“พิชัย” รับสภาพตลาดหุ้นดิ่งเพราะผลพวงนโยบายภาษีทรัมป์ เชื่อเป็นช่วงสั้นๆ ฟุ้งเป็นการวัดฝีมือแต่ละประเทศบริหารจัดการ บอกชัดไม่ใช้ภาษีตอบโต้ “จักรภพ” สบช่องชง “ทักษิณ” เจรจาผู้นำสหรัฐเพราะซี้กัน พร้อมดันตั้งศูนย์ล็อบบี้ เหิมแนะใช้เครื่องอิสริยาภรณ์เป็นตัวจูงใจ "ส.อ.ท." บอกเสียหาย 8-9 แสนล้านบาท
เมื่อวันศุกร์ที่ 4 เมษายน 2568 ยังคงมีความต่อเนื่องหลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศเก็บภาษีพื้นฐานสำหรับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศในอัตรา 10% และภาษีตอบโต้ โดยไทยถูกเก็บในระดับ 36% และทำให้ตลาดหุ่นไทยปรับตัวลดลงอย่างมาก
โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง และมีหลายประเทศที่ดัชนีหุ้นปรับตัวลดลงมากกว่าไทย โดยเฉพาะประเทศที่มีการส่งออกไปสหรัฐค่อนข้างเยอะ เชื่อว่านักลงทุนจะมีความเข้าใจ สะท้อนจากราคาหุ้นและข้อมูลพื้นฐานทางเศรษฐกิจและข้อมูลปัจจุบันว่ารัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการอย่างไร ทำให้นักลงทุนน่าจะรู้ว่าผลกระทบที่จะเกิดจากสถานการณ์ดังกล่าวไม่มาก เพราะรัฐบาลได้เตรียมมาตรการดูแลอยู่แล้ว ดังนั้นจึงอยากให้นักลงทุนติดตามข่าวว่ารัฐบาลจะดำเนินการและมีเงื่อนไขอย่างไร
“ผมคิดว่าเวลาที่หุ้นลงก็น่าจะลงเหมือนกันทั้งโลก ลงคล้ายๆ กัน ส่วนหุ้นจะกลับขึ้นมาที่เดิมได้หรือไม่นั้น ต้องดูว่าประเทศนั้นจะมีวิธีการแก้ปัญหานี้ที่แตกต่างจากประเทศอื่นอย่างไร แปลว่าต้องเก่งจนทำให้ความเชื่อมั่นในมิติต่างๆ กลับมาได้” นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยยอมรับว่า หากรัฐบาลไม่มีวิธีการแก้ปัญหาที่ดี ก็มีโอกาสที่เรื่องนี้จะส่งผลกระทบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ได้ไม่น้อยกว่า 1% ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องมาดูว่าจะดำเนินการแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร โดยต้องเป็นวิธีที่ดีที่สุด และต้องแก้ปัญหาในเชิงสร้างสรรค์ เพราะเรื่องนี้สร้างผลกระทบที่ใหญ่ และเป็นผลกระทบที่ซับซ้อนหลายขั้นตอน ไม่ใช่ผลกระทบที่จะเกิดระหว่างไทยกับสหรัฐเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบทางอ้อมทั้งกับคู่ค้าของไทย และคู่ค้าของไทยที่มีการค้าขายกับสหรัฐด้วย
นายพิชัยกล่าวอีกว่า วิธีการที่ดีที่สุดเพื่อทำให้ช่องว่างที่ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐแคบลง คือ การเร่งสร้างสมดุล โดยการนำเข้าวัตถุดิบที่จำเป็นและประเทศต้องการเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องเร่งส่งออกเพิ่มด้วยเช่นกัน ซึ่งการนำเข้าเพิ่มที่สามารถทำได้ ผ่านกลุ่มสินค้าเกษตร ยานยนต์ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึง LNG ส่วนประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าหลายประเทศจะใช้วิธีเดียวกันคือการเร่งนำเข้าและส่งออกเช่นเดียวกับไทยนั้น ตรงนี้ถือเป็นเรื่องของการแข่งขันระหว่างประเทศ ดังนั้นวันนี้ไทยต้องมีการเก็บข้อมูลให้เพียงพอ ต้องเอาโจทย์ต่างๆ มาวาง ว่าหากเขาไม่รับสินค้าจากไทยแล้วจะรับจากที่ไหน หากเป็นสินค้าที่เคยซื้อจากไทย ตรงนี้เป็นโจทย์สำคัญ และถือเป็นเรื่องใหญ่ และไม่ใช่เรื่องง่าย จึงต้องทำความเข้าใจอย่างมากเพื่อการที่จะอยู่บนโลกใบนี้ ขณะเดียวกันต้องเข้าไปดูการจัดการมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี เพราะไม่เอื้อต่อการค้าขาย และไม่มีประโยชน์ เป็นส่วนที่ทำให้สหรัฐอาจรู้สึกว่าภาษีของไทยสูงจนกลายเป็นอุปสรรค ซึ่งต้องเร่งไปจัดการในส่วนนี้ควบคู่ไปด้วย ซึ่งหลังจากนี้ทุกส่วน ทั้งสภาหอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กระทรวงพาณิชย์ กรมศุลกากร กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ต้องเอาโจทย์หรือการบ้านที่ได้รับไปมาหารือกันให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้รู้ว่าจะต้องแก้ปัญหาอะไรบ้าง
