"สว." ยืนไว้อาลัยผู้เสียชีวิตเหตุแผ่นดินไหว ถกญัตติด่วนจี้รัฐบาลเร่งปรับปรุงระบบแจ้งเตือนภัย ชี้เตรียมงบฯ ไว้ตั้งแต่ปี 2567 แต่ระบบไม่คืบ "นันทนา" ซัด "อุ๊งอิ๊ง" อย่าไร้เดียงสา ใช้ประสบการณ์แก้วิกฤตจาก “พ่อ-อา” แก้ปัญหาอย่างมืออาชีพ “ยุคล” ถามรัฐบาลถึงบทลงโทษ บ.นอมินีจีน ขณะที่ “สว.ประทุม” อึ้งรัฐสภามีบันไดหนีไฟทำด้วยไม้สัก แต่ห้องประชุมเป็นแผ่นไม้ หากเกิดเหตุซ้ำใส่หมวกนิรภัยไม่ทันแน่ ด้าน ปธ.วิปรัฐบาลเตรียมยื่นญัตติด่วนเรื่องผลกระทบจากแผ่นดินไหวสัปดาห์นี้
ที่รัฐสภา เวลา 09.30 น. วันที่ 31 มีนาคม มีการประชุมวุฒิสภาที่มีนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม ได้แจ้งถึงสถานการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมาและรับรู้ได้ถึงประเทศไทย ซึ่งทำให้เกิดความเสียหาย โดยในนามของสว.ขอส่งความห่วงใยถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และขอให้ สว.ร่วมยืนไว้อาลัยผู้เสียชีวิต 1 นาที
ต่อมาในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้ที่ประชุมพิจารณากรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 มี.ค. เสนอโดย พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร สว. เพื่อส่งต่อข้อเสนอไปยังรัฐบาล ให้พัฒนาและปรับปรุงระบบการแจ้งเตือนเหตุการณ์วิกฤตของภัยพิบัติทุกรูปแบบ พร้อมตั้งข้อสังเกตต่อการจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในการสร้างระบบเตือนภัยที่เป็นงบผูกพันตั้งแต่ปี 2567-2569 แต่ปัจจุบันยังพบว่าระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดย น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. อภิปรายโดยเน้นย้ำถึงการปฏิรูประแบบแจ้งเตือนภัย ทั้งนี้แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อ 28 มี.ค. จนถึงปัจจุบันพบว่ามีอาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้นหลายครั้ง และไม่มีการแจ้งเตือนภัยมายังประชาชน ตั้งแต่เกิดเหตุสึนามิ 2547 จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยลงทุนต่อการแจ้งระบบ Cell broadcast รวมกว่า 1,074 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาระบบอย่างเร่งด่วน ช่วงเกิดเหตุไม่มีการแจ้งเตือน แต่หลังจากผ่านไป 5-6 ชั่วโมงพบข้อความแจ้งเตือน ซึ่งมิจฉาชีพยังส่งข้อความได้เร็วกว่าภาครัฐ แถมส่งลิงก์มิจฉาชีพมาด้วย
ด้าน น.ส.นันทนา นันทวโรภาส อภิปรายอย่างดุเดือดว่า แผ่นดินไหวที่ผ่านมาเปลือยเปล่าระบบราชการไทยและรัฐบาลอย่างชัดเจนที่สุด จนทำให้คนไทยตาสว่างกันเลยทีเดียว รัฐบาลไม่อาจแสดงความไร้เดียงสา ปฏิเสธความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ แม้ว่าจะเกิดเป็นครั้งแรก ถ้าจะว่าไปแล้วครอบครัวของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เคยเผชิญวิกฤตตั้งแต่รุ่นพ่อ คือเหตุการณ์สึนามิ รุ่นอาเจอน้ำท่วมใหญ่ มาถึงรุ่นนายกฯ ควรนำประสบการณ์การบริหารภาวะวิกฤตมาใช้ได้บ้าง แต่กลับหาความเป็นมืออาชีพไม่มี
“การสื่อสารในภาวะวิกฤตเป็นเรื่องที่รัฐบาลทำช้าและทำน้อยเกินไป เพราะทันทีที่เกิดแผ่นดินไหว รัฐต้องแจ้งต่อประชาชนให้ทราบทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น รัฐบาลต้องเตือนภัยประชาชน แต่รัฐบาลไม่เคยสื่อสารให้ประชาชนอุ่นใจ มีแต่คอลเซ็นเตอร์เท่านั้นที่ทราบว่ารัฐบาลนี้ได้ตั้งงบประมาณ 5,000 ล้านบาทเพื่อสร้างระบบเตือนภัย แต่สิ่งที่นายกฯ บอกคือสั่งการแล้วแต่ระบบไม่ออก ทำให้เห็นว่าปัญหาใหญ่ขนาดนี้ หน่วยงานภาครัฐเกี่ยงกันทำงานอีก มีกระแสข่าวว่าบริษัทอินเทอร์เน็ตทั้ง 2 ค่ายพร้อมส่ง SMS แต่ กสทช.และ ปภ.ไม่พร้อม ไม่รู้ว่าจะส่งข้อความอะไร" น.ส.นันทนากล่าว
ขณะที่นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. อภิปรายว่า จากการตรวจสอบงบประมาณตามกฎหมายงบประมาณปีที่ผ่านมา ส่วนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พบการตั้งงบประมาณเพื่อระบบแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ตั้งงบผูกพันตั้งแต่ปี 67-69 กว่า 269 ล้านบาท และยังมีงบประมาณเพื่อสำหรับกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหวในกรมอุตุนิยมวิทยา สังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ซึ่งระบุว่าจะมีเครือข่ายสมรรถนะสูงตรวจเฝ้าระวังแผ่นดินไหวและสึนามิ ตั้งงบไว้ 271 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 67-69 แม้จะมีการชี้แจงถึงระบบเซลล์บรอดคาสต์ปลายไตรมาส 2 ของปีนี้ ตั้งงบไว้ปี 2567 แต่ระบบแจ้งเตือนทางโทรศัพท์และการเฝ้าระวัง ทำไมถึงปล่อยให้ระบบเตือนภัยบกพร่อง ซึ่งระบบดังกล่าวควรเร่งรัด หากรอไปถึงปลายไตรมาส 2 คงไม่ทัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจาก สว.จะอภิปรายถึงระบบเตือนภัยของรัฐบาลที่ล้มเหลว และไม่ทันต่อการแจ้งเตือนช่วงเกิดภัยพิบัติแล้ว ยังอภิปรายถึงการก่อสร้างอาคารที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว โดยพบว่าส่วนใหญ่เป็นอาคารของส่วนราชการ เช่น อาคาร สตง., อาคารศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ, อาคารสำนักงานศาล จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบรายละเอียด เพราะกังวลว่าอาจมีการทุจริตเกิดขึ้น เช่น การเปลี่ยนแบบก่อสร้าง หรือการแก้ไขเหล็กที่ใช้ก่อสร้าง จนทำให้อาคารไม่สามารถรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้
โดยช่วงหนึ่งในการอภิปราย นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา สว. ได้อภิปรายถึงการพังถล่มของอาคาร สตง.แห่งใหม่ โดยตั้งคำถามไปยังรัฐบาลว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้น ตึกอื่นที่ก่อสร้างจำนวนมากไม่ถล่ม ถล่มแต่ที่ สตง.แห่งเดียว ถือว่าน่าอับอายและทำให้ประเทศเสียภาพลักษณ์ บริษัทรับเหมาก่อสร้างซึ่งร่วมทุนกับนอมินีจีน จะมีบทลงโทษบริษัทด้อยคุณภาพ ไร้มาตรฐานการก่อสร้างอย่างไร และทำไมหน่วยงานที่รับผิดชอบและควบคุมการก่อสร้างจึงละเลยไม่ตรวจสอบ ทำให้ถูกมองถึงความไม่โปร่งใส
ขณะที่นางประทุม วงศ์สวัสดิ์ สว. อภิปรายโดยเชื่อว่ามีการคอร์รัปชันในการก่อสร้างตึก สตง.แห่งใหม่ แต่ไม่มีใครกล้าหาญจะพูดเพราะระบบอุปถัมภ์ค้ำคอ ขอเตือนไปยังหน่วยงานราชการว่าไม่ควรเพิกเฉยละเลยสิ่งผิด ทั้งนี้อาคารที่มีปัญหานั้นส่วนใหญ่เป็นตึกของราชการ นอกจากนั้นแล้วในส่วนของอาคารรัฐสภา มีหลายอย่างที่ไม่ชอบมาพากลแต่ก็นิ่งเฉย
“วันนั้นดิฉันอยู่ในเหตุการณ์ที่รัฐสภา ไม่พบเสียงเตือนและต้องหนีลงบันไดหนีไฟ ซึ่งป้ายเตือนภัยสำคัญ ควรมีกล่องไฟแจ้งทางหนีไฟ ดิฉันลงบันไดหนีไฟ เพิ่งทราบจุดของบันไดหนีไฟ และเพิ่งทราบว่าบันไดหนีไฟสร้างด้วยไม้สักอย่างดี ขณะที่เพดานของห้องประชุมเป็นแผ่นไม้ หากเกิดอะไรขึ้นและตกลงมาไม่มีใครทันใส่หมวกนิรภัยแน่นอน” นางประทุมอภิปราย
หลังสมาชิกอภิปรายแสดงความคิดเห็นเสร็จสิ้น ที่ประชุมได้ให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาดำเนินการส่งเรื่องไปยัง ครม.เพื่อรับทราบ และมอบหมายให้คณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดินวุฒิสภาไปศึกษาเพิ่มเติม และเมื่อพิจารณาแล้วเสร็จให้เสนอผลการพิจารณาต่อที่ประชุมวุฒิสภาต่อไป
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมสภาฯ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่เหลือนี้ จะมีการกำชับ สส.ให้เข้าร่วมประชุมอย่างไร เพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหวมาว่า เรื่องแผ่นดินไหวที่หลายคนเห็นเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งรัฐบาลรวมถึงพรรคเพื่อไทยก็เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ ที่มีคนบอกว่าตนจะนำเรื่องแผ่นดินไหวมาพิจารณาหลังเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นั้นไม่เป็นความจริง
นายวิสุทธิ์กล่าวอีกว่า ในวันที่ 2 หรือ 3 เม.ย. ในนามของ สส.ฝั่งรัฐบาล ก็จะเสนอเป็นญัตติด่วนเพื่อให้สภาฯ ได้พิจารณาเรื่องนี้ ว่าผลกระทบของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา มีแรงสั่นสะเทือนมาถึงประเทศไทยนั้นมีผลกระทบอย่างไร และในอนาคตจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไร ซึ่งไม่ต้องรอจนถึงวันที่ 9 เม.ย. ขอยืนยันว่าจะพิจารณากันภายในอาทิตย์นี้ เพราะมีการเตรียมการไว้แล้ว ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลก็มีความคิดเห็นตรงกัน ซึ่งถือว่าเป็นญัตติด่วนที่จะนำมาศึกษาในสภาผู้แทนราษฎร.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท


