ประชุมเรียบร้อยแล้ว เขายอมรับทุกอย่าง และขอบคุณเราที่เข้าใจ ซึ่งเราจะร่วมมือกันอย่างดี" นายภูมิธรรมกล่าว

เมื่อถามถึงการคัดกรองเหยื่อและขบวนการคอลเซ็นเตอร์ นายภูมิธรรมระบุต่อว่า การดำเนินการทั้งหมดเป็นกระบวนการร่วมกัน เดี๋ยวเราจัดการกันเองภายใน และไม่อยากเปิดเผยให้ทราบมาก เพราะเป็นกระบวนการที่ยังต้องต่อเนื่อง ยังไม่มีที่สิ้นสุด ขออนุญาตไม่พูดถึงรายละเอียด

เมื่อถามการรับมือกับชาวต่างชาติที่ไม่ใช่ชาวจีน นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นข้อตกลงร่วมกันอยู่แล้ว เพราะตอนนี้ยังไม่สามารถดูได้ว่าจะนำออกมาจัดการได้เท่าไหร่ ได้มาทุกครั้งก็ต้องมีกระบวนการกลไกการส่งต่อระดับชาติ (MRN) และให้ดำเนินการที่ฝั่งเมียนมา เพราะไม่ต้องการให้เป็นภาระของไทย

"ไม่มีทางไปก็ค้างอยู่ที่เรา เราไม่อยากตั้งค่ายผู้อพยพอีก เพราะฉะนั้นต้องเคลียร์ทางฝั่งเมียนมาให้เรียบร้อย ถ้าจะออกมาก็ต้องชัดเจน ถ้าเป็นคนจำนวนน้อยสถานทูตต่างๆ ก็ต้องมารับตัวไปดำเนินการ หากมาเยอะก็ต้องวางแผนใหม่ อย่างประเทศเคนยาก็มีปัญหาว่าเขาไม่มีสถานทูตในประเทศไทย ก็กำลังประสานงานกันอยู่ เขาก็ต้องมารับ ถ้าจะเอาคนออกไปก็ต้องผ่านกระบวนการ ไม่มีมาค้างที่แม่สอดก่อน แล้วมาว่ากันที่หลังไม่มี" นายภูมิธรรมกล่าว

ด้าน พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง  โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า ในช่วงเวลา 19.45 น. วันที่ 19 ก.พ. นายภูมิธรรมมีกำหนดการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ผ่านระบบ Video Call ในประเด็นด้านความมั่นคง ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าจะมีการหารือถึงความร่วมมือแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการ Call Center และยาเสพติด

จับหม่อง ชิตตูล่ม

ที่กองคดีค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ อาคารศูนย์ราชการอาคารเอ ถนนเเจ้งวัฒนะ พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษนัดประชุมร่วมกับพนักงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์  1 เพื่อหารือกรณีที่จะยื่นคำร้องขอออกหมายจับ พันเอกหม่อง ชิตตู, พันโทโมเต โธน และพันตรีทิน วิน ในความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์คอลเซ็นเตอร์ชาวอินเดีย ครั้งที่ 3

โดยมีรายงานว่า เมื่อถึงเวลานัด ทางพนักงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ 1 ซึ่งเดินทางไปประชุม พอเห็นสื่อมวลชนก็เดินทางกลับทันทีโดยไม่ได้เข้าประชุม ซึ่งมีรายงานว่าทางอัยการได้ประสานให้ทางดีเอสไอ กองคดีค้ามนุษย์ ที่เดิมจะต้องประชุมร่วมกันในวันนี้ ทำหนังสือรายงานความคืบหน้าในประเด็นที่ทางสำนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์อยากทราบกลับมาก่อนที่ทางอัยการคดีค้ามนุษย์จะมีการนำเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณาอีกครั้ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทบ.เดือดจัด ซัด‘เฮงรัตนา’ จอมลวงโลก

โฆษก ทบ.จี้นานาชาติจับตา “เฮง รัตนา” ผอ. CMAC กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ บ่อนทำลายความไว้วางใจและสันติภาพในภูมิภาค ใช้จินตนาการปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อหลอกลวงสังคมโลก

‘ราชินี’แรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่

ในหลวงพระราชทานถ้วยรางวัลนักกีฬาเรือใบ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 37 พระราชินีทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เรือวายุมีคะแนนดีที่สุดในการแข่งขัน

‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง

"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12

พท.ขึงขังซักฟอก อ้างเหตุเพราะมีคนตายปากกล้าขาสั่นท้าไม่กลัวยุบสภา

พรรคเพื่อไทยจะเอาทุกอย่าง ซักฟอกดิสเครดิตรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง บีบพรรคส้มตัดสินใจ เชื่อ "อนุทิน" ไม่ยุบสภา ไม่กระทบรัฐธรรมนูญ "สรวงศ์" ลั่น

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี