“เท้ง” ยักไหล่ไม่สนปม 44 สส.ถูกตรวจสอบจริยธรรม ลั่นสัปดาห์นี้ล่ารายชื่อถอดถอน ป.ป.ช.จบ “อนุสรณ์” บอกคดีไม่มีผลต่อรัฐบาลและบ้านเมือง “เทพไท” ชี้หากโดนตัดสิทธิ์ยกเข่ง ปชน.อาการหนักแน่
เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวตอนหนึ่งในการบรรยายหัวข้อ “การเมืองไทย ในทรรศนะ เท้ง-ณัฐพงษ์” ถึงกรณี 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกลถูกยื่นตรวจสอบจริยธรรมว่า ยักไหล่แล้วเดินหน้าทำงานฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป เชื่อว่าทุกคนไม่มีข้อกังวลใจว่าจะหลุดจากตำแหน่งหรือไม่ เพราะหากกังวล การเดินหน้างานในสภาผู้แทนราษฎรจะหยุดชะงักลง
“ทุกการกระทำและการแสดงออกสะท้อนให้เห็นว่าไม่ได้กังวลใจส่วนนี้ และไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องปกติที่ใครต้องโดน” นายณัฐพงษ์กล่าว
นายณัฐพงษ์ยังกล่าวถึงการรวบรวมชื่อเพื่อยื่นถอดถอนประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่ายังขาดรายชื่อบางส่วน แต่ไม่มีปัญหาอะไร สส.พรรค ปชน.ยังลงชื่อไม่ครบ ซึ่งมั่นใจว่าได้ครบทุกรายชื่อแน่นอน สส.ทุกคนไม่ได้กังวลใจใดๆ พร้อมแสดงชื่อ ซึ่งตั้งเป้าไว้ในช่วงสัปดาห์นี้จะล่ารายชื่อให้ครบ
เมื่อถามว่า หากล่ารายชื่อได้ครบแล้ว แต่ประธานรัฐสภาไม่ส่งต่อ จะดำเนินการต่ออย่างไร นายณัฐพงษ์ระบุว่า ไม่อยากเชื่อว่าประธานรัฐสภาจะดำเนินการแบบนั้น สังคมเห็นหลักฐานที่ประจักษ์ว่ามีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ต้องรอดูก่อนหลังเรายื่นต่อประธานรัฐสภาจะดำเนินการอย่างไร เชื่อว่าท่านดำเนินการตรงไปตรงมา แต่ถ้าหากไม่ส่งขึ้นมา ก็เชื่อว่าพรรค ปชน.จะพิจารณาแนวทางอื่นแน่นอน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี 44 อดีต สส.พรรคก้าวไกล ว่ารัฐบาลและพรรค พท.ไม่มีส่วนได้รับผลกระทบจากคดีนี้ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร และเชื่อว่าไม่ถึงขั้นเป็นจุดเปลี่ยนการเมืองไทยตามที่วิพากษ์วิจารณ์กันไป ไม่ว่าผลของคดีออกมาเป็นเช่นไร ประเทศไทยต้องเดินหน้าต่อไป
ขณะที่ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “44 สส.ถูกตัดสิทธิ์ กระทบหนักกว่ายุบพรรค” ว่าถ้าดูพัฒนาการของพรรคอนาคตใหม่ มาเป็นพรรคก้าวไกล และพรรคประชาชน มีจำนวน สส.เพิ่มขึ้น แต่ถ้าหากมีการตัดสิทธิ์ 44 อดีต สส.ของพรรคก้าวไกลหรือพรรคประชาชนในปัจจุบัน จะมีผลกระทบทางการเมืองมากกว่าการยุบพรรคทั้ง 2 ครั้ง ด้วยเหตุผลคือ 1.สส. 44 คนล้วนเป็น สส.ที่มีบทบาทของพรรคประชาชนเป็นส่วนใหญ่ เมื่อถูกตัดสิทธิ์ไปจะทำให้พรรคขาดบุคลากรที่มีประสบการณ์และคุณภาพทางการเมืองไปเป็นจำนวนมาก 2.การยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคชุดแรก ที่มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ซึ่งเป็นแกนนำคนสำคัญ แต่ก็ยังมีแกนนำแถว 2 อย่างนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนายชัยธวัช ตุลาธน รับไม้แทนได้
3.เมื่อยุบพรรคก้าวไกล เปลี่ยนมาเป็นพรรคประชาชน กก.บห.พรรคถูกตัดสิทธิ์ไปทั้งหมด ก็ยังมีแกนนำแถว 3 อย่างนายณัฐพงษ์, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล, นายรังสิมันต์ โรม ฯลฯ รับไม้แทนได้อีก 4.เมื่อ 44 อดีต สส.พรรคก้าวไกลถูกตัดสิทธิ์หมด แม้ไม่มีการยุบพรรค ปชน. แต่อดีต สส. 44 คน ส่วนใหญ่เป็นกำลังหลักของพรรคประชาชน ไม่สามารถสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมาทดแทนได้ทัน 5.ถ้าหากผู้นำพรรคชุดใหม่ คือนายพริษฐ์ วัชรสินธุ นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ฯลฯ ล้วนแต่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีอายุน้อย ยังขาดประสบการณ์ทางการเมือง อายุยังไม่เข้าเกณฑ์คุณสมบัติเป็นแคนดิเดตนายกฯ ถ้าผลักดันขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค ก็ไม่สามารถได้รับการเสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคได้ เพราะฉะนั้นถ้าหาก 44 อดีต สส.พรรคก้าวไกลถูกตัดสิทธิ์ไปแบบเหมาเข่ง ก็มีผลกระทบต่อพรรคประชาชนมากกว่าการยุบพรรค 2 ครั้งที่ผ่านมาเสียอีก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท


