บึ้มใต้รายวัน พท.ดาหน้าโต้ ทักษิณไม่เกี่ยว

“นายกฯ อิ๊งค์-รมว.กลาโหม” โดดป้อง “ทักษิณ” ยันไม่เกี่ยวจุดไฟใต้ช่วงรอมฎอน  “บิ๊กอ้วน” ยัวะขออย่าจับแพะชนแกะ ตั้งคำถามหาเรื่อง ให้เอาความจริงมาพูด ด้าน "สว.ไชยยงค์"  จวกรัฐใช้งบ 500 ล้านแต่ล้มเหลวงานข่าว แนะออกกฎหมายก่อการร้าย พ่วงสร้างรั้วป้องกันชายแดน "นราธิวาส-ปัตตานี-ยะลา" ยังระอุต่อเนื่อง

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 11 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหาอะไรหรือไม่ว่า ยังไม่ได้คุยกับท่านในเรื่องนี้ แต่เรื่องของภาคใต้จะต้องดูแลอย่างเต็มที่ และได้พูดคุยกับทางตำรวจไปแล้ว 

ส่วนที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ระบุนายทักษิณเป็นกลไกหนึ่งในการให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหาได้นั้น น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกับท่านเลย

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ที่เกิดขึ้น เกี่ยวข้องกับกรณีที่นายทักษิณลงพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “โอ้  ไม่น่าจะเกี่ยวนะคะ ไม่เกี่ยวอยู่แล้ว” 

ก่อนหน้านี้ ช่วงเช้า นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ถึงข้อสังเกตว่าเหตุการณ์ความไม่สงบมักเกิดช่วงหลังเดือนรอมฎอน แต่เหตุที่เกิดขึ้นก่อนเป็นเพราะนายทักษิณลงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ใช่หรือไม่  โดยรองนายกฯ ย้อนถามสื่อว่า “คนพูดเป็นคนวางระเบิดเหรอ” พร้อมถามว่า ต้องดูว่าใครมองเรื่องนี้  การเกิดเหตุความไม่สงบเกิดช่วงรอมฎอนมาตลอด  ไม่ว่าจะช่วงต้น ช่วงกลางหรือช่วงท้าย และนายทักษิณลงพื้นที่ไป ซึ่งเหตุการณ์ยังเกิดอยู่ จะไปบอกว่าเป็นเพราะนายทักษิณลงไปได้อย่างไร ซึ่งคนที่พูดยังยึดติดกับเรื่องนี้อยู่ตลอด

 เมื่อถามว่า แสดงว่าฝ่ายความมั่นคงไม่เอาประเด็นนายทักษิณลงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้มาเชื่อมโยงกับการก่อเหตุความไม่สงบใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า มันไม่มีจะให้ตั้งประเด็นได้อย่างไร ซึ่งตนก็เคยบอกไว้ว่าถ้าจะแก้ปัญหาให้ได้ต้องหยุดเหตุความไม่สงบก่อน และให้ไปเปิดสถิติเหตุความไม่สงบว่ามักเกิดในช่วงเดือนรอมฎอนมาตลอดทุกช่วง และเกิดในหลายพื้นที่ เราไปตอบแทนผู้ก่อเหตุไม่ได้ เพราะเราจะไปรู้ใจเขาได้อย่างไร เราไม่ได้นั่งในหัวใจเขา ซึ่งเราไม่เกี่ยวข้องถึงจะไปรู้ว่าเขาจะทำอะไร 

ส่วนจะใช้กลไกที่ปรึกษาประธานอาเซียนของนายทักษิณเข้ามาช่วยแก้ไขเรื่องนี้หรือไม่นั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า นายทักษิณทำอยู่แล้ว อะไรที่เป็นประโยชน์เราก็ใช้ทั้งนั้น ขณะนี้ท่านเพิ่งเริ่มต้นทำงานเท่านั้น และเท่าที่ได้ฟังมาท่านบอกว่าได้รับการติดต่อประสานงานมาหลายทาง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่มีคนอาสาเข้ามาช่วย เพื่อที่จะประสานงานและได้รับการดูแล อย่าไปคิดว่าคนนั้นคนนี้มาช่วยแล้วจะไม่ดี พวกที่ตั้งคำถามแบบนี้คือตั้งคำถามแบบหาเรื่อง และขออย่าไปจับแพะชนแกะ ขอให้ยึดความเป็นจริง ซึ่งความเป็นจริงว่าอย่างไรเราก็ว่าอย่างนั้น

 “หากจะพูดว่านายทักษิณลงพื้นที่ไปแล้วเกิดเหตุการณ์แบบนี้มันพูดง่ายเกินไป แต่หากความเป็นจริงมีเบาะแสออกแถลงการณ์ว่าเป็นเพราะนายทักษิณค่อยมาพูดดีกว่า" นายภูมิธรรมระบุ

ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระได้เปิดให้สมาชิกหารือปัญหาความเดือดร้อน โดยนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สว. หารือเรื่องความรุนแรงในจังหวัดภาคใต้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เราเห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพในหลายส่วนในการแก้ปัญหาความไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เริ่มจากงานการข่าว เรามีงบการข่าวในการบูรณาการของจังหวัดชายแดนภาคใต้ปีละถึง 500 ล้านบาท แต่ปรากฏว่างานการข่าวไม่มีประสิทธิภาพ เพราะคนร้ายยกขบวนนำระเบิดข้ามมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาก่อการร้ายในพื้นที่ของเมืองชายแดนในวันเกิดเหตุเกือบ 10 จุด กลับไม่ทราบข่าวความเคลื่อนไหวกลุ่มคนร้ายเลย

นายไชยยงค์กล่าวว่า เรากำลังใช้งบประมาณการข่าวที่ไม่มีประสิทธิภาพ และหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันหน่วยงานของตนเอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองปล่อยให้คนร้ายสามารถบุกเข้าไปก่อวินาศกรรมในสำนักงานที่ว่าการอำเภอของตนเองได้โดยไม่มีการตั้งรับและไม่มีแผนเผชิญเหตุ ซึ่งภาพที่ปรากฏจากกล้องวงจรปิดเผยแพร่ไปทั่วประเทศ ทำให้เห็นชัดว่าฝ่ายปกครองยังไม่มีความพร้อมในการที่จะรับมือกับกลุ่มก่อการร้ายขบวนการบีอาร์เอ็น

“วันนี้ ป.วิอาญาที่มีอยู่ใช้กับอาชญากรรมธรรมดา และเมื่อเราใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.ก.ความมั่นคง หรือกฎอัยการศึก ซึ่งเป็นกฎหมายที่ล้าหลังเป็นกฎหมายเรียกแขก ทั้งโลกเขาเลิกใช้แล้ว แต่เราเอากฎหมายเหล่านี้มาใช้เมื่อไหร่ก็กลายเป็นเงื่อนไขให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตี ให้เอ็นจีโอ กลุ่มสิทธิมนุษยชน และปีกทางการเมืองของบีอาร์เอ็นกล่าวหาโจมตีเรา ขอถามว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่รัฐบาลจะตระหนักถึงเรื่องนี้ และมีการออกกฎหมายการก่อการร้ายมาใช้เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น รัฐบาลคิดแล้วหรือยังว่าปัญหาที่เกิดขึ้นควรจะมีรั้วชายแดนที่มีการปักปันเขตแดนกลับมาเลเซียแล้ว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งอาวุธต่างๆ ก็ขนมาจากประเทศเพื่อนบ้าน กองกำลังติดอาวุธอาวุธเมื่อปฏิบัติการเสร็จก็กลับไปนอนตีพุงอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน เห็นว่าเราไม่มีปัญญาและล้มเหลวในการซีลชายแดน” นายไชยยงค์ระบุ

