เมียนมาจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จ่อเข้าไทยอีก 7,141 คน เร่งประสาน 29 ประเทศมารับตัว “ธนกร” บี้ตั้งศูนย์ปราบอาชญากรรมออนไลน์ระหว่างประเทศเร็วที่สุด "โรม" แนะเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส รับผึ้งแตกรังให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ไทย แชร์ข้อมูลเพื่อนบ้านกวาดล้างระดับบอส
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร (ฉก.ราชมนู กกล.นเรศวร) ได้รับข้อมูลบุคคลต่างชาติจากประเทศเมียนมา โดยกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง (BGF) ที่ได้รวบรวมจากปฏิบัติการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ในเมืองชเวก๊กโก เมืองเมียวดี และเมืองเคเคปาร์ค มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 7,141 คน จาก 29 สัญชาติ ดังนี้
1.จีน จำนวน 4,860 คน 2.เวียดนาม จำนวน 572 คน 3.อินเดีย จำนวน 526 คน 4.เอธิโอเปีย จำนวน 430 คน 5.อินโดนีเซีย จำนวน 283 คน 7.ฟิลิปปินส์ จำนวน 127 คน 8.มาเลเซีย จำนวน 70 คน 9.ปากีสถาน จำนวน 78 คน 10.เคนยา จำนวน 64 คน 11.ไต้หวัน จำนวน 25 คน 12.เนปาล จำนวน 17 คน 13.แอฟริกาใต้ จำนวน 17 คน 14.ยูกันดา จำนวน 13 คน 15.แอฟริกา จำนวน 9 คน 16.ศรีลังกา จำนวน 8 คน 17.อุซเบกิสถาน จำนวน 8 คน 18.ไนจีเรีย จำนวน 7 คน 19.กานา จำนวน 6 คน 20.แคเมอรูน จำนวน 6 คน 21.บังกลาเทศ จำนวน 6 คน 22.นามิเบีย จำนวน 4 คน 23.รวันดา จำนวน 4 คน 24.ตูนิเซีย จำนวน 3 คน 25.เช็ก จำนวน 2 คน 26.ลาว จำนวน 1 คน 27.โรมาเนีย จำนวน 1 คน 28.แอลจีเรีย จำนวน 1 คน 29.สิงคโปร์ จำนวน 1 คน
โดยฝ่ายเมียนมาได้จัดทำบัญชีรายชื่อส่งให้กับสถานทูตของแต่ละประเทศ เพื่อประสานการเดินทางกลับต่อไป
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรคและ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวภายหลังที่รัฐบาลร่วมมือกับประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และประเทศเพื่อนบ้านทั้งเมียนมา กัมพูชา อินโดนีเซีย ที่สำคัญคือจีน ในการร่วมมือแก้ปัญหาปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจังว่า มาตรการต่างๆ ที่ออกมาแก้ปัญหานั้นได้ผลเป็นรูปธรรมชัดเจน ทำให้สถิติประชาชนถูกหลอกลวงลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขอสนับสนุนให้รัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง เดินหน้าร่วมกับทุกประเทศ จัดการเอาผิดขั้นเด็ดขาดกับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะคีย์แมนคนสำคัญที่อาจเป็นข้าราชการระดับสูง ตำรวจ ทหาร หรือส่วนท้องถิ่นก็ตาม ที่รู้เห็นเป็นใจอำนวยความสะดวกให้แก่พวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เครือข่ายค้ามนุษย์ กลุ่มคนพวกนี้จะต้องได้รับโทษหนัก เพื่อไม่ให้กลับมาทำผิดอีก ซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนคนไทย โดยที่ผ่านมาก็ทราบดีว่าเรื่องนี้ได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศไทย รวมถึงกระทบต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวอย่างมาก
นอกจากนี้ ขอฝากเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายความมั่นคง วางกำลังซีลสกัดเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลายสัญชาติที่ขณะนี้ถูกปล่อยลอยแพในเมียวดี ประเทศเมียนมา กว่า 7,000 คน ไม่ให้ทะลักเข้ามาในประเทศไทยได้ จึงต้องมีการคัดกรองตรวจสอบประวัติให้ละเอียด ว่าใครเป็นเครือข่ายกลุ่มผู้กระทำความผิด และใครเป็นเหยื่อ เพื่อประสานความร่วมมือดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ระหว่างประเทศขึ้นโดยเร็ว เพื่อประสานความร่วมมือระหว่างกัน และส่งตัวกลุ่มเครือข่ายทั้งหมดกลับไปยังประเทศต้นทาง
