ดัน‘สมชัย’ปธ.แบงก์ชาติ ชงกาสิโนเข้าครม.11มี.ค.

ไม่พลิก! “สมชัย” ผงาดนั่งเก้าอี้ประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนที่ 5 หลัง “สถิตย์” การันตีคัดเลือกจบเรียบร้อยแล้ว เร่งเสนอชื่อชงคลัง ก่อนเข็นเข้า ครม. ขณะที่ “กฤษฎีกา” ส่งร่าง กม.กาสิโนให้รัฐบาลแล้ว คาดเสนอ ครม. 11 มี.ค.นี้

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์  อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือประธานบอร์ดแบงก์ชาติ กล่าวภายหลังการประชุมเพื่อคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวว่า  ขณะนี้กระบวนการคัดเลือกได้เสร็จสิ้นลงแล้ว   โดยคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้เข้าร่วมประชุมครบทั้ง 7 ท่าน ซึ่งในกระบวนการได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 2 ท่าน ได้แก่ นายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมาจากการเสนอชื่อโดย ธปท. และนายสมชัย สัจจพงษ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งมาจากการเสนอชื่อโดยกระทรวงการคลัง

ทั้งนี้ ยืนยันว่าผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 2 ท่าน ผ่านคุณสมบัติทุกข้อ ทั้งในแง่คุณสมบัติ ที่กำหนดว่าต้องเป็นสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 70 ปีบริบูรณ์ และต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถในงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ การเงิน การบัญชี กฎหมาย หรือความรู้ในสาขาอื่นๆ ที่เหมาะสม รวมถึงต้องไม่มีลักษระต้องห้าม คือ ต้องไม่เคยต้องโทษจำคุก ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ ต้องไม่ใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง และต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องกับ ธปท. ในกรณีที่มีการขัดแย้งทางผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน

 “ผลคะแนนยังไม่สมควรบอก เพราะถ้าบอกไปจะกลายเป็นว่าผู้ที่ไม่ได้รับการเลือกจะไม่ค่อยดี ส่วนจะให้พูดว่าคนที่ได้รับการคัดเลือกมาจากตัวแทนที่ใครเสนอ ทุกฝ่ายก็คงจะทราบกันทันทีอยู่แล้ว ดังนั้นในชั้นนี้จึงอยากขอให้กระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นลงก่อน โดยขณะนี้ผมได้ลงนามในหนังสือเพื่อส่งเรื่องไปให้นายพิชัย ชุณหวชิร  รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับนายพิชัยว่าจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบเมื่อใด หลังจากนั้นจึงจะต้องนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงแต่งตั้งต่อไป ดังนั้นรายชื่อว่าใครได้รับการคัดเลือกจึงต้องเป็นไปตามกระบวนการที่เหมาะสมก่อนจะมีการเปิดเผยได้” นายสถิตย์ระบุ

นายสถิตย์กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าการประชุมเพื่อคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติทุกครั้งนั้นไม่ได้มีแรงกดดันแต่อย่างใด  เพราะทุกครั้งที่มีการประชุมคือการพิจารณาตามหลักการของข้อกฎหมาย เนื่องจากข้อกฎหมายมีการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามไว้ชัดเจนแล้ว ดังนั้นเมื่อกรรมการมีความเห็นไปตามข้อกฎหมายอย่างไร ก็ดำเนินการไปตามนั้น  ดำเนินการโดยใจที่เป็นกลาง และยึดหลักกฎหมายเป็นที่ตั้ง

อย่างไรก็ดี ในระหว่างกระบวนการเสนอรายชื่อไปยัง ครม. และรอการทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงแต่งตั้งนั้น ระหว่างนี้รองประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ซึ่งคือนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. สามารถทำหน้าที่แทนประธานบอร์ดได้อยู่แล้ว เพื่อให้การดำเนินงานต่างๆ ของ ธปท.ยังคงเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ติดขัดอะไร และหลังจากที่มีการทูลเกล้าฯ ถวายและทรงแต่งตั้งแล้ว ประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่ก็สามารถเริ่มเข้ามาทำหน้าที่ได้

ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังระบุว่า  มติคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้มีมติเลือกนายสมชัย สัจจพงษ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นผู้ดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่  ซึ่งถือเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนที่ 5

สำหรับประวัติ นายสมชัย สัจจพงษ์ จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนที่จะได้รับปริญญาโท และปริญญาเอกจาก Ohio State University สหรัฐอเมริกา ประวัติการทำงาน เคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง, อธิบดีกรมศุลกากร, ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.), ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.), ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง, รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง, ผู้อำนวยการสำนักนโยบายการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

อย่างไรก็ดี นายสมชัยยังเคยดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารและมีบทบาทในหลายบริษัท เช่น บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการบริหารการลงทุน บริษัท เอสโซฟิน จำกัด และบริษัท โปรเช็กเกอร์ จำกัด รวมถึงยังเป็นกรรมการบริษัทอื่นๆ อีกหลายแห่ง

ด้านนายสมชัยกล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่ทราบผลการคัดเลือกแต่อย่างใด ซึ่งต้องปล่อยให้การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอน แต่หากท้ายที่สุดได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติจริง ก็พร้อมจะทำงานอย่างเต็มความสามารถ

 “ผมยังไม่ทราบผลการคัดเลือกเลย เชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ แต่ถ้าผมได้รับการคัดเลือกจริงๆ ก็พร้อมจะทำอย่างอย่างเต็มความสามารถแน่นอน” นายสมชัยระบุ

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการนโยบายการเงิน​ (กนง.) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 2.25 เป็นร้อยละ 2 ต่อปี จะมีผลดีต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไร​ ว่า​  "ก็ต้องดีแน่นะคะ แต่ขอให้กระทรวงการคลังเป็นผู้อธิบายเพิ่มเติม​"

นางณัฐฏจารีย์ อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ..… (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) จากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว

เมื่อถามว่า จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 11 มี.ค.นี้หรือไม่ นางณัฐฏจารีย์กล่าวว่า ต้องดูกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยยืนยันเป็นหนังสือมาก่อน

น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า สถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือน ม.ค.2568 มีจำนวน 8,862 ราย เพิ่มขึ้น 102% เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค.2567 มีทุนจดทะเบียน 24,951 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เทียบกับ ธ.ค.2567 โดยธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป  ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร และเดือน ก.พ. มีนิติบุคคลที่จดทะเบียนทุนสูงเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 1 ราย ทุนจดทะเบียน 2,000 ล้านบาท ประกอบกิจการ ผลิต จำหน่าย ส่งออก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง

ทั้งนี้ อัตราส่วนการจัดตั้งธุรกิจต่อการเลิกธุรกิจในเดือน ม.ค.2568 อยู่ที่ 6:1 ซึ่งถือว่ามีการจัดตั้งใหม่ที่เติบโตสูง ขณะที่การเลิกยังต่ำ และเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราส่วนเฉลี่ยปี 2567 อยู่ที่ 4:1 และ 5 ปีย้อนหลัง (2562-2566) อยู่ที่ 3:1 แสดงให้ถึงแนวโน้มที่ดีของภาคธุรกิจในปี 2568 โดยคาดว่าไตรมาสแรกปี 2568 จะมีธุรกิจจดทะเบียนจัดตั้งใหม่อยู่ที่ 27,000-28,000 ราย คิดเป็น 30% ของยอดจดทะเบียนทั้งปี และตลอดปี 2568 จะอยู่ที่ประมาณ 90,000-95,000 ราย.