ลุยขยี้‘ยธ.-DSI’ สวดโพยห้องน้ำ ชื่อฮั้วว่อน‘เน็ต’

จับตา 4 มี.ค. “วุฒิสภา” ชำแหละญัตติ “ดีเอสไอ-ยธ.” เลขานุการวิปวุฒิสภายืนยันมีอำนาจสอบจริยธรรม “รมว.ยุติธรรม-อธิบดีดีเอสไอ” หลังล้ำเส้นสอบฮั้ว สว. มือกฎหมายสภาสูงอัดใช้แค่โพยในห้องน้ำเป็นหลักฐานสอย 138  สว. ทำคดีแบบเด็กเลี้ยงแกะ “จตุพร” ท้าแน่จริง  6 มี.ค. “กคพ.” รับเป็นคดีพิเศษ

มีรายงานข่าวว่า ในการประชุมวุฒิสภาวันอังคารที่ 4 มีนาคมนี้ มีวาระพิจารณาที่น่าสนใจคือ การเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย เสนอโดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร  สว.กลุ่มกฎหมาย และคณะ โดยสาระของญัตติระบุว่า กระบวนการยุติธรรมไทยขาดประสิทธิภาพ และมีการแทรกแซง ครอบงำจากฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะการดำเนินคดีพิเศษของกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวมถึงการดำเนินคดีกับนายทุนชาวจีนสีเทา ในข้อหายาเสพติดฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ นอกจากนี้  การดำเนินการกระบวนการยุติธรรมยังเป็นปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น กรณีการให้สิทธิแก่ผู้ต้องขังที่ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียม มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส และไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยผู้ต้องขังบางคนได้รับสิทธิในการเข้ารับการรักษาพยาบาลที่พิเศษกว่าผู้ต้องขังคนอื่นๆ 

ด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการวิสามัญกิจการวุฒิสภา  กล่าวถึงการทำงานของ สว.ว่า ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ มีความเป็นหนึ่งเดียว ไม่เคยคิดว่าวุฒิสภามีหลายสี และที่ผ่านมา สว.กว่า 70% ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรียกไปชี้แจงกรณีที่มากันเกือบทั้งหมดแล้ว รวมถึงตนเองด้วย  แต่การที่จู่ๆ ดีเอสไอมากล่าวหาว่าทำผิดในข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร แบบนี้รับไม่ได้ จึงจำเป็นต้องปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง เพราะทุกคนก็ต่างมีหน้าที่ปกป้องตัวเองเมื่อเราไม่ผิด ถ้าเราผิดเราก็ยอมรับผลที่ตามมาอยู่แล้ว เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ มีกลไกการขับเคลื่อนในสภา ไม่ได้ทำเกินอำนาจหน้าที่

 “สิ่งที่ สว.กำลังดำเนินการอยู่ ไม่ได้แค่ปกป้องตัวเอง แต่ต้องการปกป้องสถาบันวุฒิสภาซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันนิติบัญญัติ 1 ใน 3 เสาหลักของระบอบประชาธิปไตย หน้าที่เราคือจริยธรรม ตรวจสอบคุณสมบัติด้านจริยธรรม เพื่อให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของ สว.แต่ละคนอยู่แล้ว หากใครไม่ชอบใจก็ควรไปแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ สว. ได้”

นายวุฒิชาติยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ (กคพ.) ในวันที่ 6  มี.ค.ว่า ไม่อยากคาดการณ์ผลสรุป แต่ สว.ไม่อยู่นิ่งเฉยแน่ จะทำไปทีละขั้น เพื่อพิสูจน์ให้สังคมได้เห็นว่าสิ่งที่ดีเอสไอทำและสิ่งที่ สว.โดนกระทำ  อะไรคืออะไร ไม่อยากให้มองว่าสิ่งที่ สว.ทำเป็นเกมการเมือง เพราะหากดีเอสไอไม่ล้ำเส้นมากระทบ สว. ก็ไม่มีการตอบโต้ และไม่เคยคิดที่จะขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยไม่มีการลงมติ ทั้งที่สามารถขอเปิดอภิปรายได้

 “ไม่ได้บอกว่าต้องปล่อยให้ กกต.สอบสวน  แต่ผมบอกว่าต้องปล่อยให้หน่วยงานที่มีหน้าที่จริงๆ เขาดำเนินการไป ถ้าคิดว่าคุณใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขตแล้ว ควรหยุดการกระทำ” นายวุฒิชาติกล่าว

ส่วน พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ สว. หนึ่งในแกนนำ สว. ตอบโต้ดีเอสไอและรมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ความพยายามที่จะเข้ามาสอบสวนเรื่องการเลือก สว.ของดีเอสไอ เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงก็ได้ ที่จู่ๆ มีการตั้งข้อกล่าวหากับผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติ  แต่ในฐานะอดีตตำรวจ อดีตพนักงานสอบสวน  เห็นว่าการทำงานแบบพนักงานสอนบสวนต้องปฏิบัติตามหน้าที่ คือต้องมีพยานหลักฐาน จะเอาหลักฐานมาอย่างเดียว แต่พยานไม่มี แล้วมาแถลงสรุปว่าแบบนี้ใช่มันก็กระไรอยู่ เป็นการกล่าวหาที่เกินเลยไปบ้าง

พ.ต.อ.กอบกล่าวว่า การกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายโบราณ (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 กระทำผิดฐานอั้งยี่) ซึ่งใช้ตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายจรัญ ภักดีธนากุล อดีต ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก็เคยบอกว่าเป็นกฎหมายเหวี่ยงแห คือปลาอยู่ตรงไหนไม่รู้ แต่เหวี่ยงแหไปปลาโดนหมด  ทั้งที่ควรต้องใช้ดุลยพินิจกันด้วยว่าจะใช้กฎหมายฉบับไหนที่จะมาดำเนินการให้เป็นธรรม

“ที่บอกว่า มีโผ มีโพย อันนั้นไม่ใช่หลักฐาน แต่เป็นสิ่งที่คุณคิด ที่ไปพบจากจุดที่แสวงหาข้อเท็จจริง โดยก็ไม่รู้ว่าโพยนี้เอามาห้องน้ำที่ไหน  มาบอกเอามาจากห้องน้ำที่เมืองทองธานี แล้วมาบอกว่ามาจากที่ไปเลือก สว. แบบนี้มันใช่ไหม  ตรรกะที่พวกคุณทำ ตอบว่า มันไม่ใช่ คุณต้องมองในภาพรวมว่าข้อเท็จจริงนี้เป็นข้อเท็จจริงที่เป็นองค์ประกอบของความผิดหรือไม่ อย่างเรื่องบอกว่ามีการฮั้ว คำว่าฮั้วความหมายคืออะไร ฮั้วตรงไหน ซึ่งผมว่ามันเป็นความเข้าใจที่เลื่อนลอย ผมถามกลับว่า การประชุมบอร์ดคดีพิเศษเมื่อ 25 ก.พ. ทำไมไม่ลงมติ แบบนี้ถือว่าเป็นการฮั้วหรือไม่ จะทำให้ลงตัวก่อนแล้วถึงค่อยมาลงมติทีหลังหรือ แล้วครั้งหน้าที่นัดประชุมวันที่ 6 มี.ค. ฮั้วมติหรือไม่”

พ.ต.อ.กอบกล่าวต่อไปว่า สว.ตามรัฐธรรมนูญ 200 คน มาจาก 20 กลุ่มอาชีพ แต่ที่ รมว.ยธ.บอกว่ามี 138 คน เป็นการตัดตอนหรือไม่ เพราะ สว.มี 200 คน แต่ที่มากล่าวหาว่า มี สว. 138 คน สำรองอีก 2 เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ที่เหวี่ยงว่าเป็นอั้งยี่ แล้วอีก 60 คนหายไปไหน เป็น สว.ในกลุ่มสีท่านหรือไม่ ถ้าพูดถึงสี ผมถึงบอกว่า แล้วทำไมไม่ลงมติ ที่ไม่ลงมติแบบว่าฮั้วหรือไม่ ฮั้วมติเป็นไปได้หรือไม่ อันนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับ สว. จะมากล่าวหาฝ่ายนิติบัญญัติลอยๆ ไม่ได้

“สว.ไม่ได้กลัวการตรวจสอบ แต่ที่เรามองตอนนี้คือคนเขามองว่าเราเข้ามาโดยมิชอบ  ทุจริต ที่เราจะดำเนินคดี ก็คือมาใส่ร้าย ใส่ความ ส่วนที่บอกว่าจะรับเป็นคดีพิเศษ อันนี้เป็นหน้าที่คุณ ก็ตรวจสอบมาเลย เราไม่ได้กลัวว่าจะไม่มีตำแหน่งเป็น สว. ไม่ได้คิดตรงนี้เลย แต่เรายึดถือความถูกต้องเป็นหลัก การที่มาพูดใส่ความ มาหาว่า สว.เข้ามาโดยมิชอบ อันนี้คือทำผิดสำเร็จแล้ว ที่ยังไม่มีการแจ้งความตอนนี้เพราะต้องการหลักฐานที่มันชัดเจน เราอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติ เราไม่กล่าวหาโดยใช้กฎหมายโบราณมากล่าวหาแบบเหวี่ยงแห เราไม่ทำ เราเป็นผู้ใหญ่ ไม่อยากทะเลาะกับเด็ก ยิ่งเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ยิ่งไม่อยากทะเลาะด้วย” พ.ต.อ.กอบกล่าว

วันเดียวกัน ในโลกออนไลน์มีการส่งต่อข้อมูลที่อ้างว่าเป็นรายชื่อของผู้ที่ดีเอสไอเตรียมเรียกสอบ ซึ่งเป็นเอกสารจำนวนกว่า 5 หน้ากระดาษ มากกว่า 1,200 รายชื่อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สมัคร สว. และบรรดาโหวตเตอร์ในจังหวัดต่างๆ

ขณะที่แหล่งข่าวจากดีเอสไอระบุว่า รายชื่อส่วนใหญ่จากเอกสารที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์นั้น ตรงกับที่พนักงานสอบสวนเตรียมเรียกมาสอบเกือบ 100% โดยในส่วนของพนักงานสอบสวนเตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องรอบนอกที่ไม่ใช่เฉพาะโหวตเตอร์มาสอบด้วย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ถึงการประชุม กคพ.  6 มี.ค.ว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ต้องการให้วันนั้นลงมติรู้ผลกันเลยว่าจะรับหรือไม่รับกรณีข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร ฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษหรือไม่ ดังนั้น ฝ่าย สว.คงต่อสู้แบบดิ้นหนีตายกันแน่นอน ขณะที่ กกต.คงเอาแต่ป้องกันตัวเองไม่ให้ความผิดขยายลามมาถึงตัวเองเช่นกัน

"ถ้า กคพ.แน่จริงแล้ว ควรลงมติให้ถึง 15 เสียงจาก 22 เสียง เพื่อรับข้อหาฮั้วเลือก สว. อั้งยี่ซ่องโจร เป็นคดีพิเศษเลย ส่วน สว.ต้องสู้เต็มกระดาน และอาจเดินหน้ายื่นถอดถอนนายกฯ ทั้งสองฝ่ายอย่ามาออกอาวุธต่อรองกัน เพราะเราจะได้เห็นบ้านเมืองนี้มีการปฏิบัติการกันอย่างไร ถ้าทุกอย่างคือการต่อรองทางการเมืองกันแล้ว ประเทศจะไม่มีความหวังอะไร” นายจตุพรระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สว.ป้อง 'อนุทิน-เอกนิติ' ร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' บอกอาจไม่รู้เบื้องลึกมาก่อน!

'พล.อ.สวัสดิ์' มอง 'อนุทิน-เอกนิติ' ร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อาจไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังมาก่อน ว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ ต้องให้ความเป็นธรรม เชื่อรัฐบาลชัดเจนหากพบเชื่อมโยงสแกมเมอร์จัดการตามกฏหมายอยู่แล้ว

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.