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมผลักดันเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่จะทะลักเข้ามาในประเทศไทยว่า เข้าใจว่าสถานการณ์วิกฤตจริงๆ เพราะมีเหยื่อและอาจจะมีคนที่ร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ค้างอยู่ประมาณ 7,000 คน การที่ตัวเลขนี้ค้างอยู่ในพื้นที่ของกองกำลัง อาจจะทำให้มีปัญหาตามมาว่าการจะไปช่วยเหลือหรือทลายเพิ่มเติมนั้น อาจจะทำให้เกิดความยากลำบากได้ เพราะกองกำลังอาจจะไม่มีศักยภาพพอที่จะดูแลการให้ข้าวให้น้ำให้อาหารทุกอย่างกับบรรดาเหล่านี้ได้เป็นเวลานาน
ดังนั้น การจะดึงเข้ามาในประเทศไทย เราสามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้ หมายความว่า ต่อให้เขาเป็นเหยื่อหรืออาชญากร เขาย่อมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงสามารถให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่รัฐฝั่งไทยได้ว่าใครเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการที่จะทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเป็นรูปธรรมได้ โดยประเทศไทยเรามีเครื่องมือที่จะสามารถช่วยดูดข้อมูลจากโทรศัพท์ได้ และเราก็อาจจะเสริมทัพโดยการใช้บุคลากรในการสอบถามข้อมูลได้ นี่เป็นสิ่งที่เราต้องการมากที่สุดในเวลานี้ เพื่อนำไปขยายผลปราบปรามจีนเทา ไทยเทาต่อไปได้
“หากเรารีบส่งคนเหล่านี้เร็วเกินไป สุดท้ายก็ไม่มีอะไรการันตีว่าคนเหล่านี้หากเขากลับไปแล้วจะไม่สามารถกลับมาอีกได้ และไม่มีการการันตีว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะถูกทำลาย เมื่อแลกกับความปลอดภัยและความมั่นคงของประชาชนชาวไทยระยะยาวก็คุ้ม แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะอยู่กับเขาเป็นปีๆ ต้องมีการประสานงานกับสถานทูตต่างๆ และส่วนใหญ่จะต้องมีการประสานงานกับทางประเทศจีน ซึ่งรัฐบาลจีนก็พร้อมดูแลคนของเขา แต่ก็อยู่ที่เรา" นายรังสิมันต์ระบุ
เมื่อถามว่า หากมีการอพยพเข้ามาจะเป็นเหมือนผึ้งแตกรังหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า หากเราสามารถสร้างความมั่นใจได้ว่าจะมีกระบวนการและพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เชื่อว่าจะเป็นผึ้งแตกรังที่เข้ามาหาเจ้าหน้าที่รัฐสามารถควบคุมได้ แม้อาจจะมีบางส่วนที่กลัวจะเป็นอาญา แต่เราน่าจะสามารถบริหารจัดการได้ ซึ่งเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่า 7,000 คน อาจจะเป็นเปอร์เซ็นต์น้อยของจำนวนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมด ยืนยันว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ชเวก๊กโกและเคเคปาร์คนั้น อาจจะมีกว่าแสนคน นอกจากนี้ต้องขยับให้มากกว่านี้ และทราบมาว่าทางประเทศกัมพูชาขอข้อมูลมา ฉะนั้นเราต้องแชร์ข้อมูลกันเพื่อให้เกิดความร่วมมือกัน รวมถึงต้องไปดูว่ายังมีกระบวนการนี้อยู่ที่ประเทศไหนบ้าง เพื่อจะได้ไปจัดการ เพราะคนที่เป็นระดับบอสนั้นเรายังจัดการได้ค่อนข้างน้อย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตร.บางพลีบุกช่วยนศ. โดนแก๊งคอลฯอ้างเป็นDSI สูญเงิน 2 แสน
ตำรวจบางพลี บุกช่วยนักศึกษามหาวิทยาลัยดัง หลังโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก อ้างเป็นดีเอสไอ โอนเงินเกือบ 2 แสนบาท
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา


