บทสรุปบิมสเทค รับรอง6เอกสาร เมินจุ้นเมียนมา

เริ่มแล้วประชุม 7 ชาติ BIMSTEC ผู้นำทุกประเทศหารือแบบตัวต่อตัวในรอบ 7 ปี คุยเรื่องแผ่นดินไหว แต่ไม่คุยเรื่องสหรัฐโขกภาษีเพิ่ม "แพทองธาร" ฟุ้งวิสัยทัศน์กรุงเทพฯ  2030 พาชาติสมาชิกสู่อนาคตที่มีความเจริญรุ่งเรือง ศูนย์จัดการภัยพิบัติ BIMSTEC ครั้งแรก พร้อมหนุนกระชับความร่วมมือเศรษฐกิจ ขณะที่เมียนมาเดินหน้าแก้ปัญหาทุกมิติร่วมกันกับไทย ทั้งอาชญากรรมข้ามชาติ คอลเซ็นเตอร์ และการป้องกันวาตภัย

วันที่ 4 เมษายน 2568 ที่โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมผู้นำ 7 ชาติ ความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอล BIMSTEC ครั้งที่ 6 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการประชุมระหว่างประเทศครั้งแรกแบบตัวต่อตัวในรอบ 7 ปี

การประชุมครั้งนี้มีผู้นำทั้ง 7 รวมทั้งไทยเข้าร่วมประชุม ได้แก่ ศาสตราจารย์มูฮัมหมัด ยูนุส ประธานคณะที่ปรึกษารัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ, นายดาโช เชริง โตบเกย์ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน, นายนเรนทร โมที นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐอินเดีย, พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา, นายเค พี ศรรมะ โอลี นายกรัฐมนตรีแห่งเนปาล, ดร.หริณี อมรสุริยะ นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย

ก่อนการประชุม นายกรัฐมนตรีได้พบหารือทวิภาคีกับ พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย โดยได้กล่าวแสดงความซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานสิ่งของแก่ประชาชนเมียนมา ซึ่งได้จัดส่งถึงเมียนมาแล้วเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา

ในการประชุม น.ส.แพทองธารกล่าวถ้อยแถลงเปิดการประชุม โดยแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบถึงประเทศไทยด้วย พร้อมขอให้ผู้เข้าร่วมประชุมยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้

 นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทั้งนี้ BIMSTEC เป็นกลุ่มประเทศที่มีประชากรรวมกันกว่า 1,800 ล้านคน หรือคิดเป็น 22% เกือบ 1 ใน 4 ของประชากรโลก และมี GDP รวมกันประมาณ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ความร่วมมือนี้ถือเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาค ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนในอนาคต

 น.ส.แพทองธารกล่าวเสนอในที่ประชุมว่า "วิสัยทัศน์กรุงเทพฯ 2030" ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือที่จะนำประเทศสมาชิก BIMSTEC ไปสู่อนาคตที่มีความเจริญรุ่งเรือง ยืดหยุ่นและเปิดกว้าง วิสัยทัศน์นี้ถูกออกแบบเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง ส่งเสริมความเชื่อมโยง และการเสริมสร้างศักยภาพในการรับมือกับปัญหาระดับโลก

 นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นอกจากนี้เหตุการณ์แผ่นดินไหวสะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเสริมสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อจัดการภัยพิบัติในกลุ่ม BIMSTEC ซึ่งไทยสนับสนุนข้อเสนอของอินเดียในการจัดตั้ง “ศูนย์จัดการภัยพิบัติ BIMSTEC” เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการตอบสนองต่อภัยธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการพัฒนาระบบเตือนภัย

ต่อมา น.ส.แพทองธารแถลงข่าวภายหลังการประชุมว่า ผู้นำรัฐสมาชิก BIMSTEC รับรองเอกสารผลลัพธ์สำคัญ 6 ฉบับ ได้แก่ ฉบับแรก วิสัยทัศน์กรุงเทพฯ 2030 ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญของการประชุมสุดยอดครั้งนี้ และถือเป็นวิสัยทัศน์ฉบับแรกของพวกเราที่กำหนดยุทธศาสตร์เพื่อสร้าง "บิมสเทคที่มั่งคั่ง ยั่งยืน ฟื้นคืน และเปิดกว้าง" (PRO BIMSTEC) ภายในปี ค.ศ.2030 โดยให้ความสำคัญกับการบูรณาการทางเศรษฐกิจ การเชื่อมโยง และความมั่นคงของมนุษย์

