เซ็นไล่ออกโจ๊ก พร้อม4ลูกน้อง พึ่งDSIช่วย‘โจ้’

"ผบ.ตร." เซ็นคำสั่งไล่ออกจากราชการ "บิ๊กโจ๊ก" พร้อมลูกน้อง 4 ราย ผิดวินัยร้ายแรงเอี่ยวเว็บพนันออนไลน์ มีผลตั้งแต่ 18  เม.ย.67 ยื่นอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.ตร.ใน 30 วัน "ทวี" ย้ำไม่ปกป้องคนผิดเหตุการเสียชีวิต "อดีต ผกก.โจ้" ยันจะทำให้กระจ่าง สั่งราชทัณฑ์เปิดเผยข้อมูลทั้งหมด หวัง 17 มี.ค.นี้ กก.สอบต้องมีความคืบหน้า  “แฟนสาว-น้องสาว” ร้อง “ดีเอสไอ" เข้าสอบสวน ย้ำถูกกลั่นแกล้งรังแก ส่งเรื่องให้เรือนจำถึง 4 ครั้งแต่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ซัดเป็น "แดนสนธยา" 

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ  พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เซ็นคำสั่งที่ 159/2568 ลงวันที่ 11 มี.ค.68 ลงโทษไล่ข้าราชการตำรวจออกจากราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567 เป็นต้นไป โดยมีรายชื่อดังต่อไปนี้

1.พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 2.พ.ต.อ.กิตติชัย รองผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา 3.พ.ต.ท.คริษฐ์ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ 4.ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ ผู้บังคับหมู่ (ทำหน้าที่จราจร) งานปฏิบัติการจราจรตามโครงการพระราชดำริ 1 กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจจราจร และ 5.ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ผู้บังคับหมู่ งานสายตรวจ 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจจราจร

คำสั่งระบุว่า เนื่องจากมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ชื่อ BNKMASTER และถูกดำเนินคดีอาญา ตามคดีอาญาที่ 391/2566 ของสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน พร้อมทั้งถูกศาลอาญาออกหมายจับในความผิดฐาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งเป็นการกระทำผิดอย่างร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 112 (6) (9) ประกอบมาตรา 111 (1) (2) (15) และ (16)

โดยกรณีนี้ได้ผ่านกระบวนการสอบสวนทางวินัยตามขั้นตอนของกฎหมาย คณะกรรมการสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ของข้าราชการตำรวจทั้ง 5 นาย เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง จึงมีมติเห็นควรลงโทษไล่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล กับพวกรวม 5 นาย ออกจากราชการ และคณะกรรมการพิจารณาเพื่อเสนอแนะการลงโทษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้พิจารณาในการประชุมครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 แล้วมีมติเห็นควรลงโทษไล่ พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ หักพาล กับพวกรวม 5 นาย ออกจากราชการเช่นเดียวกัน

ผู้ถูกลงโทษสามารถอุทธรณ์คำสั่งต่อ ก.พ.ค.ตร. ภายใน 30 วัน นับแต่วันรับทราบคำสั่ง และหากประสงค์จะฟ้องโต้แย้งคำสั่งหรือคำวินิจฉัยอุทธรณ์นี้ สามารถทำคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครองหรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังศาลปกครองภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับทราบคำ วินิจฉัยอุทธรณ์ หรือภายใน 90 วัน นับแต่วันพ้นกำหนด 90 วัน นับแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องขอทราบผลการวินิจฉัยอุทธรณ์

ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายไม่เชื่อว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ ฆ่าตัวตายในเรือนจำ และเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมนำภาพวงจรปิดฉบับเต็มมาเปิดเผยว่า ตอนนี้ทราบว่าพนักงานสอบสวนเอาเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดไปแล้ว ซึ่งมีภาพวงจรปิดในเบื้องต้นให้กระบวนการสอบสวนดำเนินการ เนื่องจากเป็นการตายที่ผิดธรรมชาติ ส่วนรายละเอียดหากสื่อสงสัยขอให้ราชทัณฑ์เปิดให้ดูทั้งหมดทุกแง่มุมดูได้ เพียงแต่ส่วนที่พนักงานสอบสวนยึดไปแล้ว อาจต้องประสานพนักงานสอบสวนเอง ตนได้สั่งให้อนุกรรมการกลั่นกรองการป้องกันและปราบปรามการซ้อมทรมานและการอุ้มหาย ไปตรวจสอบข้อมูล

17 มี.ค.สอบปม 'ผกก.โจ้' คืบหน้า

"เราจะให้ความเป็นธรรม และจะเร่งทำให้กระจ่างเร็วที่สุด โดยมีพยานหลักฐานชี้ชัดคือ ผลการชันสูตรพลิกศพของทั้ง 2 โรงพยาบาล ซึ่งจะมี 2 ส่วนคือ สาเหตุการเสียชีวิต และก่อนเสียชีวิตมีการทรมานหรือไม่ ในขณะที่กระทรวงยุติธรรมจะไปดูเรื่องการบังคับบัญชา การบริหารภายใน และจะเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง ขณะนี้กรมราชทัณฑ์ได้ตั้งคณะกรรมการ มีหลายส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงเปิดโอกาสให้คนนอกด้วย"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่ากระทรวงยุติธรรมไม่ได้ปกป้องบุคลากรและองค์กรของตัวเอง เนื่องจากการให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนเป็นรายวัน พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ไม่คิดจะปกป้อง ในทางตรงข้ามอยากช่วยกันตรวจสอบให้ความจริงปรากฏอีกทาง ส่วน ผบ.เรือนจำที่ถูกมองว่าเป็นคู่กรณีอดีต ผกก.โจ้ เนื่องจากญาติไปร้อง ป.ป.ช. จะสั่งการให้ย้ายออกจากตำแหน่งก่อนหรือไม่ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ              

รมว.ยุติธรรมชี้แจงเพิ่มเติมกรณีนักโทษที่อยู่ข้างห้องอดีตผู้กำกับโจ้ว่า ข้อมูลที่ตนพูดไปเมื่อวันที่ 10 มี.ค.คลาดเคลื่อน ซึ่งในเรือนจำมีนักโทษที่เป็น LGBTQ+ ประมาณ 88 คน แปลงเพศแล้ว 18 คน ขณะนั้นตนยืนอยู่กับปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ยินเสียงนักโทษห้องข้างๆ ไม่ค่อยชัดเจน จึงสั่งการให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมไปพูดคุย เจตนาคือการหาพยานในที่เกิดเหตุ เพียงแต่ภาพที่เห็นเขาคล้ายผู้หญิง จึงเข้าใจคลาดเคลื่อน

เมื่อถามว่า ให้ชี้แจงระเบียบของกระทรวงยุติธรรมที่ ผบ.เรือนจำได้กล่าวอ้างว่าไม่สามารถให้ตำรวจเข้าสอบสวนได้ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า กรมราชทัณฑ์มีระเบียบ การเข้าไปสอบสวนก็มีระเบียบ  เพียงแต่การสอบสวนเป็นกฎหมายที่ใหญ่กว่ากฎหมายราชทัณฑ์ จะต้องให้ความร่วมมือ เพราะต้องสอบสวนโดยเร็ว

ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พ.ต.อ.ทวีให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า กรณีที่ครอบครัวของอดีต ผกก.โจ้ไปยื่นกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้เร่งรัดให้อธิบดีดีเอสไอจัดการประชุม ซึ่งในที่ประชุม นอกจากดีเอสไอแล้วยังมีฝ่ายปกครอง อัยการสูงสุดและตำรวจที่ร่วมประชุมด้วย ส่วนที่ความคืบหน้าการตั้ง กก.ตรวจสอบข้อเท็จจริง คาดหวังว่าวันที่ 17 มี.ค.จะได้รับรายงานความคืบหน้าและความชัดเจนเพิ่มขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ครอบครัวอ้างว่าเคยยื่นหนังสือร้องเรียนไปถึงเรือนจำถึง 4 ครั้ง แต่กลับถูกเพิกเฉย พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ขอให้รอการสอบสวน เพราะความทุกข์ของทุกคนต้องได้รับการดูแล เพราะถือเป็นจริยธรรมของข้าราชการ

ญาติร้องดีเอสไอเข้าสอบสวน

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) น.ส.ธนัญญา อุทธนผล อายุ 34 ปี น้องสาวของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ พร้อมด้วย น.ส.สิภชา แก่นสุวรรณ หรือทราย อายุ 28 ปี แฟนสาวอดีตผู้กำกับโจ้ และทนายวีรศักดิ์ นาคิน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ กรณีขอให้ตรวจสอบการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ภายในห้องขังหมายเลข 50 แดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม รวมถึงการถูกผู้คุมทำร้ายร่างกาย โดยมี ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีดีเอสไอ เป็นผู้แทนรับเรื่อง โดย ร.ต.อ.วิษณุกล่าวว่า เรารับฟังข้อเท็จจริงจากทางญาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะขอตรวจสอบในส่วนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อน      

ด้าน น.ส.สิภชา แฟนสาวอดีต ผกก.โจ้ กล่าวว่า ประเด็นที่ครอบครัวติดใจคือในเรื่องของการเสียชีวิตของอดีต ผกก.โจ้ และรวมไปถึงกรณีที่ อดีต ผกก.โจ้ได้ถูกรังแก กลั่นแกล้ง ถูกทำร้ายร่างกาย เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้รับความเป็นธรรมตามที่ได้มีการเคยร้องเรียนไป ส่วนเรื่องแรงจูงใจ อย่างที่เคยบอกไว้ว่าอดีต ผกก.โจ้มีความทุกข์อยู่แล้วตลอด 2  เดือนที่ผ่านมา ที่ถูกกลั่นแกล้งรังแก มันมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย

"สำหรับประเด็นที่ทางกรมราชทัณฑ์ได้มีการแถลงชี้แจง 6 ประเด็นนั้น จะขอพูดในส่วนที่สามารถพูดได้ เพราะกลัวว่าจะมีปัญหากับเรื่องสำนวนในคดี แต่บอกได้เลยว่าเรื่องข้างในเรือนจำมันเป็นแดนสนธยา เขาสามารถจะพูดหรือทำอะไรก็ได้ แต่เรื่องข้างนอกทาง ผกก.โจ้ยังคงยืนยันที่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะได้ถูกทำร้ายร่างกายและถูกกลั่นแกล้งจากผู้คุมจริงๆ ซึ่งเป็นการถูกกระทำจากบุคคลคนเดียวคือผู้คุมรายดังกล่าว"

น.ส.สิภชากล่าวว่า วันนี้เราต้องการให้มีการย้ายรักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม (นายเผด็จ หริ่งรอด) และผู้คุมที่ชื่อนายสิทธิพร ให้ออกจากพื้นที่เรือนจำกลางคลองเปรมไปก่อน เพราะกลัวว่าจะมีปัญหาในเรื่องการสืบพยาน เพราะเชื่อว่าเขาสามารถที่จะพูดหรือทำอะไรก็ได้ ขัดขวางการสอบ เราได้มีการร้องเรียนส่งเอกสารไปยังเรือนจำ จำนวนทั้งสิ้น 4 ครั้ง แต่กลับไม่เคยได้รับความเป็นธรรม

วันเดียวกัน กรมราชทัณฑ์ โดย พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี และในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองเปรม ได้เปิดห้องคุมขังหมายเลข 50 แดน 5 ซึ่งเป็นห้องคุมขังของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ พบว่า ตามปกติแล้วเรียกว่าเป็นห้องแยกการควบคุม มิใช่ห้องขังเดี่ยว เพราะห้องขังเดี่ยวของจริงจะอยู่แดน 1 ซึ่งมีทั้งหมด 10 ห้อง

ขณะที่ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมคดีอดีต ผกก.โจ้เสียชีวิต โดยมีทีมแพทย์สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ พิสูจน์หลักฐาน และชุดทำคดี สน.ประชาชื่น โดย พล.ต.ท.สมประสงค์เปิดเผยก่อนการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้ได้มาดูแลด้วยตนเอง เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ และ ผบ.ตร.ได้กำชับให้ดูแลคดีให้ละเอียด รอบคอบ ดำเนินคดีเป็นไปตามกฎหมาย โดยจะเร่งติดตามความคืบหน้า จะเน้นเรื่องสำนวนการเสียชีวิตของอดีต ผกก.โจ้เป็นหลักก่อน ส่วนพยานหลักฐาน ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณห้องขังอดีต ผกก.โจ้ ผ้าขนหนูที่ใช้ผูกคอ เบื้องต้นทางกรมราชทัณฑ์ได้ส่งภาพกล้องวงจรปิดบริเวณห้องขังอดีต ผกก.โจ้มาให้บางส่วน อยู่ระหว่างตรวจสอบ 

ที่ สน.ประชาชื่น พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วย ผบ.ตร. เรียกประชุมคดีการเสียชีวิตของอดีต ผกก.โจ้ ร่วมกับ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น., พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บัญชาการพิสูจน์หลักฐาน (ผบช.สพฐ.), พ.ต.อ.สัญญา อุบลวิรัตนา ผกก.สน.ประชาชื่น, ทีมแพทย์สถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ และตำรวจที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.ท.สมประสงค์กล่าวหลังการประชุมว่า ตำรวจได้รับแจ้งเหตุการเสียชีวิตประมาณ 23.00 น. แต่สามารถเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุได้ในเวลา 10.00 น.ของอีกวัน จากการเข้าไปตรวจสอบพบว่าศพถูกนำมานอนหงายตรงและคลุมด้วยผ้าสีขาว  และพบผ้าขนหนูที่ถูกตัดมีชิ้นหนึ่งผูกอยู่ที่กรง และอีกชิ้นอยู่ที่พื้น ซึ่งขนาดผ้าอยู่ที่ประมาณ 1.6 เมตร โดยกองพิสูจน์หลักฐานได้นำผ้าขนหนูไปตรวจหาดีเอ็นเอ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ โดยตอนที่ตำรวจไปพบศพนั้น ทิ้งระยะเวลาไว้นาน และมีการเปลี่ยนแปลงท่าการตายของศพก่อนที่ตำรวจจะไปพบเป็นศพ (จากนั่งเป็นนอน) จึงจะทำให้การชันสูตรศพยากขึ้น.