หนุนฟันจริยธรรมรื้อกม.กาสิโน

คลังขอเวลา 2 สัปดาห์ ดันร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เข้า ครม. "จุลพันธ์" เผยรื้อเงื่อนไขเข้ากาสิโนต้องมีเงินฝาก 50 ล้าน หวั่นคนไทยไปเล่นที่อื่น แต่ต้องยื่นแบบชำระภาษีย้อนหลัง 3 ปี ขณะที่ม็อบยื่น 1 แสนรายชื่อถึงนายกฯ ค้านผลักดันอบายมุขเท่ากับสร้างสิ่งมอมเมา ปชช.-ทำลายชาติ "นักเศรษฐศาสตร์" อัดยับรื้อกำแพง 50 ล้าน เปิดทางผีพนันไทยเข้าบ่อนคึกคัก กลายเป็นลูกค้าหลักไม่ใช่นักท่องเที่ยวต่างชาติ หนุนยื่นศาล รธน.ฟัน "แพทองธาร-จุลพันธ์" ผิดจริยธรรมร้ายแรง เหตุแก้ร่างกฎหมายหลอกลวง ปชช.

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 3 มีนาคม นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ส่งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวกลับไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แล้ว แต่ยังไม่ได้มีการนำเข้า ครม.ในวันนี้

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวว่า เรื่องนี้ผ่านการทบทวนจากคณะกรรมการกฤษฎีกามารอบหนึ่งแล้ว และเข้าใจว่าร่างนี้มีการปรับปรุงแก้ไขตรงวัตถุประสงค์ และเข้าใจมากยิ่งขึ้น รวมถึงการฟังความเห็นจากสาธารณะ จึงขอเวลาอีกสักพักหนึ่งก่อน ซึ่งก่อนที่จะยืนยันร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวต้องมีกระบวนการอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากร่างต่างจากเดิม จึงอยากขอดูความเห็นของประชาชนก่อน โดยใช้เวลาดำเนินการประมาณ 2 สัปดาห์

 ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อดูร่างดังกล่าวแล้วติดขัดอะไรหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า จากที่ดูหลักการไม่ได้เปลี่ยนอะไรมาก เพียงแต่เขียนให้เข้าใจว่าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์คืออะไร

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวว่า ได้หารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาในส่วนของเงื่อนไขเดิม ที่กำหนดให้คนไทยที่จะเข้าไปเล่นในกาสิโนต้องมีเงินในบัญชี 50 ล้านบาท ว่าเรื่องนี้ได้มีการแก้ไข โดยเอาเงื่อนไขนี้ออก เปลี่ยนเป็นกำหนดว่าคนไทยที่จะเข้าไปเล่นในกาสิโนได้ต้องมีการยื่นแบบชำระภาษีย้อนหลัง 3 ปี ส่วนเรื่องของการเก็บค่าเข้าเล่นในกาสิโนยังเก็บ 5,000 บาท ตามเงื่อนไขเดิม

 “กระทรวงการคลังไปดูข้อมูลแล้ว พบว่าบัญชีที่มีเงินเกิน 50 ล้านบาทในไทยมีเพียงแค่ 10,000 บัญชี ถ้าเราไปกำหนดแบบนั้นก็เท่ากับว่าผลักให้คนที่ต้องการเล่นกาสิโนไปเล่นในที่อื่น เช่นประเทศเพื่อนบ้าน หรือยังเล่นพนันผิดกฎหมาย จึงมีการแก้ไขในเรื่องนี้ ซึ่งกระทรวงการคลังและกฤษฎีกาเห็นร่วมกัน” นายจุลพันธ์กล่าวและว่า อย่างไรก็ตามจะพยายามนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ให้เร็วที่สุดให้ทันการประชุมสภาสมัยนี้

ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00 น. ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทยหรือ (คปท.) พร้อมด้วยศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกลุ่มเครือข่ายกองทัพธรรม นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. และ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ได้ร่วมกันยกระดับการชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดการเดินหน้าเรื่องการพนันออนไลน์ และบ่อนกาสิโนในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หลังปักหลักชุมนุมค้างคืนไม่มีกำหนด

โดยนำมวลชนเดินเท้าเข้ายื่น 112,498 รายชื่อหยุดกาสิโนและพนันออนไลน์ ต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ผ่านนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมืองที่ออกมารับหนังสือ เพื่อขอให้ยุติการพนันออนไลน์และกาสิโน โดยมองว่าการดำเนินนโยบายรัฐที่ไม่ได้แถลงนโยบายต่อสภา หรือแม้แต่ไม่ใช่นโยบายที่หาเสียงไว้ในการเลือกตั้ง เท่ากับเป็นการบังคับให้ประชาชนยอมรับในวาระอื่นที่อาจมีการซ่อนเร้นแอบแฝงของรัฐบาล การเร่งผลักดันนโยบายอบายมุขเท่ากับเป็นการสร้างสิ่งมอมเมาประชาชน ซึ่งตรงกันข้ามกับการสร้างคุณภาพชีวิตให้ประชาชนอยู่ดีกินดี

"เราไม่เห็นว่าการที่ประเทศไทยมีการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย หรือมีกาสิโนจะทำให้ประชาชนชาวไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ตามคำประกาศหาเสียงของนายกรัฐมนตรีตรงไหน ตรงกันข้ามการติดพนันออนไลน์ เข้ากาสิโน มีแต่จะทำลายเกียรติ ทำลายศักดิ์ศรี และหมดเนื้อหมดตัว ไม่มีกิน ไม่มีใช้ ไร้บ้านอาศัยมากกว่า"

ทั้งนี้ เครือข่ายได้ยื่นหนังสือในประเด็นดังนี้ 1.ขอคัดค้านนโยบายทำลายประชาชน ทำลายประเทศชาติ ทำลายหลักศาสนาทุกศาสนาอย่างถึงที่สุด จะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ และ 2.ขอให้ ครม.ได้ตระหนักถึงประชาชนชาวไทย มากกว่าตอบสนองความต้องการของบุคคลนอก ครม.ที่คอยชี้นำอย่างเช่นปัจจุบันนี้

ขณะที่ รศ. ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงกรณีกระทรวงการคลังแก้ไขเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ฉบับคณะกรรมการกฤษฎีกาฯ ด้วยการตัดทิ้งเรื่องการให้คนไทยต้องมีเงินฝากไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาทเพื่อเข้ากาสิโนได้ว่า ในมิติทางเศรษฐศาสตร์ไม่ใช่เรื่องแปลกที่รัฐบาลจะตีตกมาตรา 65 (2) ของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่มีเป้าหมายป้องกันไม่ให้คนไทยส่วนใหญ่เข้าเล่นพนันในบ่อนกาสิโน  เนื่องจากการที่รัฐบาลมีนโยบายเปิดกาสิโนในหลายจังหวัด ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อหารายได้เข้ารัฐ ก็เป็นกรณีที่ชัดเจนว่ากลุ่มเป้าหมายคือคนไทย เพราะการที่เจ้าของกาสิโนที่มีจำนวนมากในประเทศจะสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ก็ต้องมาจากการที่คนไทยส่วนใหญ่เป็นผีพนัน ดังเช่นการให้สัมภาษณ์ของประธานบอร์ด PAGCOR รัฐวิสาหกิจที่ดูแลอุตสาหกรรมกาสิโนในฟิลิปปินส์ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกาสิโนประมาณ 50 แห่งทั่วประเทศ ที่ระบุว่าผลประกอบการที่แข็งแกร่งของอุตสาหกรรมกาสิโนมาจาก local players ซึ่งก็หมายถึงผีพนันชาวฟิลิปปินส์นั่นเอง แปลความได้ว่ายิ่งจำนวนผีพนัน ซึ่งเป็นคนในชาติเพิ่มมากขึ้นเท่าใด เจ้าของกาสิโนก็มีรายได้เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

"พึงระวังว่ารัฐจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเพียงน้อยนิด แม้ว่าอุตสาหกรรมกาสิโนจะมีกำไรมหาศาล เนื่องจากรัฐบาลประเทศกำลังพัฒนามักมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการออกนโยบายเพื่อเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มทุน การที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ให้สัมภาษณ์ว่า ..ไปดูข้อมูลแล้วพบว่าบัญชีที่มีเงินเกิน 50 ล้านบาทในไทย มีเพียงแค่ 10,000 บัญชี ถ้าเราไปกำหนดแบบนั้นก็เท่ากับว่า ผลักให้คนที่ต้องการเล่นกาสิโนไปเล่นในที่อื่น จึงมีการแก้ไขในเรื่องนี้ ซึ่งกระทรวงการคลังและกฤษฎีกาเห็นร่วมกัน” สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของ น.ส.แพทองธารเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 68 จึงเป็นหลักฐานประจักษ์ชัดว่า เป้าหมายของการมีกาสิโนบนแผ่นดินไทยคือ ต้องการให้คนไทยที่ต้องการเล่นพนันสามารถเข้าเล่นในบ่อนได้อย่างเสรี "

รศ. ดร.ชิดตะวันกล่าวว่า การที่รัฐบาลเปิดให้มีการทำประชาพิจารณ์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนต่อร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร  พ.ศ. .. ทั้งกรณีฉบับที่เสนอโดยกระทรวงการคลัง ซึ่ง ครม.มีมติเห็นชอบหลักการเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 และกรณีฉบับแก้ไขเพิ่มเติมโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยในส่วน "สภาพปัญหาและสาเหตุของปัญหา และความจำเป็นที่ต้องตรากฎหมาย" ระบุว่า เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศ และส่งเสริมการจ้างงานในประเทศ แต่รัฐบาลกลับเพิ่มเติมประเด็นเพื่อแก้ปัญหาบ่อนผิดกฎหมาย รวมถึงปัญหาเรื่องคนไทยไปเล่นกาสิโนในต่างแดนเข้ามา ย่อมแสดงให้เห็นว่า น.ส.แพทองธาร และนายจุลพันธ์ มีวัตถุประสงค์ผลักดันธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรที่แตกต่างจากเนื้อหาที่เป็นสาระสำคัญในร่าง พ.ร.บ.ที่เปิดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นตามที่กฎหมายกำหนด

"สมควรที่คนไทยซึ่งรักแผ่นดินเกิดจะยื่นเรื่องต่อองค์กรอิสระ ที่มีหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญ อาทิ ผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการไต่สวนแล้วยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่า การกระทำของ น.ส.แพทองธาร และนายจุลพันธ์ ขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรม รวมถึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นกรณีการหลอกลวงประชาชน เข้าข่ายมีพฤติกรรมขาดความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง" รศ. ดร.ชิดตะวันกล่าว.