ผ่าน 1 สัปดาห์เหตุตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว "ผู้ว่าฯ กทม." เผยลุยใช้เครื่องมือหนักเปิดทางเพิ่ม ขอโทษยังเจาะไปไม่ถึงผู้ที่คาดว่าติดอยู่ไม่ได้ คาดย้ายซากตึกกว่า 4 หมื่นตันใช้เวลา 30-60 วัน ยอดผู้ประสบภัยล่าสุดเสียชีวิต 15 ราย รอดชีวิต 9 ราย สูญหายอยู่ 79 ราย "กทม." ระบุ 2 หลักเกณฑ์รับเงินเยียวยา "ทวี" ประชุมคดีพิเศษนัดแรก พบ "บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ" รับงานรัฐ 29 โครงการ มูลค่ากว่า 2.2 หมื่นล้าน ผงะ! 3 คนไทยเงินเดือนหมื่นกว่าบาทถือหุ้นใหญ่บริษัทรับเหมา เชื่อเป็นนอมินีช่วยอำพรางชัด แย้มสัปดาห์หน้าเรียกพยานกลุ่มแรกสอบ เดือด! "สถานทูตจีน" โต้เสียงวิจารณ์ "บ.ไชน่าฯ" ต้นเหตุตึกถล่ม ยันพร้อมให้ตรวจสอบ ขอแค่อย่าบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสี
ความคืบหน้าการค้นหาผู้ประสบภัยเหตุตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินถล่ม ซึ่งเป็นวันที่ 7 หลังเกิดเหตุตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา
ตลอดทั้งวันที่ 4 เม.ย. เจ้าหน้าที่ยังคงเข้าค้นหา พร้อมทั้งยกแผ่นปูนที่ถล่มลงมาเพื่อเปิดช่องทางค้นหาผู้รอดชีวิต โดยเวลา 09.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวการดำเนินงานว่า วันนี้จะนำเครื่องมือหนักเข้าไปมากขึ้น ควบคู่การมอนิเตอร์สัญญาณชีพ หากพบสัญญาณชีพ ทีมกู้ชีพจะเข้าไป ซึ่งจะทำให้เปิดพื้นที่ได้มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาทุกจุดที่เราสามารถเข้าได้ ทุกโพรง ทุกซอก เราเข้าไปสำรวจหมดแล้ว แต่ไม่สามารถหาผู้รอดชีวิตในโพรงในซอกเหล่านี้ได้ ดังนั้นวิธีเดียวคือใช้เครื่องมือหนักเปิดให้มากขึ้น พอมีจังหวะก็เข้าอีกครั้งหนึ่ง คงเป็นกระบวนการนี้
“ซากทั้งหมดจากการประมาณการมีประมาณ 15,000 ลบ.ม. คิดเป็นประมาณ 4 หมื่นกว่าตัน ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าจะรื้อย้ายโดยใช้เวลาประมาณ 30-60 วัน ถ้าเป็นตึกธรรมดาคงไม่ได้รื้อย้ายนานขนาดนี้ แต่เนื่องจากเราต้องดูเรื่อง Rescue ด้วย ต้องมีคนคอยดูว่ามีคนรอด หรือเจอร่างผู้เสียชีวิต ก็ต้องใช้เวลา ทุกอย่างเข้าระบบและดำเนินการ" นายชัชชาติกล่าว
นอกจากนี้ นายชัชชาติกล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนตามมาตรฐาน ต้องขอโทษที่ไปไม่ถึงผู้ที่เราคาดว่าติดอยู่ แต่เมื่อวานนี้สัญญาณชีพก็ค่อยๆ หายไป มาถึงช่วงเย็นๆ ก็ไม่ได้ยินเสียงแล้ว
ทั้งนี้ สรุปยอดเหตุตึก สตง.ถล่ม ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตแล้ว 15 ราย แบ่งเป็นชาย 8 หญิง 7 ราย รอดชีวิต 9 ราย ยังสูญหายอยู่ 79 ราย
นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติว่า มี 2 หลักเกณฑ์ 1.ภัยพิบัติ (แผ่นดินไหว) ทำให้บ้านเรือนที่พักอาศัยประจำได้รับความเสียหาย 2.ต้องเป็นบ้านพักที่อยู่อาศัยประจำและต้องมีหนังสือรับรองผู้ประสบภัยที่ทางสำนักงานเขตออกให้เป็นหลักฐาน
กทม.-ธนารักษ์พร้อมเยียวยา
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. ช่วยเหลือ ประกอบด้วย 1.ค่าวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหลังละไม่เกิน 49,500 บาท 2.ค่าที่พักอาศัยชั่วคราวหรือค่าเช่าบ้าน เฉพาะอาคารที่ กทม.ประกาศระงับการใช้เดือนละ 3,000 บาท ไม่เกิน 2 เดือน เป็นเงินไม่เกิน 6,000 บาท 3.ค่าจัดงานศพผู้เสียชีวิตรายละ 29,700 บาท และกรณีผู้ประสบภัยเสียชีวิตเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือผู้หารายได้หลักของครอบครัว ได้เพิ่มครอบครัวละไม่เกิน 29,700 บาท 4.ค่าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเบื้องต้น 14,000 บาท กรณีบาดเจ็บถึงขั้นพิการเบื้องต้น 13,300 บาท 5.เงินปลอบขวัญรายละ 2,300 บาท และ 6.เงินทุนประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครอบครัวละไม่เกิน 11,400 บาท
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมธนารักษ์ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ 18 จังหวัด พื้นที่ของกรมธนารักษ์ ยกเว้นค่าเช่าที่ดิน อาคาร สูงสุด 1 ปี ยื่นคำร้องตั้งแต่ 1 เม.ย. ถึง 30 เม.ย.68 นี้
ขณะที่ เวลา 11.20 น. เจ้าหน้าที่พิสูจน์กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ บก.น.2 พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง เข้าไปยังพื้นที่จุดเกิดเหตุตึก สตง.ถล่ม เก็บพยานหลักฐานทั้งเหล็กเส้นและปูน นำไปเป็นวัตถุพยานในการตรวจสอบหาสาเหตุถล่ม โดยจะมีการระบุบตำแหน่งเพื่อให้ทีมรื้อถอนนำวัตถุพยานจากจุดนั้นๆ ส่งมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่
ศูนย์รับแจ้งเพื่อตรวจสอบความเสียหายของอาคารที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว (ศรต.ยผ.) กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย สรุปการตรวจสอบอาคารตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค.-3 เม.ย. ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด รวมทั้งสิ้นจำนวน 5,555 อาคาร สามารถใช้งานได้ปกติ สีเขียว จำนวน 5,203 อาคาร มีความเสียหายปานกลาง สามารถใช้งานได้, สีเหลือง จำนวน 304 อาคาร โครงสร้างมีความเสียหายอย่างหนัก โดยได้สั่งให้ระงับการใช้งานอาคาร, สีแดง จำนวน 48 อาคาร
เวลา 18.50 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย แถลงภายหลังการประชุมร่วมกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอาคาร สตง.แห่งใหม่ ตอนหนึ่งระบุว่า ด้วยสภาพหน้างานทำให้ 7 วันที่ผ่านมา การจะหาสาเหตุที่สรุปได้เลยว่าทำไมตึกนี้ถล่มยังไม่สามารถสรุปได้ เพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย
"สารตั้งต้นนำไปสู่การตรวจสอบในเชิงลึก ต่อไปในทางวิศวกรรมก็ไปดูที่เรื่องแบบ ซึ่งต้องใช้เวลา แล้วต้องไปทำโมเดลขึ้นมา ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อความมั่นใจ"
ถามถึงกรอบระยะเวลาในการตรวจสอบเชิงวิชาการ เชิงวิศวกรรมในเรื่องของการหาสาเหตุ นายอนุทินกล่าวว่า เราต้องหาโดยละเอียด ซึ่งปกติคอลิฟต์จะอยู่ตรงกลาง แต่ตึกนี้ถูกออกแบบคอลิฟต์ไปอยู่ข้างหลัง ก็ส่งผลให้เกิดการบิดได้ การใส่พวก Safety Factor ต่างๆ เราต้องไปตรวจสอบว่าเขาใส่เพียงพอหรือเปล่า
"ก่อนจะกล่าวหาใคร ก็ต้องไปคำนวณแต่ละชั้นๆ ว่าออกแบบและใส่ Safety Factor ถูกต้องหรือไม่ แรงต่อต้าน แรงบิด แรงต่อต้านแรงเฉือน และแรงต่อต้านแรงทุกอย่างที่มี ได้ทำถูกต้องหรือเปล่า ซึ่งต้องใช้เวลานานเป็นเดือน" นายอนุทินระบุ
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการตรวจสอบเอาผิดบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างตึก สตง. ยืนยันว่าเมื่อรับเรื่องเป็นคดีพิเศษแล้วก็จะดำเนินคดีอย่างเต็มที่ ไม่หวั่นเกรงผู้มีอิทธิพลใดๆ เกี่ยวข้อง รวมทั้งประสานตำรวจ ตม. ป้องกันใหม่ได้ใครที่เกี่ยวข้องหลบหนี
ถามว่า กรณีของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ หรือนอมินีรับโครงการอื่นของรัฐ จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบและพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า มีหน่วยงานที่เราคงต้องเอาข้อมูลไปให้ เช่นในเบื้องต้นที่ตรวจจากสรรพากร พบว่าเขาไปทำกิจกรรมร่วมค้า 29 โครงการมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท แต่เราจะโฟกัสไปในเคสของเราก่อน ส่วนกรณีอื่นต้องส่งไปให้ภาครัฐได้ดู เพราะเวลาเราทำคดีต้องทำเป็นคดีไป
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ทวีเป็นประธานการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ คดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ก่อสร้างที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (อาคาร สตง.) แห่งใหม่ ความสูง 30 ชั้นถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว จำนวน 36 ราย ครั้งที่ 1 เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการสอบสวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ตรวจสอบ 3 กรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทยในบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ได้แก่ นายโสภณ มีชัย ถือหุ้น 40.7997%, นายประจวบ ศิริเขต ถือหุ้น 10.2% และ นายมานัส ศรีอนันท์ ถือหุ้น 0.0003% ปรากฏว่าได้มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอลงพื้นที่ติดตามตัวกรรมการคนไทยบางรายไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียบร้อยแล้ว เพื่อเตรียมเรียกสอบสวนปากคำตามขั้นตอน
ผงะไชน่าฯ รับงานรัฐ 29 โครงการ
ต่อมา พ.ต.อ.ทวี พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ, ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และ น.ส.กนกไรวินท์ บุรินทร์นันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบบัญชี ร่วมกันแถลงผลการประชุมคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ
พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ได้ให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบการจดทะเบียนกิจการร่วมค้า เพราะบริษัทต่างชาติไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว ต้องมีคนไทยร่วมถือหุ้นร้อยละ 51 และคนต่างด้าวร้อยละ 49 พบมี 11 บริษัทที่เป็นคนไทย ได้งานมาทั้งหมด 29 โครงการได้อย่างไร จึงจำเป็นต้องเข้าไปตรวจสอบ เพราะอาจจะมีโครงการจำนวนมากกว่านี้ สำหรับผู้ที่ประกอบธุรกิจประเภทนี้อาจต้องการผลประโยชน์ ควรดูว่าจะเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงินหรือไม่ แต่ถ้าพบความผิดการทุจริตในเนื้องาน จะส่งต่อ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ
พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวว่า จากรายงานการตรวจสอบเบื้องต้นไปยังบ้านพักของนายประจวบ (สงวนนามสกุล) ที่ อ.โพนทราย จ.ร้อยเอ็ด แต่ไม่พบตัว พบเพียงภรรยา ซึ่งได้ให้ข้อมูลว่านายประจวบมีรายได้น้อยมาก ทำงานรับจ้างเกี่ยวกับการก่อสร้าง ได้เงินเดือนประมาณหมื่นกว่าบาทเท่านั้น เราดูแนวโน้มเบื้องต้นมันไม่สอดคล้องกับการที่เขาไปถือหุ้นในนิติบุคคลหลายๆ แห่ง นี่จึงเป็นสิ่งบ่งชี้ที่น่าเชื่อได้ว่าเป็นการถือหุ้นอำพราง หรือนอมินี นอกจากนี้ ในกรณีกรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทยอีก 2 รายที่เหลือ คือนายโสภณและนายมานัส เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัวเช่นเดียวกัน
พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวว่า คณะพนักงานสอบสวนยังได้มีการจัดทำโครงสร้างรายชื่อกิจการร่วมค้าที่ บ.ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้มีการไปเข้าร่วมกับนิติบุคคลหลายแห่ง แต่ในช่วงแรกเราจะโฟกัสไปที่กิจการร่วมค้าที่ไปร่วมกับ บ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ชนะในการแข่งขันราคาในกรณีการก่อสร้างตึก สตง. ส่วนนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน
"ส่วนสัญญาที่บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เข้าร่วมค้าและได้รับงานจากภาครัฐตั้งแต่ปี 2562-2567 จำนวน 29 สัญญา คณะพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบเช่นเดียวกัน เพราะตอนนี้เรายังโฟกัสที่คดีนอมินีเป็นหลักก่อน นอกจากนี้ หากย้อนไปดูในส่วนของ 11 รายชื่อกิจการร่วมค้าของ บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ จะพบว่าหลายที่ก็ยังไม่ได้เกิดเหตุใดๆ ยังปกติอยู่ ดังนั้นเราจึงไปดูในส่วนของกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี เป็นหลักก่อน" พ.ต.ต.ยุทธนากล่าว
นอกจากนี้ กรณีบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด (Xin Ke Yuan Co., Ltd.) นั้น ดีเอสไอจะตรวจสอบถึงประเด็นที่เขาเป็นผู้จำหน่ายเหล็กให้กับบริษัทที่เกิดเหตุ เนื่องจากทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้ไปตรวจสอบแล้วพบว่ามีสินค้าบางรายการที่ไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.)
อธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า ปัจจุบันทราบว่าที่ทำการของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ มีการใช้ที่อยู่เดียวกันในหลากหลายที่ อย่างสถานที่อาคารภายในซอยพุทธบูชา 44 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบว่านอกจากบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ จะใช้สถานที่นี้เป็นสำนักงานแล้ว ก็ยังมีอีก 4-5 นิติบุคคลที่มาใช้เป็นสำนักงานด้วยเช่นกัน สิ่งนี้เป็นข้อพิรุธที่ดีเอสไอได้รวบรวมไว้ในสำนวนการสอบสวน
“ภายในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะสามารถออกหมายเรียกพยานกลุ่มแรกมาสอบสวนปากคำได้ แต่ขอเวลาให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ตรวจสอบสักระยะ” อธิบดีดีเอสไอกล่าว
ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวว่า พฤติการณ์การเป็นนอมินีแล้วผันตัวไปเป็นกิจการร่วมค้า เป็นการแสดงเอกสารอันเป็นเท็จเพื่อจะเข้าประมูลงานของภาครัฐหรือไม่ เพราะจากการตรวจสอบ พบว่าบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ สามารถประมูลงานของภาครัฐได้ 29 โครงการ ปัจจุบันเป็นเงินรวม 22,000 ล้านบาทในโครงการตามสัญญา ซึ่งถ้าเราสามารถพิสูจน์ได้ทั้งหมดนั้น มันจะทำให้เห็นความชัดเจน เนื่องจากเขาได้มีการแสดงเอกสารว่าเป็นคนไทย และเป็นคนไทยที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านการประมูลงาน แต่ได้มาร่วมค้ากับคนไทยที่มีประสบการณ์ทางด้านการประมูลงานมาก่อน โดยที่ต้องไปตรวจสอบว่าคนไทยเหล่านี้รู้เห็นเป็นใจหรือไม่ รวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเราจะตรวจสอบว่าสามารถดำเนินการได้จริงหรือไม่ เอกสารกิจการร่วมค้าที่มาจากต่างประเทศจริงหรือไม่
"พงส.คดีพิเศษจะพยายามค้นหาความจริงทั้งหมด เพราะท้ายสุดแล้วโครงการทั้ง 29 โครงการนี้ล้วนได้ก่อสร้าง เพราะโครงการสุดท้ายโครงการที่ 29 พบว่าเป็นโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา วงเงิน 9,348 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คณะพนักงานสอบสวนขอเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดไม่เกิน 2 เดือน เนื่องด้วยรายละเอียดค่อนข้างมีจำนวนเยอะ" ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าว
เดือด! สถานทูตโต้อย่าใส่ร้ายจีน
วันเดียวกัน นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง กล่าวถึงกรณีที่กรมสรรพากรแจ้งเอาผิดบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ออกเอกสารใบกำกับภาษีปลอม ตั้งแต่ปี 2558-2560 มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาทว่า อยากให้รอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการหาข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนเสียก่อน เพราะต้องยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่อนไหว และเกิดมานานแล้ว ดังนั้นในส่วนนี้ที่ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน จึงขออนุญาตยังไม่พูดในรายละเอียดดีกว่า
เพจ Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความอ้างโฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยตอบคำถามสื่อมวลชน กรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยต่อบริษัทจีนในประเทศไทยจากเหตุอาคารถล่ม ซึ่งบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) มีส่วนร่วมในการก่อสร้าง
รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุของการถล่มดังกล่าว ในการนี้ กลุ่มกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี นัมเบอร์เทน (ไทย) ซึ่งบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) มีส่วนร่วม ได้ออกแถลงการณ์ต่อสาธารณชนโดยยืนยันว่า การจัดซื้อวัสดุและการก่อสร้างอาคารดังกล่าวได้ดำเนินการตามข้อกำหนดในสัญญาโครงการ (ToR) กฎหมายที่เกี่ยวข้อง มาตรฐานทางวิศวกรรม และหลักปฏิบัติทางวิศวกรรมที่ดีอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของโครงการ ขณะนี้ กลุ่มกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี นัมเบอร์เทน (ไทย) กำลังให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับรัฐบาลไทยในการสอบสวน และเชื่อว่าผลการสอบสวนจะให้ข้อสรุปที่เป็นวิทยาศาสตร์และยุติธรรม
"ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทจีนจำนวนมากได้ตอบรับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของไทย และเข้ามาลงทุนและดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งได้นำมาซึ่งโอกาสการจ้างงานหลายแสนตำแหน่ง ฝึกอบรมบุคลากรด้านเทคโนโลยีขั้นสูงเป็นจำนวนมาก และมีส่วนสนับสนุนอย่างสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมและสร้างรายได้ภาษีกับประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทจีนเหล่านี้ยังมีส่วนร่วมในความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแข็งขัน ทั้งในด้านการช่วยเหลือและบรรเทาภัยพิบัติและดำเนินกิจกรรมด้านสาธารณประโยชน์ทางสังคม ฝ่ายจีนสนับสนุนให้มีการตรวจสอบและดำเนินคดีกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของบางบริษัทตามกฎหมาย แต่ก็คัดค้านการใส่ร้ายป้ายสีและบิดเบือนข้อเท็จจริงกับบริษัทจีน" สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท

