"นายกฯ อิ๊งค์" ขอให้ทุกคนเข้มแข็ง ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปด้วยกัน สั่ง 8 กระทรวงเร่งหามาตรการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติทุกมิติ กำชับ "มท." เร่งทำแผนเผชิญเหตุให้เสร็จภายใน 30 วัน ปรับรูปแบบ "ทรท." รายงานสดเหตุสำคัญ งดรายการประจำทันที "คลัง" มอบกรมบัญชีกลางเยียวยาเหตุแผ่นดินไหว "ผู้ว่าฯ กทม." เผยพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่ม 12 ราย ย้ำทีมผู้เชี่ยวชาญระดับโลกระบุยังมีหวังพบผู้รอดชีวิต สรุปเหตุตึก สตง.ถล่มเสียชีวิต 14 คน บาดเจ็บ 9 คน อยู่ระหว่างติดตาม 73 คน "ปชน." ตั้ง 6 ทีมภารกิจย่อยติดตามตรวจสอบเหตุแผ่นดินไหว
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 1 เมษายน 2568 ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำคณะผู้บริหารบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เข้าพบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดนิทรรศการโปรโมตบริการ EMS ส่งด่วนผลไม้ และจัดนิทรรศการ PASS THE HOPE FORWARD ส่งรอยยิ้ม ส่งความสุข มอบความหวัง
โดยนายกฯ ได้เขียนโปสต์การ์ดข้อความว่า “Tough times don’t last Tough people do ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน” ซึ่งข้อความภาษาอังกฤษแปลว่า ช่วงเวลาที่ยากลำบากไม่คงอยู่ตลอดไป แต่คนที่มีความเข้มแข็งจะยั่งยืนตลอดไป
ต่อมา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม ครม.ว่า นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการในที่ประชุม ครม.ถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหว และขอบคุณทุกฝ่ายที่เสียสละจนสถานการณ์คลี่คลาย รวมทั้งเพื่อป้องกันเหตุการณ์ต่างๆ จึงให้มีมาตรการที่ชัดเจนในการรับมืออุบัติภัย ภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ ทุกประเภท ทั้งอุทกภัย สึนามิ ไฟป่า รวมถึงแผ่นดินไหว 8 มาตรการ
โดย 1.ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการจัดทำแผนและมาตรการในการป้องกันภัยพิบัติต่างๆ มีการแบ่งหน้าที่และขั้นตอนต่างๆ อย่างชัดเจนมาเสนอภายในสิ้นเดือนนี้ และให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) หามาตรการประสานงานกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กรมอุตุนิยมวิทยา และ กสทช. ในการส่งข้อความเตือนภัยที่ชัดเจนและรวดเร็วมากขึ้น ให้มีการใช้ระบบ Virtual cell broadcast กับอุปกรณ์โทรศัพท์ทุกรูปแบบ ทั้งนี้ ระหว่างการรอระบบ Cell broadcast ที่จะเสร็จสมบูรณ์ในเดือน ก.ค.นี้ เพื่อให้ระบบสื่อสารเตือนภัยมีประสิทธิภาพสูงสุดในการเตือนภัยแก่สาธารณชนในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งจากภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว น้ำท่วม ดินถล่ม อุบัติเหตุ อุบัติภัยต่างๆ รวมทั้งให้กรมโยธาธิการฯ เร่งออกมาตรการข้อกำหนดในการตรวจสอบอาคารสูงทุกอาคาร เพื่อให้ได้มาตรฐาน
2.ให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศที่มีความพร้อมในระบบเตือนภัย เช่น ญี่ปุ่น ยุโรป นิวซีแลนด์ และอิสราเอล เพื่อเชิญมาประชุมกับผู้ที่เกี่ยวข้องของประเทศไทย เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับประเทศไทยให้เร็วที่สุด 3.ให้กระทรวงสาธารณสุขวางแผนในการเตรียมการรับมือทั้งแพทย์ฉุกเฉิน เตียงสนามให้เพียงพอ รวมถึงจิตแพทย์ที่จะดูแลฟื้นฟูผู้ที่รับผลกระทบ 4.กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ให้เร่งสื่อสารกับนักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติที่มาทำงานในประเทศไทย ให้ได้รับข้อความเตือนภัยและแผนรับมือกับเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน
5.ให้กระทรวงทรัพยากรฯ ระดมนักวิชาการทางด้านธรณีวิทยา เพื่อรวบรวมข้อมูลและจัดทำข้อเสนอแนะในมาตรการรับมือที่ถูกต้อง 6.ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งเพิ่มเติมหลักสูตรและแผนการรับมือภัยธรรมชาติ ในทุกรูปแบบให้กับนักเรียน นักศึกษาทุกระดับ 7.ให้กระทรวงคมนาคมเร่งตรวจสอบเส้นทางคมนาคมทุกมิติให้มีความพร้อมในการให้บริการกับประชาชน รวมถึงตรวจสอบงานก่อสร้างขนาดใหญ่ให้ได้มาตรฐาน สามารถรองรับภัยธรรมชาติต่างๆ ได้ และ 8.ให้สำนักนายกรัฐมนตรีร่วมมือกับ ปภ. เร่งสรุปมาตรการในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวโดยเร็ว ตามที่กฎหมายกำหนด และให้กรมประชาสัมพันธ์เป็นศูนย์กลางในการกระจายข่าวสารที่ถูกต้อง
รบ.ลุยทำแผนรับมือภัยพิบัติ
นายจิรายุกล่าวว่า นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาราชการแทนเลขาธิการ (กสทช.) ยังได้รายงานสรุปผลการประชุมทำความเข้าใจและกำหนดแนวทางการในการปฏิบัติการถ่ายทอดสดกรณีเกิดเหตุภัยพิบัติฉุกเฉิน หรืออื่นๆ ที่สำคัญของชาติ ร่วมกับสถานีโทรทัศน์ทุกสถานี และสถานีโทรทัศน์ช่อง NBT กรมประชาสัมพันธ์ โดยกรณีเกิดเหตุภัยพิบัติรุนแรงฉุกเฉินเร่งด่วน ให้ทุกสถานีโทรทัศน์ต้องเชื่อมโยงสัญญาณถ่ายทอดสดพร้อมกันจากสถานีแม่ข่ายทันที เมื่อมีการขึ้นเพจหน้าจอว่าโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท)
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า จะสั่งการให้ ปภ.ทำแผนบูรณาการ โดยไม่ใช่เฉพาะภัยแผ่นดินไหวอย่างเดียว แต่เป็นภัยทุกประเภท รวมถึงภัยไซเบอร์ด้วย โดย 30 วันคือ ทำแผน ส่วนจะเสร็จก่อน 30 วันหรือไม่ ก็จะดำเนินการเร่งให้เต็มที่ ซึ่งทรัพยากรมีหมดแล้ว เพียงแต่เชื่อมทรัพยากรที่มีอยู่ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร็วที่สุด
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้ให้กรมบัญชีกลางไปดูรายละเอียดในการช่วยเหลือและการเยียวยาประชาชน เนื่องจากเราไม่เคยเจอเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้ จึงยังไม่เคยดำเนินการ ดังนั้นต้องไปดูประวัติการเยียวยาในอดีตทั้งหมดว่ากลไกเยียวยาช่วยเหลือจะเป็นอย่างไร โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ อาคารบ้านพักและชีวิตประชาชน ซึ่งจะต้องดำเนินการให้ ครม.มีมติอนุมัติ ซึ่งหน่วยงานที่เป็นต้นเรื่องจะต้องส่งเรื่องเข้า ครม.
"ต้องไปดูเกณฑ์เก่า เช่น ตอนเกิดเหตุการณ์สึนามิที่ จ.ภูเก็ต หรือตอนเหตุการณ์น้ำท่วมว่ามีการช่วยเหลืออย่างไร และมาดูความเหมาะสม" รมช.การคลังกล่าว
ขณะที่ความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่ม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ Fire & Rescue Thailand เป็นเพจคนอาสา ดับเพลิงกู้ภัย ประเทศไทย ได้โพสต์ภาพและข้อความ โดยระบุว่า เปิดภาพเอกซเรย์จากเครื่องมือค้นหาของทหารสหรัฐอเมริกา 🇺🇸 เจอร่างคนติดในกองซากปูนตึก สตง. แต่ยังไม่สามารถนำออกมาได้ ซึ่งถูกปูนทับเป็นชั้นๆ ลงไป
นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ทีมอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ระบุว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปตรงจุดที่เครื่องสแกนตรวจพบสัญญาณชีพและไม่พบผู้เสียชีวิตที่กระจายอยู่บริเวณรอบข้างแล้ว คาดว่าน่าจะมีผู้ติดค้างรวมกระจุกตัวอยู่บริเวณตรงส่วนกลางของตึก ระหว่างชั้นที่ 17-21 เพราะเป็นพื้นที่ที่มีการทำงานกัน
"จากการสแกนพื้นที่พบว่ามีประมาณ 70 คน จึงมีการวางแผนเตรียมที่จะนำผู้ติดค้างออกจากจุดดังกล่าวให้แล้วเสร็จ ซึ่งสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการทำงานคือ ด้วยสภาพโครงสร้างของตึกที่มีความสูงถึง 30 ชั้น ประกอบกับการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ จึงทำให้ไม่มีแบบแปลนอาคาร อีกทั้งพื้นปูนและผนังของอาคารยังมีความหนากว่า 1 เมตร" นายบิณฑ์กล่าว
เวลา 16.50 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย รศ.ทวิดา,นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ น.ส.ภัทร์กร สินสุข ผอ.เขตจตุจักร แถลงความคืบหน้าปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอาคาร สตง.ถล่มดังกล่าว
พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่ม 12 ราย
นายชัชชาติกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนค้นหาผู้ประสบภัยต่อมีการรื้อถอนสิ่งหักพังขนาดใหญ่ออก โดยเริ่มเมื่อคืนนี้ด้วยทีมกู้ภัยนานาชาติเป็นทีมที่ดีที่สุดในโลก ได้ติดตั้งเครนขนาดใหญ่ 4 ตัว แบ่งเป็นด้านซ้าย ขนาด 600 ตัน 1 ตัว, ตรงกลางขนาด 500 ตัน และอีก 200 ตัน จำนวน 2 ตัว และมีการมาร์กจุดโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยเริ่มยกตั้งแต่เช้ามีชาร์ปขวางอยู่ 4 จุด และกำลังทยอยยกอีก 6-7 ชิ้น จะทำให้เข้าสู่โพรงด้านในได้มากขึ้น ขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณชีพ พบแล้ว 12 ร่างอยู่ด้านใน แต่ยังไม่ได้เอาออกมา
“เรามีความหวังและไปด้วยความหวัง และประสบการณ์ของทีมต่างชาติบอกมีเคสที่รอดได้ ก็จะต้องลุยต่อ จากการสำรวจภายในพบอุณหภูมิไม่สูงมาก และมีโพรงอากาศอยู่ ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่ติดอยู่สามารถรอดชีวิตได้หากไม่ถูกทับถมโดยตรง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่มีการเผยแพร่เกี่ยวกับจำนวนผู้สูญหายที่สแกนพบ 50-60 คนนั้น เป็นเพียงการประมาณการของเครื่องมือ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดและการประเมินสถานการณ์ที่ไม่ถูกต้อง จึงขอความร่วมมือทุกฝ่ายให้ติดตามข้อมูลจากการแถลงข่าวของหน่วยงานหลัก" นายชัชชาติกล่าว
ล่าสุด เวลา 16.20 น. มีผู้ประสบเหตุ 96 คน เสียชีวิต 14 คน เป็นชาย 8 คน หญิง 6 คน ผู้บาดเจ็บ 9 คน อยู่ระหว่างติดตาม 73 คน
ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) เปิดเผยว่า ร่างของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ตึกถล่มถูกส่งมาพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลที่สถาบันนิติเวชวิทยาแล้วจำนวนทั้งหมด 12 ร่าง ซึ่งขณะนี้สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์ตัวบุคคลได้ครบทุกร่างแล้ว แต่ยังมีปัญหาในส่วนของร่างที่เป็นแรงงานชาวต่างชาติจำนวน 1 ร่าง ที่ทางแพทย์นิติเวชพิสูจน์ได้แล้วว่าเป็นบุคคลใด แต่ยังไม่มีบริษัทหรือญาติของผู้เสียชีวิตรายนี้เข้ามายืนยัน
"เรื่องของการตรวจดีเอ็นเอในตอนนี้ มีครอบครัวของผู้สูญหายจำนวนกว่า 40 ครอบครัวเข้ามาติดต่อ และขอเก็บดีเอ็นเอเพื่อเป็นฐานข้อมูลเอาไว้แล้ว แต่ยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้เข้ามาติดต่อ" ผบก.พฐก.ระบุ
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า จากข้อมูลเบื้องต้นผู้เสียชีวิตทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น 8 ราย หรือ 11 ราย ตามข้อมูลที่ตรวจสอบได้นั้น กระทรวงแรงงานมีการดูแลจ่ายชดเชยเยียวยาให้กับญาติผู้เสียชีวิตรายละประมาณ 1,730,000 บาท กรณีบาดเจ็บก็รักษาจนสิ้นสุดการรักษา ส่วนที่ปลอดภัยแล้ว แต่ต้องกลับไปอยู่บ้าน ไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากปิดบริษัทนั้น จะมีการเยียวยาค่าว่างงานให้ในอัตรา 50 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน หรือประมาณ 7,500 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 6 เดือน
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม โดยภายหลังจากที่เปิดให้สมาชิกหารือความเดือดร้อนของประชาชน ก่อนเข้าระเบียบวาระทั่วไป พล.อ.เกรียงไกรได้แจ้งสมาชิกทำการซักซ้อมเสมือนจริงการอพยพกรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหว หลังจากที่ พล.อ.เกรียงไกรประกาศแจ้งสมาชิกจบ หน้าจอโทรทัศน์ได้ขึ้นสัญญาณเป็นจอสีไม่มีสัญญาณ
น.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สว. กล่าวถึงการรับมือแผ่นดินไหวว่า สถานการณ์บานปลายไปมากแล้ว เกี่ยวกับการสื่อสารของรัฐบาลในภาวะวิกฤต เพราะจากเมื่อวันที่ 31 มี.ค. มีข่าวว่าตึกสั่นไหวและมีการคาดการณ์กันไปต่างๆ นานา จนคนพากันออกมานอกอาคารจำนวนมาก เกิดความโกลาหล ผ่านไประยะหนึ่งถึงได้มีประกาศออกมาจากกรมอุตุนิยมวิทยาและกรมทรัพยากรธรณี ว่ามีอาฟเตอร์ช็อกที่ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย
“ท้ายที่สุดปัญหาที่เกิดขึ้น คือคนไม่เชื่อหน่วยงานรัฐซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง แม้ว่าหลังจากนั้นจะมี SMS ว่าปลอดภัยแล้ว แต่หลายคนยังอยู่ในอาการตื่นตระหนก วิตกกังวล ไม่ยอมกลับเข้าอาคาร รวมถึงก่อนหน้านี้ก็มีการแชร์เฟกนิวส์กันเยอะ” น.ส.ภิญญาพัชญ์กล่าว
สว.รายนี้เสนอว่า ระหว่างที่รอระบบ Cell Broadcast ที่จะเสร็จในเดือน ก.ค. อยากให้รัฐบาลตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินไว้รวมข้อมูลเป็นชุดเดียวกันได้หรือไม่ เพื่อประชาชนจะได้เข้าใจข้อมูลที่ถูกต้องตรงกัน นอกจากนี้ ตนเล็งเห็นศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากอยู่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด ดังนั้น หอกระจายข่าวประจำชุมชน เสียงตามสาย ถือว่ามีศักยภาพในการกระจายข่าวที่ถูกต้องจากส่วนกลางต่อ ดังนั้นจะมีการผลักดันในเรื่องนี้ได้หรือไม่ จะถือเป็นการลดภาระและเวลาของส่วนกลาง และขอย้ำว่าแผ่นดินไหวถึงแม้ กทม.จะเสียหายหนักสุด แต่รัฐบาลต้องไม่ลืมต่างจังหวัดด้วย มาตรการเยียวยาจะต้องมีให้พร้อมทุกพื้นที่
ที่อาคารอนาคตใหม่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) พร้อมนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ร่วมกันแถลงข่าวข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในกรณีเหตุแผ่นดินไหว
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า พรรค ปชน.ได้เตรียมคณะทำงานทั้งเรื่องการเยียวยาเฉพาะหน้า เช่น เตรียมข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชน และมาตรการระยะยาวได้เตรียมข้อมูลมาสื่อสารให้เกิดความชัดเจนในเหตุวิกฤตขณะนี้
ส่วนนายวิโรจน์เสริมว่า คณะทำงานภารกิจย่อยทุกชุด แบ่งเป็น 1.ภารกิจตรวจสอบอาคาร 2.ภารกิจช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้เข้าถึงการเยียวยาจากภาครัฐ 3.กรณีพบว่าไซต์ก่อสร้างอาคาร สตง. มีการจ้างงานในรูปแบบเหมาช่วงเป็นจำนวนมาก จำเป็นต้องมีการสำรวจโดยละเอียด 4.ภารกิจการตรวจสอบอาคาร สตง.ถล่ม 5.การตรวจสอบทุนต่างชาติเข้ามากินรวบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างไทย และ 6.กรณี Cell Broadcast พรรคมอบหมายนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ติดตามให้มั่นใจว่าภายในเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีระบบ Cell Broadcast เพื่อแจ้งเตือนสาธารณภัยได้อย่างทันท่วงที แต่ในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามกำหนดการ ต้องติดตามว่ารัฐบาลจะใช้ระบบหรือช่องทางใดในการเตือนภัยพิบัติไปพลางก่อน
"ภารกิจสุดท้ายซึ่งสำคัญที่สุด แผนการรับมือกับภัยพิบัติระยะยาว ซึ่งจำเป็นต้องบูรณาการทั้งระบบราชการและระบบงบประมาณ ให้ประชาชนมั่นใจต่อการรับมือภัยพิบัติ" นายวิโรจน์กล่าว
ถามว่า มีกรอบระยะเวลาในการทำงานหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ตราบใดที่ยังมีความเดือดร้อนอยู่ ผู้ที่ได้รับผลกระทบยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ คณะทำงานชุดนี้ก็จะทำงานต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการตรวจสอบ ส่วนรูปแบบที่จะเสนอไปยังรัฐบาล.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


