ใช้ตำแหน่งอุดปาก! แม้วฟุ้งยกเก้าอี้ให้หนูรี ‘ลุงป้อม’ยํ้าไม่หวนกลับ

"ทักษิณ" ฟุ้งจัดประกวดนางแบบส่งไปประกวดระดับโลก ย้ำนโยบายซื้อหนี้ ปชช. ดันกาสิโน เหน็บขาประจำด่าตนแล้วสนุก ห่วงจะป่วยติดเตียง ยัน รบ.ยังไปด้วยกันได้สบาย เย้ย “หนูรี” ทำตัวดีๆ เผื่อได้นั่งรองนายกฯ หลัง “เสรีพิศุทธ์” ขู่ระวังติดคุกปมชั้น 14 ลั่นไม่ต้องกังวล “ดนุพร”  โต้ “บิ๊กป้อม” คุย สส.ให้สะเด็ดน้ำก่อน มองเป็นสิทธิ์จะไม่ร่วม รบ. ส่วน พท.ไม่ปิดประตู ด้าน “บิ๊กป้อม” ตะโกนลั่นไม่หวนร่วม รบ. เช็กเสียงแล้ว สส.ยังอยู่ครบ “ไพบูลย์” เหน็บ “แม้ว” แก้เกี้ยวไม่เอา พปชร.เพราะดึงไม่ได้ "หัวหน้าเท้ง" ขออย่าให้น้ำหนักคำพูด "ทักษิณ" ไม่ใช่ผู้มีอำนาจตัวจริงในการปรับ ครม. ปชช.อยากเห็นภาวะผู้นำของนายกฯ “ซูเปอร์โพล” ชี้ รบ.เปราะบาง ปชช.จับตาอุบัติเหตุการเมือง

เมื่อช่วงค่ำวันที่่ 27 เมษายน ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติเอ็มเพรส จ.เชียงใหม่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยหาเสียงช่วยนายอัศนี บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ สังกัดพรรคเพื่อไทย (พท.) ตอนหนึ่งว่า พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเหมือนเดิม เพราะเป็นพรรคที่ทุ่มเททำงานให้ประชาชนและประชาชนไม่ลืมแน่นอน 17 ปีที่ตนไม่อยู่ ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ลืมตน ยกเว้นเชียงใหม่บางเขต อย่าลืมตนนะ ตนมาแล้วตัวเป็นๆ ขอคืน สส. ไม่เอาแล้วอย่างอื่น เอาเพื่อไทยอย่างเดียว เราจะได้ช่วยกันพัฒนาอย่างเต็มที่

นายทักษิณกล่าวว่า ตอนนี้ตนกลับมาแล้ว จะเอาเชียงใหม่มาพัฒนาใหม่ จึงต้องการแนวร่วมตลอดทางทั้งรัฐบาล อบจ.และท้องถิ่น ตนเกิดที่นี่ กลับมาบ้านก็มีความสุขที่ได้ทำเพื่อบ้านเมือง เมื่อก่อนคนเชียงใหม่เป็นคนที่สวยที่สุดในประเทศไทย แต่ตอนนี้ความสวยหายไป เราจะต้องเอาคืนมา ตนกำลังจะจัดประกวดนางแบบที่เป็นไทยแท้ ไม่ได้ทำศัลยกรรมทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ฉะนั้นเชียงใหม่มีหลายคนแน่ เพื่อส่งเสริมให้เขามีโอกาส ให้เขาได้ไปเวทีโลก เรื่องหนึ่งคือคนไทยเป็นหนี้หนักตั้งแต่ 10 ปีที่ผ่านมามีการบริหารผิดพลาด รวมถึงเจอโควิดไปด้วย ทำให้คนไทยลำบาก วันนี้รัฐบาลพยายามที่จะแก้ปัญหาหลายเรื่อง แต่กลไกค่อนข้างช้าไปหน่อย และพรรคร่วมรัฐบาลก็มีหลายพรรค จึงทำให้การตัดสินใจช้า ลำบากหน่อย แต่ไม่เป็นไรต้องทำให้ได้

 “เรื่องซื้อหนี้ประชาชนออกจากแบงก์ได้อย่างไร ถ้าซื้อหนี้ออกมาก็จะมีเวลาทำมาหากิน ต้องทำให้คนไทยฟื้นตัวให้ได้ และเมื่อฟื้นตัวได้ ถ้าไม่ต้องมีหนี้เอาหนี้ไปแขวนสักระยะหนึ่ง ก็จะได้คิดออกทำมาหากินได้เต็มที่ ซึ่งก็คิดอย่างนี้ว่าต้องซื้อหนี้ประชาชนออกจากระบบ ไม่ต้องมีใครมาทวงหนี้สักระยะหนึ่ง รวยแล้วค่อยใช้หนี้ เมื่อเศรษฐกิจดี บ้านเมืองดี ก็จะดีทุกอย่าง โดยจะแบ่งหน้าที่กันทำ นายกหน่อย มีหน้าที่ไปทำความสะอาด ความสะดวกสบายความปลอดภัยให้คนเชียงใหม่”

นายทักษิณกล่าวว่า เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่หลายคนไม่เข้าใจ หาว่าเป็นกาสิโน เพราะคนที่ต่อต้านไม่ใช้คำว่าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่แปลว่าสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งคำว่ากาสิโนไม่ใช่หัวใจหลัก เพราะมีกาสิโนอยู่แค่ 10% เท่านั้น แต่ 90% กว่าเป็นที่บันเทิง เช่น เราไม่มีฮอลล์คอนเสิร์ตที่ดีๆ ดาราดังๆ เทย์เลอร์ สวิฟต์ เลยไม่มา หรือกีฬาดีๆ อย่างฟุตบอลระดับโลกที่จะแข่งกันอย่างจริงจังก็มาไม่ได้ เพราะสนามกีฬาเราไม่ค่อยดี หากลงทุนระดับโลก ซึ่งรัฐลงทุนไม่ไหวจึงต้องให้เอกชนมาลงทุน กาสิโนไม่ใช่ว่าใครจะเข้าไปเล่นก็ได้ ตนก็เข้าไปไม่ได้ เพราะเป็นนักการเมืองและกลัวว่าจะไปฟอกเงิน ซึ่งมันมีกติกาที่เป็นสากล ต้องมีการยืนยันตัวตนทางการ ที่ต้องรู้ว่าคนเล่นเป็นใคร มีรายได้มาจากไหน

พ่อนายกฯ กล่าวอีกว่า “เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เดิมพรรคประชาชนเชียร์เต็มที่ แต่เมื่อเป็นฝ่ายค้าน ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะเชียร์หรือไม่เชียร์ แม้จะเชียร์หรือไม่เชียร์ แต่เสียงรัฐบาลก็พออยู่ และคิดว่าเรื่องนี้ต้องทำความเจริญให้กับประเทศ แม้เขาจะค้านบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาในระบอบประชาธิปไตย ที่จะมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย”

ห่วงขาประจำจะป่วยติดเตียง

 “ผมเป็นห่วงนิดเดียวพวกที่เป็นขาประจำ คนพูดอะไรก็ออกมาด่าแล้ว ผมเป็นคนที่เฒ่าแล้ว มันปล่อยวางได้ เขาด่ามา ก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา จิตไม่ปรุงแต่ง สบาย คนพวกนี้ด่าผมแล้วมันสนุก พอกลับไปบ้านทำไมจึงเครียด เขาก็เครียดไปทุกวัน ซึ่งก็เป็นห่วงว่าจะติดเตียง ผมเป็นห่วงจริงๆ หากใครที่เป็นญาติเขาก็ขอให้โทร.ไปบอกว่าใจเย็นๆ ผมไม่รู้ร้อนรู้หนาวแล้ว ผมเป็นคนแก่แล้ว ฉะนั้น ให้มันเบาๆ เดี๋ยวจะติดเตียง ขี้เกียจจะไปเยี่ยม ผมไม่ได้แช่งแต่เป็นสัจธรรม เพราะบางคนคิดเหมือนผมไม่ได้ เขาอยากให้ผมตายต่อหน้า จะเป็นไปได้หรือที่จะมีเวทมนตร์ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเวทมนตร์ให้ตายต่อหน้า คนแช่งไปแช่งมา ก็ให้เขาตายคนเดียว”

