‘อุ๊งอิ๊ง’ลงพื้นที่ ตามบี้แก๊งคอล ห้ามเกิดเหตุซ้ำ

นายกฯ ลงพื้นที่สระแก้ว สางปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ลุยด่านพรมแดนบ้านคลองลึก  ตรวจจุดตัดสัญญาณ สั่งตัดแล้วต้องรื้อออกให้หมดจบไปเลย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น กำชับทุกฝ่ายต้องร่วมมือ ควบคุมทุกเส้นทางเคลื่อนย้ายชายแดน ป้องกันประชาชนตกเป็นเหยื่อ

เมื่อวันศุกร์ที่ 28 ก.พ.2568 ที่ ร.12 พัน.3 รอ. (ค่ายสุรสิงหนาท) ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือประเด็นการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมออนไลน์

โดยนายกฯ กล่าวก่อนการประชุมว่า ปัญหาของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ดังนั้นต้องขอขอบคุณคณะฝ่ายความมั่นคงและตำรวจที่ช่วยกันดูแลอย่างดี ทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นถูกจัดการปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างดีมาก ต้องขอขอบคุณและขอชื่นชมด้วย ทั้งนี้วันนี้มาติดตามดูว่าจากข้อสั่งการครั้งที่แล้ว ที่ได้สั่งการไปแล้วได้ทำอะไรไปแล้ว จะได้ติดตามผลว่าต้องมีอะไรที่ทำเพิ่มเติม หรือทางฝ่ายความมั่นคงต้องการอะไรเพิ่มเติมจากรัฐบาลเพื่อให้ทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ

จากนั้นเวลา 14.50 น. นายกฯ และคณะ ตรวจเยี่ยมศูนย์คัดกรองตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นศูนย์คัดแยกเหยื่อขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ภายใน ร.12 พัน.3 รอ. โดยนายกฯ รับฟังบรรยายสรุปขั้นตอนการคัดกรอง พร้อมสอบถามขั้นตอน จากนั้นตรวจเยี่ยมจุดคัดกรองเหยื่อขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ที่จะมีการคัดกรองทั้งเรื่องสุขภาพกาย สุขภาพจิต  ก่อนไปที่ห้องพักคอยเพื่อเข้าสู่กระบวนการต่อไป

ต่อมา น.ส.แพทองธารมีข้อสั่งการในการประชุมหารือประเด็นการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมออนไลน์ว่า ขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกัน   ตอนนี้ส่วนกลางมีการจัดตั้งศูนย์ต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งเป็นศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์และแก้ไขปัญหาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีขึ้น เพื่อติดตามและรายงานการทำงานให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบอยู่ตลอดเวลา และขอกำชับให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ติดตามเรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ต สัญญาณสื่อสาร รวมทั้งซิมโทรศัพท์ อย่าให้ถูกมิจฉาชีพนำไปใช้หลอกลวงประชาชน รวมถึงตรวจสอบสัญญาณที่จับไปแล้วอย่าให้มีการติดตั้งขึ้นมาใหม่เด็ดขาด และขอให้หน่วยงานความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง กวดขันการเข้า-ออกบริเวณแนวชายแดน ป้องกันการลักลอบนำคนหรืออุปกรณ์เข้า-ออก โดยเฉพาะตามช่องทางธรรมชาติ

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ขอให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่รับผิดชอบ ประสานงานกับเพื่อนบ้านในกรณีที่มีการส่งกลับทั้งคนไทยและคนต่างชาติ โดยเฉพาะผู้ที่ส่งกลับแล้วต้องส่งตัวต่อไปยังประเทศที่สาม ขอให้มีความชัดเจนในการส่งตัวกลับไปยังประเทศปลายทางในทันที เพื่อป้องกันการกลับเข้ามากระทำผิดซ้ำในประเทศไทย พร้อมให้เข้มงวดคัดกรองและตรวจสอบบุคคล รวมถึงควบคุมเส้นทางลักลอบเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามชาติที่ผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อกระบวนการอาชญากรรม โดยเฉพาะด่านชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน กัมพูชา เมียนมา ลาว และมาเลเซีย

จากนั้นที่ด่านพรมแดนบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ น.ส.แพทองธารพร้อมคณะตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของด่านพรมแดนบ้านคลองลึก และติดตามการดำเนินการตัดสายสัญญาณการสื่อสารบริเวณด้านหลังสถานีรถไฟคลองลึก และการลดสัญญาณการสื่อสาร โดยเมื่อมาถึงนายกฯ ฟังรายงานสถิติการเดินทางเข้า-ออกในจุดผ่านแดน จาก พ.ต.อ.ณภัทรพงศ์ สุภาพร ผกก.ตม.จังหวัดสระแก้ว ที่รายงานว่า สถิติการเข้า-ออกของคนกัมพูชา จำนวน 20,000 คนต่อวัน เราจะมีการคัดกรองตรวจผู้ต้องสงสัยด้วยการสังเกตการณ์ และขณะนี้ได้มีการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจการเดินทางเข้า-ออก ขอยืนยันกับนายกฯ ว่าระบบไบโอเมตริกซ์ของ ตม.ยังใช้งานได้ตามปกติ ขณะที่นายกฯ สอบถามว่า การสุ่มตรวจแบบนี้จะไม่กระทบเรื่องการท่องเที่ยวใช่หรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่รายงานยืนยันว่าไม่กระทบ