“ทั่วโลกได้รับผลกระทบกันหมด ก็ต้องมาดูวิธีการแก้ปัญหา โดยส่วนตัวมองว่าหากเราตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีเหมือนกันก็อาจทำให้ขายสินค้าไม่ได้ ดังนั้นวิธีการตอบโต้ด้วยภาษีจึงไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง โดยเฉพาะไทยที่มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับสหรัฐ ส่วนตัวผมคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดคือเราต้องแก้ปัญหาในเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งถามว่ายากไหม ก็ต้องยอมรับว่ายาก หลายๆ ผู้รู้ก็ออกมายืนยันแล้วว่าหากไม่ทำอะไรเรื่องนี้จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจค่อนข้างมาก” นายพิชัยระบุ
ขณะที่ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สัมภาษณ์ในรายการฐานทอล์ก ถึงแนวทางรับมือของรัฐบาลไทยต่อมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐว่า สิ่งที่ควรทำในช่องทางของกฎหมายระหว่างประเทศคือการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ทราบว่านายทรัมป์ต้องการอะไรอย่างแท้จริง ซึ่งหากดูจากพฤติกรรมที่ผ่านมา รวมถึงบริบทแวดล้อม คิดว่าต้องการเคาะกะลาให้วิ่งเข้าไปเพื่อเจรจาในระดับทวิภาคี เพราะเขาไม่ไว้ใจระบบราชการของใครทั้งนั้น แม้แต่คณะรัฐมนตรีของสหรัฐเอง ที่ถูกมองว่าเป็นลูกจ้างต่างระดับ ไม่ได้มองว่าเป็นที่ปรึกษาอาวุโส
“เราต้องหาทางเช็กกับตัวเขาหรือที่ปรึกษาที่ใกล้ตัวที่น่าเชื่อถือของเขาว่าทรัมป์ต้องการรายได้จากภาษีจริง หรือต้องการการเจรจาความสัมพันธ์ทางการค้าแบบทวิภาคีกับไทยใหม่ นอกจากนั้น เราควรต้องตั้งศูนย์ล็อบบี้อย่างเร่งด่วนเพื่อเข้าถึงทรัมป์ ซึ่งง่ายกว่าผ่านการผ่านระบบราชการ ถ้าเราหาช่องทางนี้ได้ ก็คาดว่าจะช่วยเหลือประเทศชาติได้ง่ายกว่าไปตามระบบราชการ รวมทั้งจะเป็นจังหวะที่เราจะกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ว่าจะเดินไปในทางเดียวกับอาเซียน ซึ่งโดนภาษีไม่เท่ากัน ประเทศที่ยากจนที่สุดอย่างกัมพูชาโดนภาษีหนัก ส่วนประเทศที่รวยอย่างสิงคโปร์กลับโดนน้อยมาก เพราะฉะนั้นก็ต้องพิจารณาว่าจะเดินร่วมกันหรือแยกกันเดิน เพราะเป้าหมายของทรัมป์ไม่ใช่รายได้จากภาษีที่เขาประกาศออกมา” นายจักรภพกล่าว
นายจักรภพยังกล่าวถึงตัวบุคคลที่จะเข้าถึงคอนเนกชันของนายทรัมป์ว่า ยังไม่ได้ถามจากคนในรัฐบาล แต่เท่าที่ทราบมีประมาณ 3-4 คน หนึ่งในนั้นคือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพราะรู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายทรัมป์ ส่วนคนอื่นเป็นนักธุรกิจชั้นนำบ้าง และไม่ใช่คนไทยบ้าง โดยมีชาวอเมริกันเองที่พร้อมคุยให้เราโดยไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ แต่เป็นเรื่องของเกียรติยศศักดิ์ศรีมากกว่า หากทำได้เราก็คงจะขอพระมหากรุณาธิคุณฯ โปรดเกล้าฯ ในเรื่องเครื่องอิสริยาภรณ์ เป็นต้น ซึ่งศูนย์ล็อบบี้นี้ไม่ใช่ทำงานเป็นเอกเทศไปเลย ในระดับของเอกอัครราชทูตฯ และหัวหน้ารัฐบาลจะต้องทำงานควบคู่กันไป โดยถือธงนำไปก่อน
สำหรับการหาพันธมิตรใหม่ทางการค้าและตลาดใหม่นั้น นายจักรภพกล่าวว่า เป็นจังหวะดีของไทยในการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ซึ่งจีนเข้ามาขยายอิทธิพลเข้ามาประเทศไทยตอนช่วงรัฐบาลทหารค่อนข้างมาก และการย้ายถิ่นฐานของคนจีนเข้ามาปักหลักในไทย และจีนเทาก็ถือโอกาสเข้ามาด้วย ถือโอกาสช่วงนี้ในการนำอิทธิพลของประเทศอื่นเข้ามาลดอิทธิพลของจีน เมื่อสหรัฐแสดงออกเช่นนี้เราก็ไม่ต้องกังวลการเมืองระหว่างประเทศว่าสหรัฐจะมองความสัมพันธ์ใหม่ของไทยกับประเทศอื่นหรือไม่ เป็นสิทธิ์ของไทยที่จะคบกับอินเดีย บราซิล รัสเซีย แอฟริกาใต้ หรือแม้กระทั่งตุรกี ที่จะมาเติมเต็มในส่วนความต้องการสินค้าของเรา ในวิธีการเจรจานั้น เสนอว่าเราก็เจรจากับสหรัฐโดยใช้ฐานความเป็นพันธมิตรอย่างยาวนานเป็นตัวตั้ง ในการคุยกับประเทศอื่นเราก็ไม่ต้องไปขออนุญาตสหรัฐ ถ้าสหรัฐไม่สบายใจในการที่เราไปคุยกับบางประเทศ ก็เจรจาสหรัฐลดภาษีให้เรากลับไป ดังนั้นเราควรมีคณะเจรจา 3 คณะประสานเป็นหนึ่งอยู่ภายใต้นายกฯ
ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ได้เรียกประชุมด่วนทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ เพื่อระดมสมองหามาตรการต่างๆ หลังจากนายทรัมป์ประกาศนโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ 36% มากกว่าที่ภาครัฐและเอกชนคาดการณ์ไว้เกือบ 3 เท่าตัว คาดมูลค่าเสียหายจากการขึ้นภาษีดังกล่าวราว 800,000-900,000 ล้านบาท
"ผมได้มอบหมายให้แต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมไปศึกษาข้อมูลภายในกลุ่มเพิ่มเติมว่าได้รับความเสียหายมากน้อยเพียงใด และหาจุดยืนร่วมกัน เพื่อ ส.อ.ท.จะได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์และเสนอแนวทางให้แก่รัฐบาลเพื่อพิจารณาต่อไป" นายเกรียงไกรกล่าว
นายเกรียงไกรกล่าวอีกว่า ภาครัฐและเอกชนได้ร่วมเจรจาเพื่อเตรียมรับมือนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว เพื่อพิจารณาแลกเปลี่ยนสินค้าต่อรองกับสหรัฐ เบื้องต้นมีกรอบสินค้าเกษตรหลายตัวที่จะเปิดให้มีการนำเข้าจากสหรัฐมากขึ้น เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และสินค้าหนัก อาทิ อาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องบินรบ โดรน เป็นต้น ดังนั้นภาครัฐต้องเร่งเจรจาต่อรองกับสหรัฐอย่างเร่งด่วน ไม่ใช่แค่ลดการเกินดุลการค้าสหรัฐเท่านั้น แต่ต้องเร่งแก้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา และต้องออกมาตรการเร่งด่วนเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศไม่ให้เข้ามาทุ่มตลาดในประเทศเหมือนเช่นปัจจุบัน
นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอแนวนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลควรดำเนินการโดยทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายทางเศรษฐกิจ ดังนี้ 1.เร่งเจรจาทางการค้าเชิงรุกกับสหรัฐอย่างเป็นรูปธรรม และ 2.ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ ลดการพึ่งตลาดเดิม สร้างความมั่นคงใหม่
“เศรษฐกิจตอนนี้เหมือนเรือรั่ว รัฐบาลเอาน้ำตักใส่ชาวบ้าน แต่ไม่ซ่อมรอยรั่วเลย เมื่อวานนี้สภาใช้เวลามากในการจะเลื่อนถกเรื่องกาสิโน รัฐบาลให้ความสำคัญกับอะไรกันแน่ เราต้องเปลี่ยนวิกฤตนี้เป็นโอกาส ด้วยการสร้างระบบเศรษฐกิจที่หลากหลายและมั่นคง ไม่ใช่พึ่งตลาดเดียวหรือหลอกตัวเองด้วยนโยบายประชานิยมที่ใช้ไม่ได้ในระยะยาว” นายสรรเพชญกล่าว
นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า นี่คือวิกฤตครั้งใหญ่ที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรชาวนาไทย ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ เพราะการขึ้นภาษีครั้งนี้จะทำให้ราคาข้าวหอมมะลิของไทยในตลาดสหรัฐพุ่งสูงขึ้นทันทีจาก 900-1,000 ดอลลาร์ต่อตัน ไปอยู่ที่ราว 1,400 ดอลลาร์ต่อตัน กลายเป็นราคาที่สูงเกินกว่าตลาดจะรับได้ และอาจทำให้ผู้บริโภคในสหรัฐหันไปเลือกข้าวจากประเทศคู่แข่งแทน ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกข้าวไทยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
“รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับปัญหาที่กระทบต่อความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทยอย่างแท้จริง แทนที่จะมุ่งผลักดันแต่กฎหมายที่ส่งเสริมอบายมุข ทั้งสถานบันเทิงครบวงจรที่ซ่อนกาสิโนและพนันออนไลน์” นายชัชวาลกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


