โศกนาฏกรรมซ้ำบัส2ชั้น เซ่น19ราย!ล้อมคอกอีก

โศกนาฏกรรมซ้ำ! รถบัสสองชั้นดูงานพลิกคว่ำที่เขาศาลปู่โทนปราจีนบุรี สังเวย 19 ศพ นายกฯ แสดงความเสียใจกับครอบครัว-ผู้บาดเจ็บ สั่งเข้มคมนาคมตรวจสอบจัดการเด็ดขาดตามกฎหมาย ด้านรองปลัดคมนาคมแจงยิบสั่งยกเลิกรถหมดแล้วรถโดยสารประจำทางที่เป็นรถสองชั้น เหลือแต่รถแบบเช่าเหมาคันกว่า 1,000 คัน ชี้แก้ กม.ต้องใช้เวลา ด้านขนส่งทางบกระบุผู้ขับและผู้ประกอบการมีใบอนุญาต ทำประกันภัยสมัครใจและบังคับเยียวยาเสียชีวิตรายละ 1 ล้าน  เจ็บ 8 หมื่น “คกก.ความปลอดภัยทางถนน” ชงเพิ่มวงเงินประกันภัย

เมื่อวันพุธ เวลา 03.30 น. พ.ต.ท.ศิวภัสส์ ภูริพัศชัยบุญชู สารวัตรสอบสวน สภ.วังขอนแดง จ.ปราจีนบุรี ได้รับแจ้งเหตุกรณีอุบัติเหตุรถทัวร์พลิกคว่ำ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและติดอยู่ภายในรถ  ที่เกิดเหตุบริเวณทางลงเขาศาลปู่โทน ม.4 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี โดยเป็นรถบัสยี่ห้อสแกนเนีย หมายเลขทะเบียน 30-0040 บึงกาฬ มีผู้โดยสาร 48 คน คนขับรถ 1 คน รวม 49 คน ขับมาจาก จ.บึงกาฬ มุ่งหน้า จ.ระยอง เมื่อถึงที่เกิดเหตุ ทล.304 เกิดพลิกคว่ำ เป็นเหตุให้มีทรัพย์สินเสียหาย ล่าสุดมีผู้เสียชีวิต 19 ราย และได้รับบาดเจ็บจำนวน 30 ราย ซึ่งทั้งหมดถูกนำตัวส่งรักษา รพ.สต.ทับลาน, รพ.นาดี และ รพ.กบินทร์บุรี

จากการตรวจสอบพบว่าเป็นรถบัสที่จะพาคณะดูงานของเทศบาลตำบลพรเจริญ จ.บึงกาฬ ไปดูงานที่ จ.ระยอง ตามโครงการพัฒนาศักยภาพและการศึกษาดูงานคณะกรรมการธนาคารขยะหมู่บ้าน และรถที่นั่งกันมามีทั้งหมด 3 คัน คันที่ประสบอุบัติเหตุเป็นคันที่ 3

นายบุญทัน ชาตรี เจ้าของรถบัสทั้ง 3 คันที่นั่งมากับรถด้วยระบุว่า รถกำลังเข้าเกียร์ต่ำเพราะเป็นทางลงเขา แล้วมีการขับจะชนคันหน้า ทำให้มีการหักรถหลบ ทำให้รถเสียหลักและเกิดอุบัติเหตุขึ้น

ด้าน พล.ต.ต.เกียรติศักดิ์ สระทองออย ผู้บังคับการตำรวจภูธรปราจีนบุรี เปิดเผยว่า  สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเรื่องความเร็วของรถ มีรายงานว่ารถคันนี้ตอนลงเขาใช้ความเร็วเกิน 100 กม./ชม. มีความเป็นไปได้ว่าน่าจะเกิดจากอุปกรณ์ของรถ  คือลมเบรกหมดหรือเบรกแตก ต้องให้เจ้าหน้าที่ขนส่งไปดูว่าสาเหตุที่ทำให้รถมีความเร็วในการลงเขาเกิน 100 กม./ชม. เป็นเพราะสาเหตุอะไร

ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความผ่าน X และโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ดิฉันขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ดิฉันได้กำชับให้กระทรวงคมนาคมตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว และหากพบว่ามีการฝ่าฝืนใช้รถที่ไม่ผ่านมาตรฐานหรือเข้าข่ายใช้รถด้วยความประมาท ขอให้มีการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และได้กำชับไปเรื่องการตรวจรถที่ต้องปลอดภัย-ผ่านมาตรฐานที่กำหนดก่อนนำมาใช้งาน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดการสูญเสียเช่นนี้อีก

นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย​ กล่าวว่า การให้ความช่วยเหลือนั้นเป็นไปตามระบบ รายละ 500,000 บาท  ส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำจะต้องทบทวนการดูงานในพื้นที่ระยะไกลหรือไม่นั้น  เป็นเรื่องปลายเหตุ สิ่งที่ต้องดูคือสภาพรถเป็นอย่างไร ซึ่งต้องรอผลการสอบสวนก่อน สิ่งที่ต้องไปดู เรื่องการปฏิบัติตามกฎความปลอดภัย กฎจราจรเป็นอย่างไรมากกว่า

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้ให้ขนส่งทางบกประสานกับพนักงานสอบสวนเพื่อติดตามผลคดีอย่างใกล้ชิด โดยเรียกผู้ประกอบการมาชี้แจงข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบตัวรถโดยสารทะเบียน 30-0040 บึงกาฬ ประเภทการขนส่งเป็นรถโดยสารไม่ประจำทาง ขณะเกิดเหตุมีผู้ขับรถชื่อนายนาวิน ชูปัญญา มีใบอนุญาตขับรถทุกประเภทชนิดที่ 4 เลขที่ 00169/65 สิ้นอายุวันที่ 6 ก.ย.2568 ส่วนผู้ประกอบการ นายบุญทัน ชาตรี ใบอนุญาตเลขที่ บก.บ.8/2566 วันสิ้นอายุใบอนุญาตวันที่ 17 ธ.ค. 2571

“ได้ทำประกันภาคสมัครใจ ชั้น 3 บริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด วงเงินไม่เกิน 10,000,000 บาท/ครั้ง เสียชีวิตเบื้องต้น 50,000 บาท/คน สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท กรณีบาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาล 50,000 บาท/คน และ พ.ร.บ.ภาคบังคับ วงเงินไม่เกิน 10,000,000 บาท/ครั้ง เสียชีวิตเบื้องต้น 35,000 บาท/คน สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท กรณีบาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาล 30,000 บาท/คน” นายสุรพงษ์ระบุ

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) รายงานข้อมูลที่ได้ดำเนินการตรวจสอบจากความเร็ว การใช้เส้นทาง และข้อมูลของผู้ขับรถของรถบัสโดยสารคันดังกล่าวจากระบบ GPS อย่างละเอียด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะนำมาประกอบการสอบสวนข้อเท็จจริงอันจะนำไปสู่การดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ประกอบการขนส่งหรือผู้ประจำรถ

นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายสมเกียรติ กิจเจริญ คณะทำงานฯ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุบัติเหตุ โดยระบุส่วนการเยียวยาเหยื่อเป็นไปตามกฎหมาย รถคันนี้มีประกันภัย ได้มีการกำชับไปแล้วว่าตัวเลขในการเยียวยาเหยื่อต้องเป็นตัวเลขที่สูงสุดตามที่กฎหมายรองรับ แต่เบื้องต้นทราบตัวเลขโดยประมาณว่าล้านเศษ ตามกรมธรรม์ของรถ

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่มายัง สภ.วังขอนแดง เพื่อตรวจสอบสภาพรถบัสคันเกิดเหตุ ระบุว่า ล่าสุด ขบ.ได้ยกเลิกในส่วนของรถโดยสารประจำทางที่เป็นรถสองชั้นออกไปแล้ว แต่รถแบบเช่าเหมาคันมีอยู่ประมาณกว่า 1,000 คัน ที่รอการยกเลิก ซึ่งหากจะมีการแก้กฎหมายหรือระเบียบต่างๆ ต้องใช้เวลาระยะเวลา โดยหลังจากนี้จะให้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้พิจารณาเรื่องการยกเลิกรถลักษณะแบบนี้ แต่ต้องตรวจสอบก่อนว่าเหตุที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นจากโครงสร้างหรือลักษณะของกายภาพของถนน

นายนิกร จำนง ที่ปรึกษาคณะกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของรัฐสภา และประธานคณะอนุกรรมการด้านประสานงานบริหารจัดการรณรงค์และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการป้องกันอุบัติเหตุ ระบุว่า คณะกรรมการฯ ให้ความสำคัญกับกรณีดังกล่าว เนื่องจากเป็นการเกิดอุบัติเหตุของรถโดยสารไม่ประจำทาง หมวด 30 ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน คือ กรณีไฟไหม้รถบัสนักเรียนจากจังหวัดอุทัยธานี ครั้งนี้ คณะอนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานและยานพาหนะ จะนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาในคณะอนุกรรมการฯ ในวันที่ 28 ก.พ.นี้

“ที่ผ่านมาได้หารือกับนายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งกำลังพิจารณาถึงแนวทางการเพิ่มวงเงินประกันภัยให้เหมาะสมแก่เหตุ เนื่องจากปัจจุบันวงเงินประกันภัยอยู่ที่ 10 ล้านบาท โดยแบ่งเยียวยาผู้เสียชีวิตเพียง 500,000 บาท ซึ่งผมมองว่าน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น จึงต้องมีการขยายวงเงินประกันภัย” นายนิกรระบุ

นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) ระบุว่า ฝากถึงครอบครัวผู้ประสบภัย หากมีปัญหาต้องร้องขอจัดการมรดกเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ตาย ค่าสินไหมทดแทนจากประกันหรือทางคดี ขอให้ติดต่ออัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิฯ (อจคช.) จังหวัดบึงกาฬ เพื่อขอรับความช่วยเหลือได้ฟรี ตามระเบียบของสำนักงานอัยการ.