
"เฟด" เตือนนโยบายเปิดสงครามภาษีของ "ทรัมป์" อาจรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยจะส่งผลให้ปัญหาเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราการว่างงานของสหรัฐทวีความรุนแรงขึ้น เวียดนามเสือปืนไว เสนอเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐ 0% "ทรัมป์" ขอบคุณหวังว่าจะได้พบกัน ส่วนกัมพูชาส่งจดหมายขอเจรจา เสนอเก็บ 5% ขณะที่ไทยยังไร้ความเคลื่อนไหว โพยยังไม่มา
คืนวันที่ 4 เมษายน 2568 ตามเวลาประเทศไทย นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ออกแถลงการณ์เตือนว่า ผลกระทบของมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าของรัฐบาลสหรัฐ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐที่ประกาศไปในสัปดาห์นี้ อาจรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยจะส่งผลให้ปัญหาเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และอัตราการว่างงานของสหรัฐทวีความรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม นายพาวเวลล์ระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพิจารณาปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของสหรัฐ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่นานหลังประธานาธิบดีทรัมป์โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย เรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐประกาศลดอัตราดอกเบี้ยโดยทันที พร้อมกล่าวหาว่านายพาวเวลล์กำลังทำให้ธนาคารกลางสหรัฐกลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง
ขณะที่รัฐบาลหลายประเทศเริ่มการเจรจากับรัฐบาลทรัมป์แล้ว เวียดนามที่ถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 46% มีการต่อสายตรงแล้ว โดยเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม โต เลิม ได้ต่อสายตรงถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมยื่นข้อเสนอสุดน่าสนใจคือ เวียดนามพร้อมเจรจาลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐเหลือ 0%
การสนทนาทางโทรศัพท์มีขึ้นเมื่อวานนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจริงจังของเวียดนามในการหาทางออกให้กับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในครั้งนี้
โต เลิม ย้ำว่า เวียดนามเต็มใจเปิดโต๊ะเจรจาเพื่อลดภาษีสินค้าสหรัฐให้เหลือศูนย์ แต่ก็เรียกร้องให้สหรัฐดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับสินค้าส่งออกของเวียดนามด้วย
นอกจากนี้ เวียดนามยังแสดงความตั้งใจที่จะเพิ่มการนำเข้าจากสหรัฐและพร้อมอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนอเมริกันเข้ามาลงทุนมากขึ้น
ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันว่า จะมีการหารือเพื่อลงนามข้อตกลงที่เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด เพื่อยืนยันคำมั่นสัญญาเหล่านี้
'ทรัมป์' ขอบคุณเวียดนาม
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้โพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์มทรูธโซเชียลว่า "เพิ่งได้คุยโทรศัพท์กับนายโต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เขาได้บอกกับผมว่า เวียดนามต้องการลดภาษีศุลกากรลงเหลือศูนย์หากสามารถทำข้อตกลงกับสหรัฐได้ ผมได้ขอบคุณเขาในนามของตัวแทนประเทศ และผมหวังว่าพวกเราจะได้พบกันในอนาคตอันใกล้"
ข้อเสนอ "ภาษี 0%" นี้มีขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่สหรัฐกำลังจะบังคับใช้กำแพงภาษีใหม่ถึง 46% กับสินค้านำเข้าทั้งหมดจากเวียดนามในสัปดาห์หน้า ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอัตราที่สูงที่สุดที่ทรัมป์กำหนดเป้าหมาย โดยจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเวียดนาม ที่ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐสูงถึง 142,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของเวียดนามถูกมองว่า เป็นการพยายามใช้การทูตนำหน้ามากกว่าการตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษี เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากกำแพงภาษีของทรัมป์ เห็นได้จากการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม นายเหงียน ห่ง เซียน (Nguyen Hong Dien) เพิ่งเยือนวอชิงตัน และปิดดีลมูลค่ากว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐกับบริษัทสหรัฐ
รวมถึงการที่เลขาธิการฯ โต เลิม รีบแสดงความยินดีกับทรัมป์หลังการเลือกตั้ง และประกาศลดภาษีสินค้าสหรัฐบางรายการไปก่อนหน้านี้เมื่อปลายเดือนมีนาคม ซึ่งถูกมองว่าเป็นการพยายามลดแรงกดดันจากทรัมป์
ขณะที่รัฐบาลกัมพูชาโดยนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ได้ส่งจดหมายถึงประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อแสดงความกังวลและขอเปิดการเจรจาเกี่ยวกับมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าจากกัมพูชาที่ทางการสหรัฐเพิ่งประกาศเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา
ในประกาศของสหรัฐระบุว่า จะมีการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากกัมพูชาที่อัตรา 49% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2025 ซึ่งทางกัมพูชาเห็นว่าการดำเนินการในเวลาที่กระชั้นชิดเช่นนี้ อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การค้าระหว่างประเทศ และความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
จดหมายดังกล่าวระบุว่า กัมพูชามีความประสงค์จะเปิดเจรจากับรัฐบาลสหรัฐโดยเร็วที่สุด และขอความกรุณาจากรัฐบาลสหรัฐในการเลื่อนการบังคับใช้ภาษีใหม่นี้ออกไปก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการหารืออย่างสร้างสรรค์และร่วมมือ
นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังระบุด้วยว่า ปัจจุบันกัมพูชาจัดเก็บภาษีนำเข้าสูงสุดเพียง 35% และเพื่อแสดงความจริงใจในการร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า กัมพูชาจะปรับลดภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าจากสหรัฐ 19 รายการ จากอัตราสูงสุด 35% ลงเหลือเพียง 5% ทันที
"เพื่อให้การดำเนินการนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ผมได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของกัมพูชา ประสานงานโดยตรงกับผู้แทนการค้าของสหรัฐ"
จดหมายลงท้ายด้วยถ้อยคำแสดงมิตรภาพและความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการเจรจาอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ
ไต้หวันยังเชื่อ 'ทรัมป์' สนับสนุนต่อ
โจเซฟ วู รมว.การต่างประเทศและหัวหน้าสภาความมั่นคงแห่งชาติของไต้หวัน เผยว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรเป็นวงกว้าง ซึ่งรวมถึงการสั่งเก็บภาษีกับไต้หวันที่ 32% ของทรัมป์นั้นไม่ยุติธรรม และรัฐบาลไต้หวันมีแผนที่จะหารืออย่างจริงจังกับทางการสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงของไต้หวันกล่าวว่า การสนับสนุนจากรัฐบาลทรัมป์ต่อไต้หวันยังคงแข็งแกร่งมาก
ลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ แถลงต่อคนทั้งประเทศ เตือนให้ชาวสิงคโปร์เตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่จะตามมาจากมาตรการภาษีของทรัมป์ แม้สิงคโปร์จะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพียง 10% จากการประกาศล่าสุดของทรัมป์ ซึ่งน้อยกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วโลกก็ตาม
ผู้นำสิงคโปร์เตือนว่า ยุคของโลกาภิวัตน์และการค้าเสรีที่ยึดโยงกับกฎกติการะหว่างประเทศได้สิ้นสุดลงแล้ว
“เราไม่อาจคาดหวังได้แล้วว่า กฎเกณฑ์ต่างๆ ที่มีอยู่จะสามารถปกป้องประเทศขนาดเล็กได้อีกต่อไป ผมแจ้งสิ่งนี้กับทุกคน เพื่อที่ว่าเราทุกคนจะเตรียมใจรับมือ”
หว่องกล่าวว่า สิงคโปร์ถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีพื้นฐานต่ำสุดที่ 10% ดังนั้นผลกระทบทางตรงอาจมีจำกัดในขณะนี้ แต่ที่ต้องกังวลคือผลกระทบที่จะตามมาในวงกว้างและรุนแรงขึ้นหากประเทศอื่นๆ ดำเนินมาตรการตอบโต้ ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง และกระทบกับประเทศขนาดเล็กอย่างสิงคโปร์
ไทยยังไร้วี่แวว
แต่ผู้นำสิงคโปร์ย้ำว่า สิงคโปร์จะเฝ้าระวัง พร้อมเดินหน้าสร้างศักยภาพของประเทศ เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับประเทศที่มีแนวคิดเหมือนกัน และย้ำว่า หากคนในประเทศแน่วแน่และสามัคคีกัน ก็จะสามารถยืนหยัดอยู่ใน ‘โลกที่เต็มไปด้วยปัญหา’ นี้ได้อย่างแน่นอน
ส่วน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย มีเพียงออกแถลงการณ์แสดงท่าทีของประเทศไทยต่อนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา และระบุว่า พร้อมจะเจรจา แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ออกมา ทั้งที่ไทยโดนตั้งภาษีนำเข้าสูงถึง 36%
นายจิรายุ ห่วงทรัยพ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงอ้างว่านายกรัฐมนตรียังติดตามผลการประชุมอย่างต่อเนื่องมาตลอดกว่า 4 เดือน และในวันอังคารที่ 8 เมษายนนี้ จะได้เรียกประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานเกี่ยวกับมาตรการการค้าสหรัฐอเมริกา เวลา 13.00 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและหัวหน้าส่วนราชการทั้งหมดเข้าร่วมประชุม
วันที่ 5 เม.ย. เจ้าหน้าที่ศุลกากรของสหรัฐเริ่มเก็บภาษีนำเข้า 10% จากสินค้านำเข้าทั้งหมดของหลายประเทศตามคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์แล้ว ขณะที่การเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้นจาก 57 ประเทศคู่ค้ารายใหญ่จะเริ่มในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ภาษีพื้นฐาน 10% นี้มีผลบังคับใช้ที่ท่าเรือ สนามบิน และคลังสินค้าศุลกากรของสหรัฐ ตั้งแต่เวลา 00.01 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือราว 11.01 น.ตามเวลาไทยในวันนี้
ในบรรดาประเทศกลุ่มแรกที่ถูกเก็บภาษี 10% รวมถึงออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร โคลอมเบีย อาร์เจนตินา อียิปต์ และซาอุดีอาระเบีย โดยเอกสารแจ้งของสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดน (CBP) ของสหรัฐระบุว่า จะไม่มีช่วงผ่อนผันสำหรับสินค้าที่อยู่ระหว่างการขนส่งซึ่งถึงจุดตรวจศุลกากรตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันที่ 5 เม.ย.
อย่างไรก็ตาม เอกสารเดียวกันยังระบุว่า จะมีช่วงผ่อนผัน 51 วันสำหรับสินค้าที่ถูกบรรทุกลงเรือหรือเครื่องบินแล้ว และอยู่ในระหว่างการขนส่งมายังสหรัฐ ก่อนเวลา 00.01 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือราว 11.01 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ โดยสินค้าเหล่านั้นจะต้องเดินทางไปถึงสหรัฐภายในเวลา 00.01 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือราว 11.01 น.ตามเวลาไทยของวันที่ 27 พ.ค. จึงจะได้รับการยกเว้นภาษี 10%.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