ขณะที่ นางนิภาวรรณ ใยบัวเทศ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 1 รายงานสถิติการจับกุมผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดกฎหมาย และอยากให้รัฐบาลสนับสนุนเครื่องเอกซเรย์จำนวน 4 เครื่อง ราคาเครื่องละ 5 ล้านบาท โดยนายกฯ กล่าวว่า “เครื่องเอกซเรย์เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะจำเป็น แต่จะให้ทีเดียวทั้ง 4 เครื่องคงไม่ได้ แต่จะเป็นการทยอยให้ โดยให้ทำเรื่องเสนอมา เราให้ความสำคัญในเรื่องนี้  หากได้เครื่องมาก็จะช่วยเรื่องการตรวจสอบคัดกรองได้เยอะ”

จากนั้นนายกฯ เดินไปยังสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ก่อนเดินต่อไปยังด้านหลังสถานีรถไฟคลองลึก ซึ่งเป็นจุดตัดสายสัญญาณการสื่อสาร อยู่ตรงข้ามตึก 25 ชั้น, ตึก 18 ชั้น และตึกไฮโซ ของปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งตึกดังกล่าวเป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยนายกฯ ได้เดินไปดูจุดที่เป็นสายสัญญาณการสื่อสารพร้อมกล่าวว่า “ตัดแล้วต้องรื้อออกให้หมดไปเลยจบไปเลย เพราะประชาชนจะไม่เชื่อมั่นว่าตัดแล้วจริงๆ”                      นายกฯ ยังได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าแล้วเสร็จเมื่อไหร่ ได้วางเวลาไว้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ตอบว่า  ภายในเดือนมีนาคมนี้ จากนั้นนายกฯ ถามด้วยว่า เมื่อตัดจุดนี้แล้วจะมีการตัดเพิ่มอีกใช่หรือไม่ เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ยังมีบางสายที่ต้องรอการยืนยันจึงทำให้ช้าอยู่ นายกฯ จึงกล่าวว่า หากสายไหนมีการยืนยันแล้วให้ตัดได้เลย

จากนั้นนายกฯ ได้เดินไปดูเครื่องตัดสัญญาณสื่อสาร พร้อมสอบถามว่า เครื่องตัดสัญญาณนี้เพื่อไม่ให้มีสัญญาณข้ามไปใช่หรือไม่  พร้อมกล่าวว่า ขอให้ระวังเรื่องการกระทบกับประชาชน ไม่อยากให้พี่น้องคนไทยเดือดร้อนไปด้วย ให้ดูควบคู่กันไป และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทำหลายหน้าที่ ต้องฝากขอบคุณด้วย

ทั้งนี้ ก่อนเดินทางกลับได้มีประชาชนมามอบดอกกุหลาบให้กำลังใจ และถือป้ายข้อความระบุว่า นายกฯ อุ๊งอิ๊งสู้ๆ,  ชาวสระแก้วเป็นกำลังใจให้ท่านนายกแพทองธาร สู้สู้, พวกเราชาวสระแก้วยินดีต้อนรับนายกแพทองธาร, คนสระแก้วรักนายกอุ๊งอิ๊ง และชาวสระแก้วพร้อมสนับสนุนนายกแพทองธารตลอดไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทบ.เดือดจัด ซัด‘เฮงรัตนา’ จอมลวงโลก

โฆษก ทบ.จี้นานาชาติจับตา “เฮง รัตนา” ผอ. CMAC กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ บ่อนทำลายความไว้วางใจและสันติภาพในภูมิภาค ใช้จินตนาการปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อหลอกลวงสังคมโลก

‘ราชินี’แรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่

ในหลวงพระราชทานถ้วยรางวัลนักกีฬาเรือใบ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 37 พระราชินีทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เรือวายุมีคะแนนดีที่สุดในการแข่งขัน

‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง

"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12

พท.ขึงขังซักฟอก อ้างเหตุเพราะมีคนตายปากกล้าขาสั่นท้าไม่กลัวยุบสภา

พรรคเพื่อไทยจะเอาทุกอย่าง ซักฟอกดิสเครดิตรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง บีบพรรคส้มตัดสินใจ เชื่อ "อนุทิน" ไม่ยุบสภา ไม่กระทบรัฐธรรมนูญ "สรวงศ์" ลั่น

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี