ล้อมคอกตามสูตร "รมว.ดีอี" เรียก "ปภ.-กสทช.-โอเปอเรเตอร์" สางปัญหาระบบเตือนภัยประชาชน วางระบบ-ขั้นตอนเคร่งครัด ย้ำให้ประสานงานกันใกล้ชิด แจ้งเตือนภัยฉุกเฉินให้ถึง ปชช.อย่างรวดเร็ว รมว.เกษตรฯ ยันแผ่นดินไหวไม่กระทบเขื่อน รถไฟฟ้าสายสีเหลืองเปิดให้บริการแล้ว ส่วนสีชมพูรอเช็กระบบไฟ "ณัฐพงษ์" เสนอ รบ.ยกระดับ "Traffy Fondue" เป็นระบบกลางให้ทุกจังหวัดใช้งานร่วมกันได้ แจ้ง-ติดตาม-ช่วยเหลือเหตุภัยพิบัติ "ซูเปอร์โพล" เผย ปชช.จี้รัฐปรับปรุงการสื่อสาร แนะนายกฯ ไลฟ์สดทันที
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยผลการเป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม (โอเปอเรเตอร์) เพื่อสรุปแนวทางแก้ไขความผิดพลาดเรื่องระบบการแจ้งเตือนภัย เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมได้หารือเรื่องของกระบวนการส่งข้อมูลการแจ้งเตือนสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย SMS ตามข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ ปภ.และ กสทช.ดำเนินการส่งข้อความ SMS แจ้งเตือนภัยถึงประชาชนให้เร็วขึ้น ทันเวลาและทั่วถึง ซึ่งเป็นไปตามข้อเรียกร้องจากประชาชน โดยสามารถสรุปขั้นตอนได้ดังนี้
1.เมื่อ ปภ.ได้รับการแจ้งเตือนภัยจากกรมอุตุนิยมวิทยา ปภ.โดยศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ จะวิเคราะห์ข้อมูล พิจารณาแล้วแจ้งข้อความเตือน และ broadcast ไปให้ทาง กสทช.ในทันที จากนั้น 2.กสทช.แจ้งดำเนินการไปยังโอเปอเรเตอร์ เพื่อส่ง SMS ไปยังประชาชนในพื้นที่ประสบภัย และ 3.ปภ.เตรียมแผนปฏิบัติการสื่อสาร/แผนสำรองในการแจ้งเตือนภัย ให้มีการแจ้งสถานการณ์เบื้องต้น การปฏิบัติตนของประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติ และแจ้งสรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อสถานการณ์ได้สิ้นสุดลง
“นอกจากนี้ กสทช.และหน่วยที่เกี่ยวข้องจะวางแผนการเพิ่มผังรายการให้ประชาชนได้รับข่าวสารอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเร่งรัดการดำเนินการเรื่องระบบแจ้งเตือนภัย (cell broadcast) ส่งข้อความ SMS แจ้งเตือนภัยฉุกเฉินผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ ครอบคลุมโทรศัพท์มือถือของประชาชนที่ประสบภัยธรรมชาติ เหตุฉุกเฉินในพื้นที่เป้าหมาย ประสานการทำงานกันอย่างใกล้ชิด พร้อมประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อกระจายเสียงให้ทันท่วงที” นายประเสริฐกล่าวย้ำ
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ล่าสุดได้รับรายงานจากนายสุริยพล นุชอนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน ถึงผลการตรวจสอบเขื่อนหลังเกิดแผ่นดินไหวในเมียนมาและมีแรงสั่นสะเทือนถึงไทย โดยจากการตรวจวัดค่าอัตราเร่ง (ค่าวัดแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว) ที่วัดได้ที่เขื่อนของกรมชลประทาน พบว่าอยู่ระหว่าง 0.00505 -0.01647 g ซึ่งค่าที่ตรวจวัดได้ดังกล่าวไม่เกินค่าตามมาตรฐานการออกแบบของกรมชลประทานและตามหลักการขององค์กรเขื่อนใหญ่ระหว่างชาติ (ICOLD) กำหนดไว้ เพื่อรองรับอัตราเร่งคือไม่เกิน 0.2 g ดังนั้นเหตุการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าว จึงไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของตัวเขื่อนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน
ทั้งนี้ กรมชลประทานได้ออกแบบเขื่อนทุกแห่งให้สามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวไว้ด้วยค่าที่สูงสุดของความเสี่ยงในพื้นที่ประเทศไทย นอกจากนี้ยังตรวจสอบและติดตามข้อมูลทางสถิติของค่าความเร่งสูงสุดที่เกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวอยู่ตลอดเวลา เพื่อนำมาประเมินเหตุการณ์แผ่นดินไหว รวมทั้งแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อเขื่อน เพื่อให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ท้ายเขื่อนมีความมั่นใจ และเชื่อมั่นในความปลอดภัยแข็งแรงของเขื่อนตลอดเวลา และมอบหมายให้อธิบดีกรมชลประทานสั่งการหน่วยงานในสังกัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ ให้พร้อมรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่าการดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยในรถไฟฟ้ามหานคร สายนัคราพิพัฒน์ (MRT สายสีเหลือง) ซึ่งจากการตรวจสอบทางวิ่งโดยใช้รถตรวจสอบการซ่อมบำรุง คาดว่าจะสามารถตรวจสอบเส้นทางทั้งหมดแล้วเสร็จภายในช่วงเช้าวันนี้ (30 มี.ค. 2568) ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเหลืองจะสามารถกลับมาให้บริการได้ในวันนี้ (30 มี.ค.) เวลา 12.00 น.
ขณะที่รถไฟฟ้ามหานครสายสีชมพู (MRT สายสีชมพู) หลังจากนำขบวนรถทั้งหมด 17 ขบวน ที่ให้บริการในช่วงเกิดเหตุแผ่นดินไหวนำส่งศูนย์ซ่อมบำรุงแล้ว ได้มีการตรวจสอบเส้นทางวิ่ง โดยใช้รถตรวจสอบการซ่อมบำรุง พบว่า โครงสร้างไม่มีปัญหา แต่จะดำเนินการตรวจสอบรางจ่ายไฟที่ยึดด้านข้างทางวิ่งเพิ่มเติม 3 จุด บริเวณระหว่างสถานีมีนบุรีและสถานีตลาดมีนบุรี ช่วงข้ามคลองแสนแสบ โดยรถไฟฟ้าสายสีชมพูจะปิดให้บริการอีก 1 วัน เพื่อให้เกิดความมั่นใจในด้านความปลอดภัยสูงสุด ก่อนที่จะกลับมาเปิดเดินรถตามปกติต่อไป
ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย ศ. ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย และทีมวิศวกรอาสาของสมาคมฯ ร่วมตรวจโครงสร้างอาคารเอกสินเพลสคอนโด อ.เมืองนนทบุรี ประเดิมความร่วมมือระหว่างพรรคประชาชนกับสมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ ในการนำทีมวิศวกรออกตรวจสภาพตึกที่มีรอยร้าวจากแผ่นดินไหวใน 4 จังหวัดปริมณฑล คือ สมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี และปทุมธานี ซึ่งมี สส.พรรคประชาชน ได้แก่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรค, นายสุรพันธ์ ไวยากรณ์ สส.นนทบุรี และนายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.นนทบุรีร่วมด้วย
นายณัฐพงษ์กล่าวถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ให้ทุกจังหวัดเร่งสำรวจความเสียหายว่า หลายพื้นที่อาจไม่มีกลไกการแจ้งเรื่องที่ประชาชนรับรู้โดยทั่วกัน และมีประสิทธิภาพเพียงพอในการบริหารจัดการ ต่างจากกรณีของกรุงเทพมหานครที่ผู้ว่าฯ สามารถแถลงข่าว เพื่ออัปเดตสถานการณ์ให้ประชาชนในกรุงเทพฯ ทราบโดยทั่วกันได้ตลอดเวลา ว่ามีเรื่องแจ้งเข้ามากี่กรณี ส่งวิศวกรเข้าไปตรวจสอบแล้วกี่กรณี การสำรวจความเสียหายจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากมีระบบกลางให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุ และติดตามสถานะได้ด้วยตัวเองอย่างสะดวกและชัดเจน ซึ่งเรามีตัวอย่างที่ดีจากกรุงเทพฯ ที่ใช้ Traffy Fondue เชื่อมโยงประชาชนเข้ากับหน่วยงานท้องถิ่นและวิศวกรอาสา ช่วยให้การรายงานและการลงพื้นที่ช่วยเหลือเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และผู้ว่าฯ กทม.สามารถมองเห็นภาพรวมของปัญหาได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องรอการรายงานกลับขึ้นมาจากแต่ละสำนักงานเขต ต่างจากการบริหารจัดการในจังหวัดอื่นๆ หลายแห่ง ที่ยังมีปัญหาความทับซ้อนกันอยู่ระหว่างราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น
นอกจากนี้ นายณัฐพงษ์ยังเสนอให้รัฐบาลใช้โอกาสนี้ในการยกระดับการใช้งานระบบ Traffy Fondue ออกไปยังทุกๆ จังหวัด โดยสั่งให้จังหวัดหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องใช้ระบบ Traffy Fondue ในการบริหารจัดการเรื่องร้องเรียนจากเหตุภัยพิบัติ ในขณะเดียวกันให้นายกรัฐมนตรีสื่อสารต่อประชาชนทุกคน ว่าให้แจ้งเรื่องเข้ามาทางระบบ Traffy Fondue เป็นหลัก ไม่ว่าจะอยู่ในจังหวัดใด ควบคู่ไปกับช่องทางสำรองอื่นๆ เพื่อรองรับประชาชนที่ไม่สะดวกในการแจ้งเรื่องผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ทั้งนี้ระบบ Traffy Fondue เป็นระบบที่พร้อมใช้ได้ทันที ไม่ต้องมีการติดตั้งระบบใดๆ ทั้งสิ้น
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่องความคิดเห็นต่อเหตุแผ่นดินไหว กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพที่ประสบเหตุแผ่นดินไหวด้วยตนเอง ระหว่างวันที่ 29-30 มีนาคม 2568 โดยเมื่อสอบถามประชาชนถึงความรู้สึกแรกเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหว พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.4 ตกใจมาก เกิดอะไรขึ้น คิดว่าตนเองไม่สบาย รู้ว่าแผ่นดินไหว คิดว่าผีหลอก เกิดเหตุร้าย ในขณะที่ร้อยละ 24.6 ตกใจแต่ไม่มาก ควบคุมสติได้ หาทางเอาตัวรอด แจ้งเตือนผู้อื่น
เมื่อถามถึงแหล่งข่าวแรกๆ ที่ได้รับข้อมูลข่าวสารแผ่นดินไหว ตอบได้มากกว่า 1 แหล่ง พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.7 ระบุคนในที่เกิดเหตุ คนรู้จัก ปากต่อปาก ในขณะที่ ร้อยละ 88.7 ระบุโซเชียลมีเดีย Facebook, X/Twitter, Line, IG ร้อยละ 65.8 ระบุเพื่อนร่วมงาน หน่วยงาน องค์กรของตนเอง ร้อยละ 53.9 ระบุจากห้างร้าน หน่วยงานในที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว และร้อยละ 14.6 ระบุจากหน่วยงานของรัฐ จากการแถลงข่าวสด สถานการณ์ฉุกเฉิน ตามลำดับ
เมื่อถามถึง ความต้องการให้หน่วยงานรัฐปรับปรุง พร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน พบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 87.1 ต้องการให้เฝ้าระวัง ติดตามพื้นที่เสี่ยง สื่อสาร ไลฟ์สดจากรัฐบาล นายกรัฐมนตรีไลฟ์สดทันที ตอบสนองรับมือเหตุฉุกเฉิน แก้วิกฤต และฟื้นฟูเยียวยา ร้อยละ 84.9 ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจง ตรวจสอบ ความเคลือบแคลงสงสัยของประชาชนในทุกประเด็น และร้อยละ 77.6 ระบุมีการให้ความรู้และฝึกซ้อมประชาชน รับมือเหตุฉุกเฉิน ในทุกมิติ ทุกสถานการณ์ ไม่ทำเฉพาะช่วงเป็นกระแสเท่านั้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