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ฉบับที่ 2 ปฏิญญาการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 ซึ่งเป็นการยืนยันถึงเจตนารมณ์ของพวกเราในการส่งเสริมบิมสเทคและผลักดันวิสัยทัศน์กรุงเทพฯ 2030 ฉบับที่ 3 กฎระเบียบสำหรับกลไกการดำเนินงานของบิมสเทค ฉบับที่ 4 รายงานของคณะผู้ทรงคุณวุฒิว่าด้วยทิศทางของ BIMSTEC ในอนาคต ซึ่งนำเสนอข้อเสนอแนะสำคัญที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์กรุงเทพฯ 2030 ฉบับที่ 5 เราได้เป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเล และฉบับที่ 6 ที่ประชุมได้รับรองแถลงการณ์ร่วมของผู้นำบิมสเทคว่าด้วยผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาและไทย

ด้าน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า ครั้งนี้ไม่ได้มีการหารือถึงสถานการณ์การเมืองภายในของเมียนมา มีเพียงการพูดคุยถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น การที่ไทยในฐานะประธานการประชุมบิมสเทคครั้งนี้ได้เชิญผู้นำเมียนมาเข้าร่วมประชุมด้วย เป็นไปตามกฎบัตรของ BIMSTEC ที่ต้องเชิญผู้นำทุกประเทศมาร่วมประชุม รวมถึงเป็นการสร้างความมั่นใจว่าข้อตกลงทุกอย่างจะได้รับการรับรองจากทุกประเทศสมาชิก

เมื่อถามถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาประกาศมาตรการขึ้นภาษีนำเข้า นายนิกรเดชกล่าวว่า ไม่ได้มีการหารือในที่ประชุม โดยเป็นเพียงการหารือภายใต้กรอบความร่วมมือของกลุ่มประเทศ BIMSTEC เท่านั้น

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการประชุม BIMSTEC ที่มีการเชิญ พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ว่า จริงๆ เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศที่ประสานผ่านการประชุมบิมสเทค ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศควรชี้แจง เพราะเป็นความร่วมมือและคุยกันใน BIMSTEC ว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งส่วนนี้ประเด็นสำคัญคงไม่ได้อยู่ที่ว่ามีการประท้วงหรือไม่ประท้วงอะไร ตนคิดว่าเขามีสิทธิ์ในการสังเกตการประชุมนี้ ก็คงได้คุยประเด็นปัญหาในเมียนมาด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ที่โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้นได้มีผู้ประท้วงชาวไทยติดป้ายประท้วง “We do not Welcome Murderer Min Aung Hlaing” ที่บริเวณสะพานสาทร ใกล้โรงแรมที่จัดการประชุม แต่เมื่อขึ้นป้ายได้ไม่นานก็มีการเก็บป้ายดังกล่าวออกไป โดยสื่อเมียนมาอย่าง Myanmar Now ได้รายงานข่าวดังกล่าวด้วย

นางอังคณา นีละไพจิตร สว. ได้โพสต์ข้อความว่า ทั้งๆ ที่รู้ว่าเมียนมาไม่มีทางที่จะปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของ BIMSTEC ได้เลย ทั้งเรื่องการสร้างสันติภาพ การฟื้นฟู และเปิดกว้าง ทั้งการยอมรับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกอย่างสันติในการเรียกร้องประชาธิปไตยของพลเรือน การยุติการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือน และบรรดาชนกลุ่มน้อยในเมียนมา รวมถึงการนำคนผิดมาลงโทษ นายกฯ แพทองธารกล่าวในงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำ BIMSTEC ว่าจะร่วมกันสร้างอนาคตที่สดใส อันนี้ต้องถามต่อว่า อนาคตใคร อนาคตของผู้นำ หรืออนาคตของประชากรในกลุ่มประเทศ BIMSTEC.