ที่ห้องประชุมฝ่ายปฏิบัติการภาคใต้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4  ร่วมประชุมกับผู้บริหารหน่วยงานการไฟฟ้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินงานให้มั่นใจว่าการดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ตลอดจนหารือเพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันภัยคุกคาม ที่เกิดจากความมั่นคงหรือภัยพิบัติที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน

แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า อยากให้หน่วยได้ร่วมกันหารือ ร่วมกันบูรณาการเพื่อจะปรับแนวทางในการรักษาความปลอดภัยระบบสาธารณูปโภคในส่วนของการไฟฟ้า ให้ปลอดภัยจากการก่อกวน ก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง โดยให้ยึดกรอบแนวทางการขับเคลื่อนงานตามแผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ระบุเป็นแผนปฏิบัติการด้านรัฐวิสาหกิจและระบบสาธารณูปโภค เพื่อจัดระบบให้กับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้า ให้สามารถบริการประชาชนได้อย่างปลอดภัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเวลา 09.30 น. ศูนย์วิทยุ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย.ร.ที่ 2 ว่าเกิดเหตุคนร้ายยิงกำลังพล บริเวณหน้าฐานปฏิบัติการจาเต๊ะ มว.ปล.ที่ 1 ร้อย.ร.ที่ 2 พื้นที่บ้านสนามบิน หมู่ที่ 1 ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา ทำให้มีเจ้าหน้าที่รับบาดเจ็บ 1 นาย นำส่งโรงพยาบาลบันนังสตา ทราบชื่อภายหลังคือ ร.ท.ภูวิวัฒน์ คำสง อายุ 41 ปี ตำแหน่ง ผบ.มว.ปล.ที่ 1 ร้อย.ร.ที่ 2 โดนยิงเข้าที่บริเวณหน้าอก อาการสาหัส ยังไม่รู้สึกตัว ขณะนี้ได้นำตัวส่งต่อไปยังโรงพยาบาลศูนย์ยะลา 

เช่นเดียวกับที่ จ.ปัตตานี พ.ต.อ.มุสตาพา มะนิ ผกก.สภ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุคนร้าย 2   คนขว้างไปป์บอมบ์ใส่จุดตรวจยูเทิร์น ตั้งอยู่ริมถนนสายนาเกตุ-โคกโพธิ์ ม.7 บ้านดอน ต.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบร่องรอยระเบิดบริเวณบังเกอร์และหลุมระเบิดอยู่บริเวณด้านข้างป้อมจุดตรวจ และมีชิ้นส่วนระเบิดและสะเก็ดระเบิดกระจายไปทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

ส่วนที่ จ.นราธิวาส เวลา 13.59 น. พ.ต.อ.มะตาฮา มูหนะ ผกก.สภ.สุไหงปาดี รับแจ้งมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นบนถนนสายสุไหงโก-ลก สุไหงปาดี ที่กลางถนนฝั่งขาออก อ.สุไหงโก-ลก บริเวณยูเทิร์นมีท่อลอดกลางถนนฝังอยู่ และมีผิวของยางมะตอย แตกกระจายเป็นหลุมกว้าง 2 เมตร ลึก 1 เมตร สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุคนร้ายได้แอบนำระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ถังแก๊สปิกนิก คาดว่าหนัก 20 กิโลกรัม นำไปวางไว้ที่บริเวณใต้ท่อลอดกลางถนน เมื่อพบเห็นรถยนต์หุ้มเกราะของเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดนที่ว่าการ อ.สุไหงปาดี ขับผ่านมาจากพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก หลังเสร็จสิ้นจากการเปลี่ยนแบตเตอรี่ จึงได้ขับรถยนต์หุ้มเกราะกลับที่ตั้ง เมื่อถึงที่เกิดเหตุคนร้ายจึงจุดชนวนระเบิด แต่รถขับผ่านไปประมาณ 20 เมตร จึงได้เกิดระเบิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่รอดตายไปได้อย่างหวุดหวิด.