หน้าที่นายกฯไม่ใช่ศาล ยกคำร้องตีความซื่อสัตย์ ญัตติซักฟอกจบสัปดาห์นี้

ศาล รธน.มีมติ 8 ต่อ 1 ตีตกคำร้องรัฐบาลขอตีความนิยาม "ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์" เหตุไม่เข้าหลักเกณฑ์ ชี้แต่งตั้ง ครม.เป็นอำนาจหน้าที่นายกฯ ระบุรัฐธรรมนูญวางกลไกป้องกันทุจริต-ประพฤติมิชอบเข้มแล้ว "ภูมิธรรม" บอกปรับ ครม.ครั้งหน้าต้องมาคิด "อนุทิน" ลั่นแค่อย่าทำผิดดีสุด "ทักษิณ" วางคิวเดินสายพิษณุโลก 17 มี.ค.นี้ "บิ๊กอ้วน" หยันฝ่ายค้านข้อมูลซักฟอกไม่มากครึ่งวันก็พอ "สุทิน" แหย่ดึงดันไม่แก้ญัตติอาจโดนครหาปูทางไม่บรรจุหวังล้มอภิปรายเอง "ศิริกัญญา" ยันไม่ถอนชื่อ “ทักษิณ” มั่นใจคุย "ปธ.สภาฯ" จบสัปดาห์นี้

เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าวการประชุมปรึกษาคดีที่สำคัญและเป็นที่สนใจ กรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ (ศาล รธน.) พิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของ ครม. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ที่ ครม. (ผู้ร้อง) มอบหมายให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยื่นขอให้ศาล รธน.พิจารณาวินิจฉัย กรณีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของนายกรัฐมนตรีและ ครม. ในการเสนอชื่อบุคคลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและคำวินิจฉัยศาล รธน.ที่ 23/2567 ซึ่งการพิจารณาว่า บุคคลต้อง “มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” และ “ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง” และ “ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท” ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) (5) และ (7) รวมทั้ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 9 (5) กำหนดว่า ผู้ซึ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งอื่นนอกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต้อง “ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดี”  ว่ามีขอบเขตหรือแนวทางการพิจารณาอย่างไร

ศาลพิจารณาเห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง กำหนดหลักการสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดย ครม.ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตาม รธน. กฎหมาย และหลักนิติธรรม เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม และมาตรา 158 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “พระมหากษัตริย์ ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอื่นอีกไม่เกินสามสิบห้าคน ประกอบเป็นคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน” โดยรัฐธรรมนูญนี้วางกลไกป้องกัน ตรวจสอบ และขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบที่เข้มงวด เด็ดขาด เพื่อมิให้ผู้บริหารที่ปราศจากคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลเข้ามามีอำนาจในการปกครองบ้านเมือง จึงบัญญัติคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีไว้ ตาม รธน.มาตรา 160 ที่จะต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติสูงกว่าบุคคลที่จะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากรัฐมนตรีเป็นฝ่ายบริหารและเป็นผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานบริหารราชการแผ่นดิน 

การพิจารณาว่า บุคคลใดมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5) หรือไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาทตาม รธน.มาตรา 160 (7) การเสนอบุคคลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี เป็นดุลพินิจของนายกรัฐมนตรีจะต้องพิจารณาคุณสมบัติดังกล่าว และเป็นผู้รับผิดชอบในการนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งบุคคลเป็นรัฐมนตรีและเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ดังกล่าว

ศาลไม่รับตีความนิยามซื่อสัตย์

การพิจารณาพิพากษาอรรถคดีเป็นอำนาจของศาล ซึ่งต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย และในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 188 วรรคหนึ่ง ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอำนาจพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรอิสระ ซึ่งปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจขององค์กรตามรัฐธรรมนูญดังกล่าวที่จะเสนอเรื่องให้ ศาล รธน.พิจารณาวินิจฉัยตาม รธน. 210 วรรคหนึ่ง (2) ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7 (2) และมาตรา 44 ต้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญโดยตรง หรือมีการกำหนดบทบาทหน้าที่และอำนาจหลักไว้ในรัฐธรรมนูญ และการยื่นคำร้องในกรณีดังกล่าวจะต้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจที่เกิดขึ้นแล้ว 

เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องปรากฏว่า การเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นหน้าที่และอำนาจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการใช้อำนาจในทางบริหารและต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม ตามรัฐธรรมนูญ คำร้องดังกล่าวเป็นเพียงการขอให้อธิบายหรือแปลความหมายบทบัญญัติของ รธน.เกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) (5) และ (7) และ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 9 (5) ว่ามีความหมายขอบเขตเพียงใด อันมีลักษณะเป็นการหารือเท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของผู้ร้องเกิดขึ้นแล้ว

อีกทั้งกรณีการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองตำแหน่งอื่นตามคำร้องซึ่งไม่ใช่รัฐมนตรี ก็เป็นอำนาจให้ความเห็นชอบของ ครม. ตาม พ.ร.บ.เฉพาะข้าราชการการเมือง มิใช่การใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ ไม่ต้องด้วยเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาล รธน. พ.ศ.2561 มาตรา 7 (2) และมาตรา 44

ศาล รธน.มีมติโดยเสียงข้างมาก (8 ต่อ 1 ตุลาการศาล รธน.เสียงข้างน้อย นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม) มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในประเด็นที่ว่า บุคคลต้อง “มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” และ “ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง” (เสียงข้างน้อยเห็นว่าเป็นกรณีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ประกอบมาตรา 158 วรรคหนึ่ง มาตรา 160 (4) และ (5) และมาตรา 164 วรรคหนึ่ง (1) และเห็นว่า เป็นประเด็นปัญหาซึ่งเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจที่เกิดขึ้นแล้ว) ส่วนประเด็นอื่น ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า หลังจากนี้ นายชูศักดิ์ในฐานะฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล ต้องมาดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อ   เพราะเรื่องนี้ ครม.มอบหมายให้นายชูศักดิ์รับผิดชอบ เพื่อทำเรื่องนี้ให้เกิดความชัดเจน

"เมื่อไม่รับแล้วต้องมาดูว่าเรื่องนี้จะทำอย่างไรให้เกิดความชัดเจน เพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติให้ได้  ซึ่งผมเข้าใจว่ากรณีที่ศาล รธน.ไม่รับ เพราะยังไม่เกิดเหตุ ก็เลยยังไม่จบ" นายภูมิธรรมกล่าว

ถามว่า หากอนาคตมีการปรับ ครม.จะต้องใช้มาตรฐานเข้มข้นเหมือนการแต่งตั้ง ครม.แพทองธาร 1 หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า “ก็คงต้องมาคิด” ถามย้ำอีกครั้งว่า ที่บอกต้องคิดต้องทำให้เข้มข้นเหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เดี๋ยวขอให้เกิดความชัดเจนก่อน

ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีศาล รธน.ไม่รับคำร้องตีความนิยามซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่อย่าทำอะไรผิดดีที่สุด ซึ่งการตั้งรัฐมนตรีและข้าราชการการเมืองที่ผ่านมา นายกฯ  ใช้มาตรฐานจริยธรรมอยู่แล้ว เนื่องจากมีตัวอย่างมาแล้ว และไม่ใช่เฉพาะนายกฯ ต่อไปนี้รัฐมนตรีคนไหนจะไปแต่งตั้งข้าราชการ แต่งตั้งกรรมการหรือที่ปรึกษา ก็ต้องระมัดระวัง

พ่อนายกฯ บุกพิษณุโลก 17 มี.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า มีกำหนดการลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก เพื่อพบปะมวลชน ในงานเรื่องเล่า "ประสบการณ์ การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของมวลชน" ในวันที่ 17 มี.ค. ที่มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ต.สมอแข อ.เมืองฯ จ.พิษณุโลก โดยคาดว่าจะมีมวลชนทั้ง จ.พิษณุโลก และจังหวัดใกล้เคียง อาทิ จ.พิจิตร อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ อุทัยธานี และ จ.สุโขทัย มาร่วมด้วย โดยนายทักษิณจะกล่าวทักทายและพูดคุยกับมวลชน จากนั้นนายทักษิณจะถ่ายภาพกับมวลชนก่อนเดินทางกลับ

วันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านซูเอี๋ยกัน โดยเฉพาะการนำประเด็นเรื่องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาเป็นเงื่อนไขเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายภูมิธรรมได้ถามกลับว่า คิดว่าฝ่ายค้านกับรัฐบาลจะซูเอี๋ยกันเหรอ

"ประเด็นนี้ผมพูดไปแล้วว่า เรื่องของสภา ซึ่งวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายค้านต้องไปหารือกัน และเป็นอำนาจของประธานรัฐสภาในการกำหนดเปลี่ยนแปลง ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา การเขียนญัตติมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขอยู่หลายครั้ง เช่น การใช้คำพูดรุนแรง ประธานสภาฯ ก็จะขอให้ถอนออกจากญัตติ  ซึ่งเกิดในสมัยนายอุทัย พิมพ์ใจชน หรือบางเรื่องที่เกี่ยวพันกับคนนอกมาเกี่ยวข้อง ก็ไม่ควรจะพาดพิง แต่หากมีข้อเท็จจริง สามารถอภิปรายรวมไปได้อยู่แล้ว เพียงแต่คนอภิปรายต้องรับผิดชอบ" นายภูมิธรรมกล่าว

รองนายกฯ กล่าวว่า การยื่นญัตติจะต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ซึ่งประธานรัฐสภาจะเป็นผู้พิจารณา ขณะที่วันเวลาในการอภิปราย ก็ต้องไปพิจารณากัน เท่าที่ทราบจากฝ่ายวิปรัฐบาลหากเริ่มต้นที่จะอภิปรายรัฐมนตรีหลายคนก็จะกำหนดเอาไว้ว่า 5 วัน และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงไปก็เหลือเพียงวันเดียว ก็คือโฟกัสอยู่ที่นายกฯ ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นก็ไม่ค่อยชัดเจนว่าจะไปถึงหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะพูดถึงในเรื่องของการกำกับดูแล ทางรัฐบาลก็มองว่าก็เอาตามที่เหมาะสม

ถามว่า เปิดอภิปรายวันเดียวน้อยเกินไปหรือไม่  นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายค้านมีข้อมูลอยู่เท่าไหร่ หากมีข้อมูลไม่มากอภิปรายครึ่งวันก็พอ

"ไม่ได้พิจารณาที่จำนวนวัน แต่อยู่ที่ว่าฝ่ายค้านจะซักฟอกคนเดียวหรือสองคน เขาทำผิดพลาดมากหรือไม่ และมีเนื้อหาที่จะอภิปรายมากน้อยเพียงใด หากอภิปรายไม่มาก ผู้นำฝ่ายค้านฯ เปิดอภิปราย และอภิปรายอีก 2 คน ก็สามารถปิดอภิปรายได้แล้ว" นายภูมิธรรมกล่าว

ถามว่า หากตัดชื่อนายทักษิณออกจากญัตติของฝ่ายค้าน ก็สามารถเปิดอภิปรายได้เลยหรือไม่  นายภูมิธรรมกล่าวว่า คงต้องไปถามประธานสภาฯ  แต่เท่าที่รู้ที่มีปัญหาก็คือประเด็นนี้ ก็ต้องให้ฝ่ายค้านไปเคลียร์กับประธานสภาฯ อย่ามาคิดว่ารัฐบาลจะอย่างโน้นอย่างนี้ ยืนยันว่าเราไม่มีปัญหา

"รัฐบาลมีหน้าที่ทำตามนั้น เพียงแต่รัฐบาลสามารถต่อรองวันเวลาที่เหมาะสมได้ ส่วนจะวันเวลาเท่าไหร่ ญัตติอะไร อยู่ที่ฝ่ายค้านกับประธานสภาฯ ที่จะต้องคุมการอภิปราย และประธานสภาฯ  ก็มีฝ่ายกฎหมาย ไม่ได้ใช้ดุลพินิจคนเดียว ท่านมีแบ็กอัปอยู่ข้างหลัง ถือเป็นการพูดคุยเรื่องกฎระเบียบ ข้อบังคับ อยากให้เข้าใจหลักการทำงาน  อย่าใช้อารมณ์" นายภูมิธรรมกล่าว

นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวว่า การแก้ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยถอดชื่อนายทักษิณออก เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบสามารถเดินต่อไปได้ก็ควรที่จะปรับแก้ หากพรรคประชาชน (ปชน.) ยืนยันจะไม่แก้ จะทำให้ประชาชนคิดไปอีกแบบว่ามีข้อมูลเฉพาะเรื่องของนายทักษิณ ข้อมูลอย่างอื่นไม่มีหรือไม่ ถ้าไม่มีเรื่องนายทักษิณก็จะอภิปรายไม่ได้ และประชาชนอาจจะมองได้ว่าพรรค ปชน.อาจจะหาเรื่องไม่แก้เพื่อให้ประธานสภาฯ ไม่บรรจุ เพื่อล้มการอภิปราย และโยนความผิดมาให้ประธานสภาฯ

"ผมว่ายอมแก้ไม่เสียหายอะไร ยอมแก้ให้กับข้อบังคับ ยอมถอยให้กับประธานสภาฯ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย จะได้ทำหน้าที่อภิปราย แล้วจะพูดอะไรก็ถือเป็นโอกาสอันดีของพรรคประชาชน แต่ถ้าไม่ได้พูดก็ไม่มีโอกาส" นายสุทินกล่าว

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรค พท. กล่าวว่า ต้องถามฝ่ายค้าน เพื่อให้ประชาชนตั้งคำถามว่าการยื่นญัตติครั้งนี้หวังอะไร หวังให้เกิดผลดีกับประเทศ หวังให้มีการปรับเปลี่ยนการทำงานของนายกฯ หรือเสนอแนะในการบริหารราชการแผ่นดิน

"ผมไม่มีปัญหา แต่ประเด็นตอนนี้ค่อนข้างผิดหวัง เพราะหวังว่าจะเห็นการเมืองแบบใหม่ แต่สุดท้ายกลับไปเหมือนเดิม เราอยู่ในสภา อยู่ในการเมืองมา 20 ปี ก็เห็นแบบนี้มาตลอด" เลขาธิการพรรค พท.ระบุ

ไหมคุย 'ปธ.สภาฯ' จบสัปดาห์นี้

ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีมีการขีดเส้นจะต้องยื่นแก้ญัตติภายในวันที่ 17 มี.ค.ว่า เป็นเรื่องของสภา เรามีหน้าที่เตรียมความพร้อม เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น

ถามว่า หากเป็นเช่นนี้อาจจะไม่มีการอภิปราย  นายอนุทินกล่าวว่า คิดว่าไม่น่าจะไปถึงขั้นนั้น  สำหรับตนคิดว่าตกลงกันได้อยู่แล้ว

ซักว่าในญัตติส่วนตัวคิดว่าไม่ควรมีชื่อนายทักษิณใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ถ้ายื่นอภิปรายนายกรัฐมนตรี ก็ควรจะพูดถึงแค่นายกฯ

ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ยืนยันจะไม่ถอนชื่อนายทักษิณออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะตามมหลักการข้อกฎหมายเราจะบรรจุชื่อของบุคคลภายนอกในญัตติได้

"คงต้องมีการพูดคุยกับประธานสภาฯ ว่าตกลงยืนยันข้อกฎหมายถูกต้อง หรือเป็นอำนาจที่ประธานสภาฯ สามารถทำได้จริงหรือไม่ และคงต้องหาทางออกร่วมกันในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่ยอมให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่เกิดขึ้นในสมัยประชุมนี้แน่นอน และต้องคุยให้จบภายในสัปดาห์นี้" น.ส.ศิริกัญญากล่าว

ถามว่า หากประธานไม่ยอมบรรจุวาระจะยอมแก้หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า จริงๆ มีข่าวให้คำแนะนำเราว่าจะใส่ชื่อแทนชื่อของนายทักษิณไว้ว่าอย่างไร มีคนแนะนำมาเยอะ เช่น ชายคนนั้น พี่คนนั้น คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ซึ่งเรายังยืนยันว่าสิ่งที่เราทำถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ แต่ต้องรอดูว่าจะคลี่คลายแบบไหน 

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้มีคำสั่งให้ น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ เขต 4 และรองเลขาธิการพรรค พปชร.  พ้นจากตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค เนื่องจากไปร่วมกิจกรรมทำบุญเปิดที่ทำการพรรคกล้าธรรม คำสั่งมีผลตั้งแต่ 7 มี.ค.68

ส่วนพรรคกล้าธรรม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรค แต่งตั้งนายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.พรรค เป็นโฆษกพรรคกล้าธรรม ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. เป็นต้นไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก

นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม