103คนใต้ตึกสตง. DSIจ่อฟันนอมินี บ.ไชน่าเรลเวย์ฯ

ผงะ!ตัวเลขโผล่ แรงงานเข้าทำงานในตึก สตง. 103 คน ยังสูญหาย 81 คน ”ดีเอสไอ“ฟันธง“3 ผู้ถือหุ้นชาวไทย” บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ เป็นแค่นอมินี กางกม.เอาผิดกราวรูด   เปิดโปง “ซิน เคอ หยวน” มีพฤติการณ์ออกเอกสารใบกำกับภาษีปลอม มูลค่าความเสียหาย 200 กว่าล้าน “สรรพากร”เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ

เมื่อวันที่ 3 เมษายน  น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงผลการสอบสวนหาสาเหตุ อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แห่งใหม่ถล่ม ภายหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวผ่านไปเกือบ 1 สัปดาห์ นอกจากเรื่องเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน มีรายงานความคืบหน้าอื่นๆเข้ามาหรือไม่ ว่า เตรียมนัดประชุม อาจจะไม่ใช่วันที่ 4 เม.ย.นี้ ก็เป็นวันที่ 7 เม.ย.เนื่องจากจะมีการรายงาน ในเรื่องของรายละเอียดเพิ่มเติม แต่ขอให้ชัวร์กว่านี้ก่อน หากพูดไปก่อน อาจมีผลกระทบ แต่ยืนยันว่ามีการรายงานความคืบหน้ามาเรื่อยๆ ซึ่งเรื่องเหล็กก็เป็นเรื่องหนึ่ง ที่ค่อนข้างชัดเจน

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว. พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย โดยมีนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช. พาณิชย์ พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อตรวจสอบนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อาคาร สตง. ถล่มกรณีมีข้อสงสัยเรื่องนอมินีว่า มีนิติบุคคล 2 รายที่เกี่ยวข้อง คือ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มีชาวจีนถือหุ้นสัดส่วน 49% และมีความเชื่อมโยงกับอีก 13 บริษัท และบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด มีชาวจีนถือหุ้น 80% มีความเชื่อมโยงกับอีก 24 บริษัท รวมทั้งหมดเป็น 37 บริษัท ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้ ได้ส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อดำเนินการต่อแล้ว ที่ประชุมยังมอบให้กรมบัญชีกลาง เข้าตรวจสอบการรับงานของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ ฯและเครือข่าย เบื้องต้น พบว่ามี 26 โครงการ โดยบางส่วนมีการทิ้งงาน และหากพบความผิดปกติจะขึ้นบัญชีดำ บริษัทที่เกี่ยวข้องต่อไป

ทางด้าน นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ตรวจสอบบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด จ.ระยอง ว่า ก่อนที่บริษัทฯ จะถูกสั่งปิดเมื่อเดือนธ.ค. 67 มีการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยเดือนละ 150 ล้านบาท ภายหลังจากการสั่งปิด มีการใช้ไฟฟ้าในเดือนม.ค. 68 ค่าไฟ 1.2 ล้านบาท เดือนก.พ. 68 ค่าไฟ 6.4 แสนบาท โดยเดือนในเดือนมี.ค. 68 ค่าไฟขยับขึ้นมาเป็น 6.4 ล้านบาท ซึ่งต้องตรวจสอบต่อไปว่าบริษัทฯ มีการใช้ไฟฟ้ามากขึ้นด้วยเหตุผลประการใด สำหรับเหล็กของกลางที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดอายัดไว้ยังอยู่ครบถ้วน ไม่มีการเคลื่อนย้าย ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่ายังไม่มีการลักลอบจำหน่ายเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานออกไป และ 3.ได้สั่งการให้บริษัทฯ ทำหนังสือชี้แจงการจำหน่ายเหล็กทั้ง 2 ขนาดที่ไม่ผ่านมาตรฐาน ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ส่งกลับมาภายใน 7 วัน

ขณะที่ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะโฆษกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีดีเอสไอ ได้ลงพื้นที่ไปยังอาคารสำนักงานของ บ.ไชน่า เรลเวย์ฯพร้อมกับเจ้าหน้าที่สรรพากร เน้นตรวจสอบในเรื่องของพยานหลักฐานเอกสาร ทั้งหนังสือสัญญากิจการร่วมค้า และข้อมูลนิติบุคคล และบุคคลที่เกี่ยวข้อง เป็นที่มาของการสอบสวนคดีนอมินี  ส่วน กรณีที่มี 3 คนไทยไปเป็นกรรมการผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บ.ไชน่า เรลเวย์ ฯเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เร่งตรวจสอบข้อมูลของทั้ง3รายแล้ว เพราะพยานหลักฐานที่ปรากฏพบว่าสถานะของทั้งหมดไม่ได้มีความสอดคล้องกับการถือหุ้นในธุรกิจขนาดใหญ่ และไม่ได้มีเพียงที่เดียวแต่ยังมีอีกหลายที่ โดยดีเอสไอจะต้องลงลึกในรายละเอียด ซึ่งถ้าหากมีหลักฐานเพียงพอก็จะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาตามความผิด พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542

"ดีเอสไอ"กางกม.ฟันกราวรูด

 ในมาตรา6 ที่ระบุว่า ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าว หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียว หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัดฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 บาท - 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งอาจมีความผิดตามมาตรา 8 มาตรา 9 ด้วย เพราะก่อสร้างเป็นธุรกิจประเภท3ที่ห้ามต่างชาติประกอบธุรกิจ จากทั้งหมดจะได้เข้าสู่กระบวนการชี้แจงข้อเท็จจริง และพิสูจน์ว่าทั้ง3คนไทยนี้เข้าถือหุ้นแทนใครกันแน่ โดยวันที่4 เม.ย.นี้จะเป็นการประชุมนัดแรกของคณะพนักงานสอบสวน เพื่อเปิดคดี กำหนดประเด็นการสอบสวน มอบหมายหน้าที่ให้ดำเนินการในส่วนต่าง ๆ รวมถึงพิจารณาเรื่องการออกหมายเรียกพยานกลุ่มแรก

ขณะที่ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สรรพากรมาร้องทุกข์กล่าวโทษกับดีเอสไอ โดยเป็นการร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด (Xin Ke Yuan Co., Ltd.) เนื่องด้วยบริษัทฯ มีพฤติการณ์ออกเอกสารใบกำกับภาษีปลอม ตั้งแต่ปี 2558-2560 มูลค่าความเสียหาย 200 กว่าล้านบาท แต่ถ้ารวมค่าเบี้ยปรับต่าง ๆ อาจสูงถึง 1,000 ล้านบาท เมื่อดีเอสไอได้เข้าสู่กระบวนการสอบสวน จะต้องมีการพิจารณาพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด มาสอบปากคำ อย่างไรก็ตาม อาจรวมรายละเอียดทางคดีนี้เข้าไว้ในเลขคดีพิเศษ 32/2568 (คดีนอมินี) ก็ได้ หรืออาจแยกเป็นอีกคดีพิเศษก็ได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของอธิบดีดีเอสไอ และขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานด้วย

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 4 เม.ย. เวลา 09.00 น. คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 หรือคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ จะมีการประชุมครั้งที่ 1 โดยมี ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์  เป็นประธานการประชุม มี พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค เป็นรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน พร้อมกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ รวมทั้งหมด 36 ราย เป็นคณะพนักงานสอบสวน ร่วมประชุมกำหนดแนวทางการสอบสวนต่อไป.

พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น.เปิดเผยว่า ขณะนี้ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานบุคคลและครอบครัวของผู้ประสบภัยไปแล้วเกือบ 50 ปาก และได้ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บพยานหลักฐานในระหว่างที่ชุดค้นหาหยุดพักการปฏิบัติการ นอกจากนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างทำหนังสือไปยังสำนักงานเขตจตุจักร เพื่อขอเอกสารหนังสืออนุญาตก่อสร้างอาคาร และทำหนังสือไปยังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อขออนุญาตสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับหนังสือเริ่มสัญญาการก่อสร้าง พนักงานสอบสวนได้ตั้งประเด็นการสอบสวนเบื้องต้นครอบคลุมถึงการออกแบบโครงสร้าง ผู้รับเหมา ผู้ควบคุมการก่อสร้าง และวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างว่า เป็นไปตามแบบหรือไม่

แรงงานในตึกสตง.103 คน

ที่รัฐสภา นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม.พรรคประชาชน ในฐานะประธาน คณะกรรมการธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) กมธ.ป.ป.ช. มีความเห็นว่ามีความจำเป็นในการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยฝ่ายนิติบัญญัติดำเนินการควบคู่กับฝ่ายบริหารในการตรวจสอบ เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างเที่ยงธรรมโปร่งใส

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เข้าสู่ระเบียบวาระญัตติด่วนด้วยวาจาของนายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้าน เรื่องขอให้สภาฯ พิจารณามาตรการในการจัดการผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวอย่างเป็นระบบ โดยมีญัตติจากสส.พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคกล้าธรรม พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติพัฒนา เสนอเข้าพิจารณาด้วยทั้งหมด 11 ญัตติ เพื่อส่งต่อให้ครม. ดำเนินการต่อไป และตั้งกมธ.วิสามัญขึ้นมาพิจารณา

โดยมีข้อเสนอที่ส่งไปยังรัฐบาลต่อการรับมือภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต คือ การตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบโครงการก่อสร้างของรัฐและกำกับให้เป็นไปตามกฎหมายที่ต้องมีการก่อสร้างตามแบบ มีผู้ควบคุมงาน รวมถึงควบคุมมาตรฐานสินค้าในการก่อสร้าง รัฐบาลควรยกระดับตรวจสอบบริษัทผู้รับจ้าง รับเหมาก่อสร้างและหากพบว่าบริษัทใดไม่ทำตามกติกาให้ขึ้นบัญชีดำ และตัดสิทธิการได้รับงานจากหน่วยงานของรัฐ รวมถึงระบบเตือนภัยที่ดี และแม่นยำในอนาคต

ที่บริเวณกองอำนวยการร่วม สน.บางซื่อ ห้างสรรพสินค้า JJ mall น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่ากทม.พร้อมด้วย น.ส.ภัทร์กร สินสุข ผู้อำนวยการเขตจตุจักร นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ ร่วมแถลงข่าว

โดยน.ส.ทวิดากล่าวว่า มีการเปลี่ยนแปลงยอดผู้ติดค้างภายในอาคารสตง. พบว่ายอดผู้ประสบเหตุ (แรงงาน) เปลี่ยนแปลงเป็น 103 คน ส่วนจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บมีอยู่ 7 คน ที่ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล มีพนักงานในเขตก่อสร้างมารายงานตัว 1 คน ยอดผู้เสียชีวิตยังคงเดิมอยู่ที่ 15 คน ส่วน 12 คน มีรายชื่อเป็นผู้รับบาดเจ็บจากการตรวจสอบแล้วเป็นประชาชนทั่วไป ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าไม่มีประชาชนเสียชีวิต ซึ่งหากบวกลบแล้วขณะนี้ยังมีผู้สูญหาย 81 คน ไม่นับรวมยอดผู้ได้รับบาดเจ็บ 12 คน ที่เป็นประชาชนทั่วไป