นายทักษิณกล่าวอีกว่า ตนผ่านชีวิตมาหมดแล้ว ใครผ่านมาหนักเหมือนตนบ้าง ถ้าตนรอดมาได้ ไม่ต้องห่วง การเมืองก็เหมือนกัน มีคนบอกว่าเดี๋ยวคนนั้นพลิกคนนี้พลิก ตนว่าไม่น่ามีปัญหา วันนี้รัฐบาลอยู่กันดี อาจจะมีเล็กๆ น้อยๆ แต่ถึงเวลาแล้วไม่มีปัญหา

 “ฉะนั้น รัฐบาลก็อยู่กันได้แบบสบายๆ ไม่ต้องกังวลอะไรเลย ทั้งนี้รัฐบาลเหลือเวลาอีกสองปี เชียงใหม่ทันสวยก่อนยุบสภา เพราะมีแต่คนถามมาว่ารัฐบาลจะยุบสภาแล้วหรือไม่ เลยบอกไปว่ายุบไม่ได้ รอเชียงใหม่ให้กลับมาสวยก่อน หากเชียงใหม่กลับมาสวยเมื่อไหร่ถึงตอนนั้นก็ถึงเวลาเลือกตั้งพอดี” นายทักษิณกล่าว

ก่อนหน้านั้นนายทักษิณให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุการเข้าให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการพักรักษาตัวของนายทักษิณที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ หากจะตัดสินใจหนีก็ขอให้หนีตั้งแต่วันนี้ เพราะหากไม่หนี วันที่ 30 เม.ย. ระวังจะติดคุก ว่า “บอกหนูรีเขานะ ให้หนูรีทำตัวดีๆ พูดจาดีๆ เผื่อจะได้ไปเป็นรองนายกฯ กับเขาบ้าง”

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการทาบทามหรือมาขอเป็นรองนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “เคยฮะเคย แต่หลังจากนั้นก็โกรธกันมา ก็ไม่เป็นอะไร บอกให้หนูเขาใจเย็นๆ”

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มองว่าเป็นความแค้นส่วนตัวหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ตนก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าลอจิกคืออะไร ไม่เข้าใจ บางครั้งตนก็ถูกเข้าใจผิด เป็นเรื่องธรรมดา เฉยๆ

เมื่อถามว่า ประเด็นเรื่องชั้น 14 ในวันที่ 30 เม.ย. เราก็พร้อมใช่หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “ไม่มีอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ไม่ต้องกังวลแทนผม”

นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยืนยันจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ว่า เป็นสิทธิ์ของท่าน ท่านเป็นหัวหน้าพรรค และท่านต้องตัดสินใจ ซึ่งการตัดสินใจของ พล.อ.ประวิตรต้องปรึกษากับกรรมการบริหารพรรค พปชร. ถ้าเป็นมติของหัวหน้าพรรคออกมาแบบนั้น ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่ท้ายที่สุด สส.เองก็มีเอกสิทธิ์ในการตัดสินใจด้วย เรื่องนี้ต้องให้ สส.ของท่านพูดคุยกันในพรรค ซึ่งพรรค พปชร.มี สส. 20 คน ก็พูดคุยกันให้สะเด็ดน้ำว่าจะมีใครบ้างที่อยากจะมาร่วมรัฐบาลตามข่าว หรือใครจะไม่มา ตนเชื่อว่าเร็ววันนี้ตามข่าวคงจะเริ่มชัดเจนขึ้น

'ป้อม' ประกาศไม่ร่วมรัฐบาล

เมื่อถามว่า แปลว่าก่อนหน้านี้มีการประสานติดต่อกับคนที่อยากมาร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายดนุพรกล่าวว่า ทางพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีการติดต่อ เชื่อว่านายกฯ ที่เป็นทั้งนายกฯ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยทราบดีว่าวันนี้เสถียรภาพของรัฐบาลค่อนข้างมั่นคงมาก เรามี 314 เสียง ถือว่าเป็นรัฐบาลที่มั่นคง ส่วนจะมีใครมาช่วยหรือเติมในส่วนไหนนั้น เชื่อว่าก็สามารถมาร่วมงานได้ ถ้าท่านมองว่าอยากขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้ไปสู่ประชาชนก็สามารถเชิญชวนมาร่วมกันได้

ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) ระบุจะมี สส.จากฝ่ายค้านไปร่วมกับพรรค กธ.เพิ่ม ได้มีการเช็กเสียงในพรรค พปชร.ว่าจะมีคนย้ายไปหรือไม่ ว่า “ไม่มีหรอก จะมีที่ไหนเล่า” เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันว่าทุกคนยังอยู่กับ พล.อ.ประวิตรใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ก็เนี่ยเขามาประชุมทุกคน”

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าพรรค พท.จะดึงพรรค พปชร.ไปร่วมรัฐบาล พล.อ.ประวิตรไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร. ได้กล่าวเสริมขึ้นมาว่า ไม่มีหรอก เมื่อถามย้ำว่า ยังหวังกลับไปร่วมรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวเสียงดังว่า “ไม่ร่วม” จากนั้นได้ขึ้นรถยนต์กลับออกจากพรรค พปชร.ไป

นายไพบูลย์ยังกล่าวถึงกรณีนายทักษิณพูดว่าจะไม่ดึงพรรค พปชร.กลับมาร่วมรัฐบาลว่า “ดึงไม่ได้ก็เลยพูดแก้เกี้ยว”

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม จะมีการเปิดเผยรายชื่อ สส.ฝ่ายค้าน ที่จะย้ายเข้าพรรค ในส่วนของ ปชน.มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างว่า จริงๆ ไม่ต้องเตรียมตัวอะไร เชื่อมั่นว่าไม่ได้เป็นงูเห่าจากพรรค ปชน.แน่นอน แต่จะเป็นใครบ้าง ตอบแทนร.อ.ธรรมนัสไม่ได้ ต้องไปถาม ร.อ.ธรรมนัสเอง ยืนยันและเชื่อมั่นในเพื่อนภายในพรรคทุกคน เห็นได้จากในหลายๆ ครั้ง ตั้งแต่พรรคก้าวไกลมาเป็นพรรคประชาชน จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่เคยมีงูเห่าใดๆ ทั้งสิ้นจากพรรคประชาชน

'เท้ง' จี้นายกฯ มีภาวะผู้นำ

เมื่อถามว่า จะเป็นการทำลายเสถียรภาพของพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า พรรค ปชน.มองเห็นและให้ความสำคัญกับการกระทำ และที่ผ่านมาพรรค ปชน.ก็ไม่เคยมีกรณีในเรื่องนี้ ยิ่งมีการพูดเรื่องนี้ แต่พรรค ปชน.ไม่เคยกระทำแบบนั้นเลย จึงคิดว่าในอีกมุมหนึ่งคนที่ออกมาพูดบ่อยๆ จะเสียเครดิตของตัวเอง 

ส่วนสัญญาณการปรับ ครม.หลังนายทักษิณระบุไม่ปรับพรรคภูมิใจไทยออก ประเมินแนวโน้มหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร นายณัฐพงษ์กล่าวว่า อำนาจในการปรับ ครม.เป็นของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตนไม่อยากให้สังคมให้น้ำหนักกับคำพูดของนายทักษิณซึ่งไม่ได้มีอำนาจตัวจริงในการปรับ ครม. ประเด็นในพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งเห็นกันอยู่ว่ามีรอยร้าว ก็เป็นสิ่งที่ทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพ และอาจจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ดังนั้นความเป็นผู้นำของนายกฯ  ที่ต้องควบคุมเสียงภายในพรรคร่วมรัฐบาล  และแสดงออกให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการเจรจากับต่างประเทศ เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยเดินหน้าได้

หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าวถึงกรณีวันที่ 30 เม.ย.นี้ ศาลฎีกาจะมีคำสั่งในคดีชั้น 14 ของนายทักษิณ จะส่งแรงกระเพื่อมทางการเมืองหรือไม่ว่า เรื่องนี้จะเป็นใครก็ได้ที่เข้าไปยื่นคำร้อง ส่วนศาลคำตัดสินของศาลก็เป็นสิ่งที่พวกเราต้องติดตามดู ยืนยันว่าเรื่องที่พวกเราอภิปรายในสภา กรณีชั้น 14 ก็เป็นสิ่งที่พวกเราตั้งข้อวิจารณ์ว่า น.ส.แพทองธารเป็นคนที่มีส่วนรู้เห็นข้อเท็จจริงมาโดยตลอดว่านายทักษิณผู้เป็นบิดาป่วยจริงหรือไม่ ป่วยถึงขนาดต้องไปอยู่ รพ.ตำรวจจริงหรือไม่ เมื่อมาดำรงตำแหน่งนายกฯ จะดำเนินการอย่างไร เพื่อรักษาระบบนิติธรรม ไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติสองมาตรฐาน หรือหลายมาตรฐาน และพรรค ปชน.ก็มีการดำเนินการเรื่องนี้ต่อภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในส่วนของการยื่นข้อกล่าวหาการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ว่าวันที่ 30 เม.ย.นี้  ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำสั่งคำร้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ว่าจะรับไว้ไต่สวนหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลให้การเมืองพรรคร่วมรัฐบาลกระเพื่อมทั้งด้านดีและร้าย

โดยนายชาญชัยยื่นคำร้องต่อศาลฎีกานักการเมืองให้นำตัวทักษิณมาลงโทษติดคุก เพราะกรมราชทัณฑ์ส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ ชั้น 14 ไม่ได้ขออนุญาตศาลก่อน จึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.89 และ ม.246 ส่วนกรมราชทัณฑ์ อ้างอำนาจตาม ม.55 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 เป็นเพียงกฎหมายชั้นรอง และขัดต่อบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

"แม้ทักษิณบอกไม่กังวล แต่สายตาบ่งบอกถึงความวิตก เพราะศาลฎีกานักการเมืองซึ่งตัดสินคดีทักษิณจะต้องวินิจฉัยจะรับไต่สวนเอาทักษิณกลับเข้าคุกหรือไม่ เมื่อฝ่าฝืนการรับโทษติดคุก โดยอ้างป่วยวิกฤตไปพัก ชั้น 14 รพ.ตำรวจ คาดว่าคงมีทางออก 2 ทางให้เลือก หนึ่งถ้าทักษิณ พร้อมติดคุกแล้วอาจมีบางคนยื่นถวายฎีกาให้ทักษิณกลับสู่สถานะเดิม คือขอยกเว้นพระบรมราชโองการลดโทษเหลือ 1 ปีของทักษิณก็ได้ เพื่อให้มีโทษติดคุกอยู่ครบ 8 ปี ส่วนทางเลือกที่สอง คงหนีออกนอกประเทศอีกรอบ"

โพลชี้รัฐบาลเปราะบาง

นายจตุพรกล่าวว่า เรื่องคดีของทักษิณ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 30 เม.ย.นี้ จะรู้ผลก่อนการปรับ ครม. ถ้าผลคำสั่งของศาลออกมาเป็นลบกับทักษิณ คือศาลรับไว้ไต่สวนทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ย่อมสะเทือนถึงดุลอำนาจในพรรคร่วมรัฐบาลด้วย และเชื่อว่าถ้าคำสั่งคดีของทักษิณออกมาเป็นลบแล้ว สถานการณ์ของนายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ต้องปลงอนิจจัง ขณะเดียวกัน หากทักษิณรอดคือ ศาลยกคำร้อง แต่การปรับ ครม.เอาพรรคภูมิใจไทยออกแล้ว ย่อมส่งผลต่อเสียง สว. มาสนับสนุนผ่านกฎหมายของรัฐบาลเช่นกัน

นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง เสถียรภาพของรัฐบาลในสายตาของประชาชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 1,148 ราย ระหว่างวันที่ 24-26 เม.ย.2568 พบว่า ประชาชนร้อยละ 71.7 มีความสนใจข่าวสารเกี่ยวกับเสถียรภาพของรัฐบาลในระดับ "มากถึงมากที่สุด" ร้อยละ 15.4 ระบุ “สนใจ ปานกลาง” มีเพียงร้อยละ 12.9 เท่านั้นที่สนใจในระดับ "น้อยถึงไม่สนใจเลย" เมื่อเปรียบเทียบกับข่าวด้านปัญหาค่าครองชีพ ค่าน้ำค่าไฟ และปากท้อง พบว่าให้ความสนใจในระดับสูงกว่าที่ร้อยละ 85.2 ร้อยละ 10.4 ระบุ “สนใจ ปานกลาง” และร้อยละ 4.4 ระบุ “สนใจน้อยถึงไม่สนใจเลย” ชี้ให้เห็นว่าแม้ปัญหาปากท้องจะยังเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก  แต่เสถียรภาพทางการเมืองก็ได้รับความสนใจในวงกว้าง สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจและการเมืองที่ประชาชนตระหนักชัด

เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพของรัฐบาลในอีก 3 เดือนข้างหน้า  ประชาชนเพียงร้อยละ 27.8 ที่มีความเชื่อมั่นในระดับ "มากถึงมากที่สุด" และร้อยละ 20.5 ระบุ “เชื่อมั่น ปานกลาง” ว่ารัฐบาลจะรักษาเสถียรภาพได้ ขณะที่ร้อยละ 51.7 มีความเชื่อมั่นในระดับ "น้อยถึงไม่เลย"  สะท้อนถึงความเปราะบางของภาพลักษณ์รัฐบาล และแสดงว่าประชาชนมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อทิศทางของการเมืองในระยะสั้น

ที่น่าพิจารณาคือ ประชาชนมีความเป็นห่วง "การยุบพรรคการเมือง" สูงสุดที่ร้อยละ 29.1 ตามมาด้วย  "คดีความทางการเมืองของนักการเมืองสำคัญ" ที่ร้อยละ 25.7 และ "การยุบสภา" ที่ร้อยละ 23.9

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลต่อ "การแตกแยกของพรรคร่วมรัฐบาล" ร้อยละ 21.5 และ "การลาออกของรัฐมนตรีสำคัญ" ร้อยละ 20.7 ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ชี้ให้เห็นว่าประชาชนจับตา "อุบัติเหตุทางการเมือง"  ซึ่งอาจเป็นชนวนจุดประกายให้เกิดความไม่แน่นอนและกระทบต่อทั้งความต่อเนื่องทางนโยบายและเศรษฐกิจของประเทศ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อ.ไชยันต์' ยกธรรมะนิยามความเมตตา สรุปใช้ไม่ได้กับ 'ทักษิณ'

ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ความเมตตา กับคุณทักษิณ" โดยระบุว่า

จับตา 3 ดีลสำคัญ เชื่อมฝ่ายอนุรักษ์นิยม ชี้ชะตา ‘รัฐบาลอิ๊งค์-ทักษิณ’ ไปต่อหรือจบแค่นี้

ดีล3ข้อนี้ยังทำไม่สำเร็จ ถ้ารัฐบาลชุดนี้หรือนายทักษิณเปิดดีลต่อกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้ อาจทำให้รัฐบาลชุดนี้เดินต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่ถ้าหากฝ่ายอนุรักษ์นิยม หักดีล ปิดดีล ล้มดีลไป รัฐบาลชุดนี้ก็ถึงจุดจบทางการเมือง

จตุพร เผยกองเชียร์ ‘แม้ว’ โหมปั่น ‘ผิดเป็นถูก’ ดิ้นด้อยค่าแพทยสภา

อับจน สิ้นฤทธิ์กร่าง กองเชียร์โหมปั่นกระแสผิดเป็นถูก ยกสุขภาพคนแก่ชราอ้อนหนีข้อเท็จจริงทางแพทย์ “จตุพร” ตอกซ้ำหลักนิติธรรมอยู่เหนือเมตตาธรรม เชื่อศาลนำผลสอบแพทยสภาไต่สวน หวังทักษิณเป็นแบบอย่างยึดมั่นกระบวนการยุติธรรม กระตุกสติอย่าหนี ให้ยอมรับชะตากรรมคุกอย่างทรนง