นายกฯ ตีปี๊บเศรษฐกิจไทยพุ่งกระฉูด ทุบสถิติใหม่ยอดรับส่งเสริมลงทุนทะลุ 1.13 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี ลุยวันสต็อปเซอร์วิส ปิดรอยโหว่ลดขั้นตอนเอกสาร “พิชัย” สีข้างถลอกแจงยิบปมเดือดดิจิทัลเฟส 3 ซื้อเหล้า-บุหรี่ อ้างล้อมคอกด้วยการกำหนดขนาดร้านค้าแล้ว บอกจ่ายค่าเทอมไม่ได้แต่ลดค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคผู้ปกครอง ด้าน "ศิริกัญญา" กังขาตกเขียวนิวโหวตเตอร์ล่วงหน้า
เมื่อวันพุธ เวลา 09.00 น. ที่ห้องคริสตัลฮอลล์ ชั้น 3 โรงแรมดิแอทธินีโฮเทลแบงค็อก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเปิดงานเผยแพร่ยุทธศาสตร์และนโยบายส่งเสริมการลงทุน ในหัวข้อ “Ignite Thailand : Invest in Endless Opportunities โอกาสการลงทุนไร้ขีดจำกัดในประเทศไทย” โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ, นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
โดยนายกฯ กล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งว่า รัฐบาลยังตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่นักลงทุนให้ความสนใจ ในฐานะศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์และอากาศยานของภูมิภาค เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการค้าการลงทุนของประเทศไทยต่อประเทศอื่นๆ ทั่วโลกได้มากขึ้น เราพยายามที่จะสร้างและมุ่งเน้นความร่วมมือรัฐและเอกชนซึ่งกันและกัน ฉะนั้นการลงทุนที่ชาวต่างชาติจะเข้ามาตัดสินใจจะลงทุนที่ประเทศไทยหรือไม่ จะได้มีความมั่นใจเพิ่มมากยิ่งขึ้น และเรายังมีแผนผลิตบุคลากรเพิ่มมากกว่า 80,000 คน และดึงดูดบุคลากรจากทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนการเรียนรู้และการทำงานไปด้วย
“การดึงดูดนักลงทุนให้เพิ่มมากขึ้น ทำให้การลงทุนง่ายมากยิ่งขึ้น และบรรยากาศน่าลงทุน เป็นสิ่งที่เวลาไปที่ไหนได้พบกับบริษัทต่างชาติ เขาจะพูดว่าขั้นตอนมันเยอะ เราอยากจะทำให้เป็นวันสต็อปเซอร์วิสให้เร็วที่สุด พยายามตัดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เช่น การส่งเอกสาร 1 ครั้งต้องส่งไป 10 ที่ เพราะทุกองค์กรต้องการเอกสารฉบับนี้ เราส่ง 10 ที่ ทำให้เสียเวลาพอสมควร ซึ่งเราจะทำให้กระชับ สั้นมากยิ่งขึ้น ดิฉันอยู่เอกชนมาก่อน เวลาส่งเอกสารต้องส่งไป 10 ที่ คิดว่าทุกคนก็คงเข้าใจเหมือนกันทุกองค์กร ส่ง 10 ที่จะทำอะไรทีก็เสียเวลาพอสมควร ฉะนั้นพยายามจะทำในเรื่องนี้ให้กระชับมากยิ่งขึ้น เป็นบรรยากาศที่น่าลงทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้น” นายกฯ ระบุ
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ปีนี้เราโปรโมตการท่องเที่ยว ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเรากำลังไปได้ด้วยดี ตนและครอบครัวทำเรื่องของโรงแรม จะเห็นว่าการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน มากกว่าช่วงเลิกโควิด-19 ใหม่ๆ ที่การจองโรงแรมไม่เคยเต็ม แต่ช่วงนี้เต็มตลอด ทราบว่าประเทศไทยเป็นทางเลือกแรกๆ ของชาวต่างชาติ เราต้องทำจุดแข็งที่แข็งอยู่แล้ว ให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวมากขึ้นไป
