
กลิ่นทะแม่ง! แพทยสภาออกประกาศเลื่อนคดีชั้น 14 อ้าง รพ.ราชทัณฑ์-รพ.ตำรวจเพิ่งส่งเอกสารใหม่มาจำนวนมากต้องใช้เวลา “หมออมร” ชี้เป็นเวชระเบียนเลยต้องใช้เวลา บอกจะทำเร็วแต่ไม่ตีเส้นเมื่อไหร่ “หมอวรงค์-สมชาย” ยังหวังเป็นที่พึ่งสุดท้าย แต่เริ่มข้องใจเพราะเกินกำหนดส่งเอกสารนานแล้ว
เมื่อวันศุกร์ที่ 4 เมษายน 2568 ได้มีการเผยแพร่ประกาศของคณะกรรมการบริหารแพทยสภา เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ว่า ตามที่แพทยสภาได้รับเรื่องร้องเรียนให้มีการตรวจสอบจริยธรรมทางวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ที่ให้การดูแลรักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาสอบสวน และมีข่าวแพร่ไปว่าจะมีการพิจารณาตัดสินผลการตรวจสอบในวันที่ 10 เมษายน 2568 นั้น เนื่องจากในขณะนี้ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะถึงวันที่ 10 เม.ย. ทางคณะอนุกรรมการสอบสวนของแพทยสภาได้รายงานต่อคณะกรรมการบริหารแพทยสภาว่า ได้รับเอกสารข้อมูลเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2 หน่วยงาน ดังนี้ 1.เอกสารจากโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งส่งเอกสารมาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 และแพทยสภาได้รับเอกสารดังกล่าวในวันที่ 31 มีนาคม 2568 และ 2.เอกสารจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งส่งเอกสารมาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 และแพทยสภาได้รับเอกสารดังกล่าวในวันที่ 1 เมษายน 2568 เอกสารจากทั้ง 2 หน่วยงานมีจำนวนมาก ทำให้กระบวนการพิจารณาจากข้อมูลเพิ่มเติมดังกล่าวต้องใช้เวลามากขึ้น จึงไม่สามารถสรุปผลการตัดสินได้ทันวันที่ 10 เมษายน 2568
ดังนั้น ในการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ในวันที่ 10 เมษายน 2568 จึงยังไม่มีการบรรจุเรื่องการพิจารณาของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ จึงประกาศให้ทราบทั่วกัน
ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี ประธานอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ แพทยสภา กรณีการรับตัวนายทักษิณพักรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ กล่าวว่า เอกสารที่เข้ามาใหม่ก็เป็นเวชระเบียนที่เพิ่งส่งเข้ามาเพิ่มเติม ทำให้เราต้องมาดูเพิ่มเติม ซึ่งเดิมเอกสารที่เราได้มาก่อนหน้านี้ก็เพียงพอ แต่ที่เขาส่งมาเพิ่มอาจจะช่วยยืนยันอะไรบางอย่าง ก็ต้องมาดูตามนั้น ต้องไปอ่านดูก่อน ต้องใช้เวลาหน่อย
เมื่อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่านี่เป็นกระบวนการยื้ออะไรหรือไม่ ศ.นพ.อมรกล่าวว่า มันก็แล้วแต่คนจะคิด แต่มันก็ต้องทำ และเราพยายามทำเร็วที่สุด ทุกอย่างก็ต้องรอดูก่อน ไม่อยากให้ล่าช้าอยู่แล้ว
แหล่งข่าวจากอดีตแพทยสภากล่าวว่า เชื่อว่าคณะกรรมการแพทยสภาชุดปัจจุบันจะทำหน้าที่พิจารณาจริยธรรมของสมาชิกแพทย์อย่างเที่ยงธรรม และยังคงทำหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพของประชาชน โดยการควบคุมและกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพเวชกรรมให้เป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อให้ประชาชนได้รับการรักษาพยาบาลที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ เพราะการที่จะบงการหรือสั่งการให้มติแพทยสภาออกมาตามที่ผู้มีอำนาจรัฐในขณะนี้ต้องการนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีกรรมการไม่น้อยกว่าสองในสามให้ความเห็นชอบ
“แพทยสภาจะเป็นที่ได้รับการยอมรับจากสมาชิกแพทย์ และสังคมไทย ตลอดจนประชาคมโลก อยู่ที่เรื่องนี้ เพราะทั่วโลกเฝ้ามองและติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะระบบกระบวนการยุติธรรมไทย องค์กรอิสระ ขาดความน่าเชื่อถือไปแล้ว จนมีนักลงทุนจากต่างประเทศล้วนถอยหนีไปลงทุนในประเทศอื่นๆ”
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการเลื่อนพิจารณาว่า ไม่รู้ ไม่ทราบจริงๆ เพราะไม่ได้เป็นแพทยสภา
เมื่อถามย้ำว่า ไม่ได้เป็นคำสั่งจากใครลงมาใช่หรือไม่ที่เลื่อนประชุม นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ทราบจริงๆ
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ทำไมแพทยสภาเลื่อนแถลงผลสอบ” ระบุว่า ปกติแล้วอาจารย์แพทย์เป็นบุคคลที่สังคมเคารพนับถือ โดยได้อ่านบทสัมภาษณ์ของอาจารย์ ในฐานะอนุกรรมการสอบจริยธรรมแพทย์ที่รักษานายทักษิณ อาจารย์พูดเองว่าการสอบสวนเสร็จแล้วเหลือขั้นตอนสรุปทำรายงานและตรวจร่างรายงาน แต่กระบวนการสอบสวนการเก็บข้อมูลถือว่าเสร็จครบหมดแล้ว 99.99% สังคมก็เฝ้ารอการแถลงของแพทยสภาต่อเรื่องดังกล่าวในวันที่ 10 เม.ย.นี้ เพียงแต่ว่า ด้วยความห่วงใย ในฐานะเป็นผู้ร่วมวิชาชีพแพทย์ ได้เคยโพสต์เฟซบุ๊กให้แพทยสภาตระหนักชี้แจงสังคมให้เคลียร์ในหลายประเด็น โดยประเด็นสำคัญคือ ไม่ใช่เรื่องแพทย์ที่รักษานายทักษิณรักษาถูกต้องหรือไม่ แต่แพทย์ที่รักษานายทักษิณ ใช้วิชาชีพเพื่อช่วยเหลือไม่ให้นายทักษิณต้องกลับไปที่เรือนจำ และยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต้องเคลียร์ กลายเป็นว่า วันนี้กลับมีเอกสารแถลงของแพทยสภาว่า มีเอกสารเพิ่มเติมของแพทย์ รพ.ราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ และยกเลิกการแถลงผลในวันที่ 10 เม.ย.นี้ เลยยิ่งสับสนไปกับใหญ่
“ในฐานะวิชาชีพฯ แพทย์ต้องเรียกร้องอนุกรรมการสอบทุกท่าน ให้คิดถึงวิชาชีพแพทย์ ทำอะไรให้ตรงไปตรงมา เพราะทุกอย่างสังคมตามทันหมด ผมยังเชื่อมั่นอนุกรรมการสอบ หวังว่าถ้ามีอะไรต้องพัง ให้พังเฉพาะคนที่คิดคด คนที่หวังผลประโยชน์ และพวกที่ใช้อภิสิทธิ์ แต่องค์กรแพทยสภา ต้องเป็นที่เชื่อถือของประชาชน”
นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊กเช่นกันว่า มีกลิ่นตุตุที่แพทย์สภา หรือคิดมากไปเอง เพราะเห็นข่าวการเลื่อนลงมติแพทยสภาออกไปแบบน่าฉงน เพราะปกติจะมีการกำหนดวันสุดท้ายของการส่งหลักฐานและเอกสารต่างๆ นี่เป็นการส่งหลังวันหมดเขตการส่งหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้น หรือมีเทคนิคการส่งเอกสารดึงเกม รวมถึงข่าวคาวที่อาจทำให้วงการแพทย์ที่ได้รับความเชื่อถือที่สุด อาจถูกด้อยค่าความน่าเชื่อถือศรัทธาเหมือนหลายวงการที่ล่มสลายลงเพราะระบอบอุปถัมภ์คนคนเดียว
“ผมยังเชื่อมั่นและศรัทธาในแพทยสภา แต่ข่าวกรองที่ได้รับมาไม่ค่อยดีนัก อาจทำให้ศรัทธาต่อแพทยสภาต้องล้มครืนพังพาบแบบเดียวกับตึก สตง.ก็เป็นไปได้ หวังลึกๆ แค่เพียงว่ากรรมการแพทยสภาทั้งหลาย จักได้น้อมนำแนวพระราชดำริของล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 มาไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจตลอดไป”
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์เฟซบุ๊กว่า เลื่อน เพราะเพิ่งได้เอกสารจาก รพ.ตำรวจมาใหม่ เมื่อ 1 เม.ย.ทั้งๆ ที่กำหนดเดดไลน์ส่งเอกสารตั้งแต่ 15 ม.ค.2568 พ้นเส้นตาย ก็พิจารณาเท่าที่ส่งหลักฐาน หากเลื่อนเพราะมีเอกสารมาใหม่ คงเข้าเหลี่ยมคนบางคน กำลังจะตัดสินก็ส่งเอกสารใหม่ร้อยปีก็ไม่จบ นี่ระดับแพทยสภาหรือเล่นขายของกัน.