“วันนี้เป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยทำลายสถิติใหม่ คือประเทศไทยได้รับส่งเสริมการลงทุนมีมูลค่ามากกว่า 1.13 ล้านล้านบาท ถือเป็นตัวเลขการลงทุนที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนในการผลักดันในเรื่องนี้ และขอบคุณบีโอไอที่ทำงานอย่างหนัก ทำให้เห็นผลงานเป็นประจักษ์ ตัวเลขที่สูงขึ้นในรอบ 10 ปีนี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย จึงขอเน้นย้ำว่า การพัฒนาเศรษฐกิจ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ต้องอาศัยทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ภาคประชาชน ถ้าเราทำบรรยากาศของประเทศให้เป็นที่น่าลงทุนได้ เราจะสามารถพัฒนาเศรษฐกิจให้มั่นคงและยั่งยืนต่อไปได้” นายกฯ กล่าว
ฟุ้งเศรษฐกิจพุ่ง
ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวปาฐกถาในงาน Ignite Thailand : Invest in Endless Opportunities หัวข้อ "ความพร้อมประเทศไทยเพื่อการเป็นจุดหมายการลงทุนระดับโลก" ระบุช่วงหนึ่งว่า ปี 2568 กระทรวงการคลังตั้งเป้าหมายเศรษฐกิจไทยเติบโตได้ที่ 3-3.5% ซึ่งถือเป็นการกลับมาเติบโตในระดับศักยภาพปกติ และเป็นการเติบโตในระดับเดียวกันของภูมิภาค ซึ่งต้องเร่งดำเนินการผ่านการผลักดันการลงทุนให้เกิดขึ้นได้จริง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ BOI ต้องเร่งดำเนินการในส่วนนี้เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการลงทุนอย่างรวดเร็ว โดยการชูจุดขายของประเทศไทยในการเป็นจุดเชื่อมต่อที่ดี เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ดังนั้นจึงต้องเร่งแสดงให้นักลงทุนเห็นว่าเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่ง และพร้อมสนับสนุนการลงทุนในมิติต่างๆ
“วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตผ่านระดับ 3% ไปได้ เพื่อขยับไปสู่ระดับต่อๆ ไป แต่ 3% นี้ไม่ใช่เป้าหมายการเติบโตของไทยในระยะยาวอย่างแน่นอน เราต้องเร่งเพิ่มประสิทธิภาพและปลดล็อกเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรค เพราะวันนี้เรารู้แล้วว่านักลงทุนต้องการอะไร ต้องการที่ดิน ต้องการแรงงาน ต้องการสิ่งรองรับเทคโนโลยี ต้องการการสนับสนุนอุตสาหกรรมสีเขียว ต้องการความรวดเร็ว และเรามีพื้นฐานที่ดีใน 2 อุตสาหกรรม คือ อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ต้องดึงสิ่งเหล่านี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ โดยรัฐบาลอยากให้ไทยเป็นศูนย์กลาง Digital Headquarter เพื่อให้สามารถเข้าถึงและสนับสนุนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งเสริมการลงทุนในรูปแบบคลัสเตอร์ นั่นหมายถึงอุตสาหกรรมของไทยจะต้องเร่งปรับเปลี่ยน เพื่อเปลี่ยนถ่ายไปสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ ในการรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว” นายพิชัยระบุ
ทั้งนี้ ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยยังมีเสถียรภาพแข็งแกร่ง สะท้อนจากการมีทุนสำรองเกินกว่า 2 แสนล้านเหรียญฯ ซึ่งสูงกว่าหนี้ระยะสั้นต่างประเทศของไทยถึง 3 เท่า ขณะเดียวกันยังมีสภาพคล่องเหลือในระบบที่มีประสิทธิภาพราว 4 ล้านล้านบาท ซึ่งตรงนี้มีศักยภาพเพียงพอที่จะใช้ในการลงทุนที่เป็นประโยชน์กับประเทศ รวมถึงการมีระบบสถาบันการเงินที่เข้มแข็ง
โต้ปมเดือดเฟส 3
นายพิชัยกล่าวถึงกรณีที่โซเชียลมีเดียตั้งคำถามว่า โครงการโอนเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 สำหรับกลุ่มอายุ 16-20 ปี ที่สามารถนำเงินไปซื้อเหล้า-บุหรี่ได้ว่า เรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้ต้องการให้มีการนำเงินไปซื้อสินค้าดังกล่าวได้โดยตรง เช่น ซื้อเหล้าจากร้านขายเหล้าโดยเฉพาะ ซื้อทองจากร้านขายทองโดยเฉพาะ แต่หากมีการกำหนดรายชื่อสินค้า (Negative List) ก็อาจจะไม่สะดวกสำหรับประชาชนในการใช้จ่าย ดังนั้นรัฐบาลจึงได้กำหนดเป็นขนาดร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการแทน
“บางร้านค้าขายสินค้าอุปโภคบริโภค 90% แต่อาจจะมีมุมเล็กๆ ที่ขายสินค้าประเภทเหล้า บุหรี่ ดังนั้นถ้าหากเราไปห้ามไม่ให้เข้าร้านประเภทนี้เลยก็อาจจะเหนื่อย จึงมากำหนดเป็นขนาดร้านค้าแทน ซึ่งร้านที่ขายสินค้าเหล่านี้โดยเฉพาะเราก็ไม่ให้เข้า แต่สุดท้ายหากบังเอิญว่าร้านนั้น เช่น ร้านขายของชำ มีมุมขายบุหรี่เล็กๆ อยู่ในร้าน ไม่ได้ขายบุหรี่เป็นเรื่องเป็นราว แบบนี้ก็โอเค” นายพิชัย กล่าว
รองนายกฯ และ รมว.การคลังกล่าวว่า ในระยะยาวรัฐบาลอยู่ระหว่างการเร่งพัฒนาระบบในแอปพลิเคชันทางรัฐ ซึ่งจะสามารถเชื่อมต่อจนสามารถรู้ได้ว่าสินค้าที่ประชาชนซื้อเป็นประเภทไหน ก็จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่วันนี้ต้องยอมรับว่าระบบดังกล่าวยังครอบคลุมไม่ถึง จำเป็นที่จะต้องค่อยๆ พัฒนาระบบกันต่อไป
นายพิชัยระบุด้วยว่า ในส่วนของประเด็นที่ไม่สามารถนำเงินดิจิทัลไปจ่ายเป็นค่าเทอมได้นั้น จริงๆ แล้วเรื่องนี้ก็เหมือนกับรัฐบาลให้เงินผู้ปกครองไปจ่ายค่าเทอมได้ หากผู้ปกครองสามารถบริหารจัดการเป็น เพราะเมื่อมีเงินที่สามารถนำไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคได้มากขึ้น สุดท้ายก็จะทำให้มีเงินไปจ่ายค่าเทอมได้มากขึ้นนั้นเอง เพราะเงินตรงนี้อยู่ในก้อนเดียวกัน
ส่อตกเขียวเด็ก
ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้กับกลุ่มคนอายุ 16-20 ปีว่า เป็นการเลือกที่แปลกประหลาดว่าทำไมต้องเป็นอายุ 16-20 ปี ซึ่งตัวดิจิทัลวอลเล็ตคนที่ใช้งานไม่มีความซับซ้อน เพราะใครก็ตามที่ใช้พร้อมเพย์เป็นก็สามารถใช้ได้แล้ว ดังนั้น ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่ต้องใช้ผู้ตื่นรู้ทางเทคโนโลยีเท่านั้น ตนจึงคิดว่าประเด็นอยู่ที่งบประมาณอาจจะไม่เพียงพอในงบปี 68 ทำให้อาจจะต้องขยายไปถึงงบปี 69 จึงทำให้ต้องมีการซอยออกมาเป็นเฟสๆ
อย่างไรก็ตาม เฟสนี้ไม่แน่ใจว่าทำไมลดเหลือเพียงแค่ 2 ล้านคน หรือ 2 หมื่นล้านบาทเท่านั้น หากเราดูกรณีก่อนหน้าที่มีการแจกเงินสดคือมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ครั้งแรกเม็ดเงินใหญ่ขนาดนั้นยังไม่ทำให้เศรษฐกิจกระดิกได้ จีดีพีตกเป้า การบริโภคภาคเอกชนไม่มีการกระเตื้องแต่อย่างใด และในครั้งนี้ 2 หมื่นล้านบาท ถ้าจะให้เกิดผลกระตุ้นทางเศรษฐกิจคงไม่มี แต่ก็ไม่แปลกใจที่รัฐบาลเลิกพูดเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะวันนี้พูดเรื่องเตรียมคนเข้าสู่ยุคดิจิทัล รวมถึงเอกสารที่เข้าสู่รายงานการประชุมก็ไม่มีการประเมินผลของการกระตุ้นเศรษฐกิจโครงการนี้
“คนก็บอกว่าสรุปแล้วเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้าสำหรับนิวโหวตเตอร์หรือไม่ ดิฉันคิดว่าถ้าเป็นจริงจะเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ที่จะใช้ภาษีของประชาชนทำการแบบนี้ และคิดว่าซื้อไม่ได้จริง เพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นใหม่ เขามีวิจารณญาณมากพอที่จะไม่สามารถถูกซื้อได้ด้วยเงิน 1 หมื่นบาท ฉะนั้นเชื่อว่ารัฐบาลไม่มีทางคิดแบบนี้แน่นอน เพราะไม่มีผลทั้งคู่” น.ส.ศิริกัญญากล่าว
น.ส.ศิริกัญญากล่าวด้วยว่า รอบนี้ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเหลือเงินกระตุ้นเศรษฐกิจลดลงเรื่อยๆ และไม่ทราบว่าจะแจกทั้งหมด หรือเปลี่ยนไปทำโครงการอื่นหรือไม่ เพราะถ้อยคำจากรัฐบาลบอกว่าดูตามความเหมาะสม ซึ่งไม่รู้ว่าเหมาะสมของอะไร แต่ถ้าเหมาะสมทางเศรษฐกิจก็เห็นแล้วว่า 2 รอบแรก ไม่ได้เกิดอะไรกับเศรษฐกิจ เราคาดหวังว่าอย่าให้มีครั้งที่ 3 และเมื่อมีครั้งที่ 3 เราก็บอกว่าครั้งที่ 4 ไม่ได้แล้ว ฉะนั้นต้องดูกับทางรัฐบาลอีกครั้งว่าสรุปแล้วความเหมาะสมของรัฐบาลเป็นความเหมาะสมทางเศรษฐกิจหรือทางการเมือง ว่าในช่วงที่ความนิยมตกต่ำก็งัดเอาโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมาปลอบประโลมประชาชนว่าอย่างไรก็แจกเงินอยู่หรือเอาความนิยมคืนมา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทบ.เดือดจัด ซัด‘เฮงรัตนา’ จอมลวงโลก
โฆษก ทบ.จี้นานาชาติจับตา “เฮง รัตนา” ผอ. CMAC กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ บ่อนทำลายความไว้วางใจและสันติภาพในภูมิภาค ใช้จินตนาการปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อหลอกลวงสังคมโลก
‘ราชินี’แรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่
ในหลวงพระราชทานถ้วยรางวัลนักกีฬาเรือใบ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 37 พระราชินีทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เรือวายุมีคะแนนดีที่สุดในการแข่งขัน
‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง
"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12
พท.ขึงขังซักฟอก อ้างเหตุเพราะมีคนตายปากกล้าขาสั่นท้าไม่กลัวยุบสภา
พรรคเพื่อไทยจะเอาทุกอย่าง ซักฟอกดิสเครดิตรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง บีบพรรคส้มตัดสินใจ เชื่อ "อนุทิน" ไม่ยุบสภา ไม่กระทบรัฐธรรมนูญ "สรวงศ์" ลั่น
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว

