วิสุทธิ์รับสภาพลากๆกันไป

"เลขาฯ พท." ลั่นการเมืองไม่มีทางตัน เชื่อฝ่าย กม.ช่วย "นายกฯ อิ๊งค์" ได้แน่ "ปธ.วิปรัฐบาล" รับเสียงปริ่มน้ำแต่ต้องลากกันไปต่อ ขอ สส.ช่วยกันมาประชุม “ชัยเกษม” ยันสุขภาพแข็งแรงพร้อมนั่งนายกฯ หากจำเป็น "ไผ่” การันตีเสียงรัฐบาลมีเติมเรื่อยๆ "รังสิมันต์" ซัด "ทักษิณ" แดงน่ากลัวกว่าส้ม ทำอะไรล้มเหลวทุกด้าน "เทพไท" แนะทางออกพรรคร่วมฯ ดัน "ลุงตู่" หวนคืนนายกฯ "จตุพร" เริ่มมั่นใจ "แม้ว-ฮุน เซน" ละครตบตาบ่อนแลกใจ เหตุผู้นำกัมพูชาเงียบกริบไร้เสียงตอบโต้ ชี้ "สทร." หลุดทำพนันออนไลน์ ปล่อยเขมรทำบ่อนกาสิโนต่อ

เมื่อวันที่ 11 ก.ค.2568 นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุมี 3 แนวทางที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนคำร้อง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม  คดีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาว่า หากถามตนก็อยากให้ออกแนวทางแรก (นายกฯ รอดทำงานต่อ) ซึ่งยืนยันการเมืองไม่มีทางตัน มันจะมีทางไปได้ และในฐานะเป็นพรรคแกนนำ หัวหน้าพรรคกำลังต่อสู้คดีอยู่

"ในฐานะเลขาธิการพรรค ยืนยันพรรคเพื่อไทยเราพยายามทำทุกอย่างให้ออกแนวทางที่หนึ่งมากที่สุด ขณะนี้ทีมกฎหมายที่ร่วมทำคดีมีทั้งในส่วนที่เป็นของพรรคและทีมที่ น.ส.แพทองธารตั้งขึ้นมา เพื่อร่วมกันทำคำชี้แจงต่อศาลตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น" นายสรวงศ์กล่าว

ถามว่า หากเกิดอุบัติเหตุกับ น.ส.แพทองธาร  นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ พร้อมใช่หรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า นายชัยเกษมเป็นแคนดิเดตของพรรค มีความพร้อมอยู่แล้ว และเชื่อว่าสามารถพูดคุยกับพรรคร่วมฯ ได้ และจะทำงานร่วมกันต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ส่วนนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการโหวตถอนร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เสียงรัฐบาลสนับสนุนให้ถอนร่าง 253 เสียง เกินครึ่ง 246 เสียงเพียง 7เสียงว่า การโหวตในวันดังกล่าวเสียงรัฐบาลหลายคนติดภารกิจ

"ยอมรับเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำจริง แต่ต้องลากกันไปแบบนี้ ถ้าให้รัฐมนตรีมาสภาทุกวันพุธวันพฤหัสฯ ก็พอไปได้ สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องมีวินัยในตัวเอง มาร่วมประชุมสภาทุกครั้ง แม้จะลำบากนิดนึงก็ตาม ต้นทุนเสียง สส.รัฐบาลขณะนี้อยู่ที่ 250 กว่าถึง 260 เสียง ถือว่าพอไปได้อยู่ แต่ต้องช่วยกัน  สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ก็เสียงปริ่มน้ำเกินมา 5-6 เสียงยังไปได้ ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกัน" นายวิสุทธิ์กล่าว

ถามถึงกรณีหากต้องให้นายชัยเกษมมาดำรงตำแหน่งนายกฯ สส.พรรคจะมีปัญหาหรือไม่  ประธานวิปรัฐบาลกล่าวว่า หากต้องมีไม้สองนายชัยเกษมมารับช่วงต่อก็ไม่กังวล สส.ทุกคนให้การยอมรับและเคารพนายชัยเกษมที่ไม่มีอะไรเสียหาย  มีความสามารถ เป็นผู้ใหญ่ที่นิ่งๆ สามารถทำงานได้ มั่นใจ สส.ทุกคนให้การยอมรับ จะไม่เกิดปัญหาตามมา

ขณะที่นายชัยเกษมให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องยังไม่เกิดขึ้น ยังไปไม่ถึงจุดนั้น อย่าเพิ่งมาถาม รอให้ไปถึงจุดนั้นก่อนค่อยว่ากัน อย่าไปคาดการณ์อะไรล่วงหน้า

'ชัยเกษม' ลั่นพร้อมนั่งนายกฯ

"คนเคยเป็นข้าราชการ ไม่ว่าจะทำอะไร ที่ไหน  ก็ต้องพร้อม ไม่ต้องห่วง มีประสบการณ์มาเยอะ  ความพร้อมไม่ต้องพูดถึง แต่จะเป็นไปได้หรือไม่รอให้ถึงเวลานั้นก่อน ถ้าไปพูดถึงก่อนแล้วไม่เกิดขึ้นจริงจะอายเปล่าๆ" นายชัยเกษมกล่าว

ถามว่า นายทักษิณเคยพูดคุยให้เตรียมพร้อมรับตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.รายนี้ระบุว่า ยังไม่เคยคุยกับนายทักษิณ  สถานการณ์จะไปถึงจุดนั้นหรือไม่ยังไม่รู้ ถ้าเกิดขึ้นจริงก็พร้อมทำงานให้ประเทศโดยไม่มีเงื่อนไข สุขภาพไม่มีปัญหา แข็งแรงดี แต่ถ้าไม่เกิดขึ้นก็ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวต่อไป

นายชัยเกษมเชื่อว่า สถานการณ์ประเทศไม่มีทางตัน เชื่อว่าคนไทยคุยกันรู้เรื่อง คงไม่มีใครอยากให้ประเทศเดินต่อไม่ได้ มั่นใจว่าประเทศสามารถเดินต่อได้ เราผ่านอุปสรรคมากี่ยุคสมัยแล้ว

ที่โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์  สเปซ พัทยา จ.ชลบุรี พรรคกล้าธรรม (กธ.) มีการจัดงานสัมมนาพรรค โดยนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร และเลขาธิการพรรค กธ. กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้จุดประสงค์คือต้องการละลายพฤติกรรม ให้ สส.ทุกคนมาฟังเกี่ยวกับโซเชียล ให้เข้าถึงการหาเสียงและรู้เท่าทันความเป็นไปของโลก โดยมีวิทยากรที่เก่งมาช่วยเสริมศักยภาพ ให้ผู้สมัคร สส.ที่เราคัดเลือกแล้ว เพราะเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปพวกเราต้องใช้สิ่งเหล่านี้มาช่วย

"การเป็นนักการเมืองและพรรคการเมืองเราต้องพร้อมเลือกตั้งตลอดเวลา แต่กิจกรรมครั้งนี้ไม่ได้หมายถึงจะมีการเลือกตั้งเร็วๆ นี้" นายไผ่กล่าว

ถามว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ พรรค กธ.มีการเตรียมรับมือกับอุบัติเหตุการเมืองที่อาจจะเกิดขึ้นกับ น.ส.แพทองธารอย่างไร นายไผ่กล่าวว่า หลายคนบอกว่าวันนี้ประเทศถึงทางตัน แต่ตนไม่เห็นว่าจะตันตรงไหนเลย การที่นายกฯ ถูกร้องเรียนถือเป็นเรื่องปกติ ถ้าถึงวันนั้นมันเป็นอย่างไรถูกผิดก็ว่ากันไป ตนคิดว่าไม่มีอะไรตันเลย

ซักถึงจำนวนเสียงของรัฐบาลที่เคยระบุมีเสียงในสภาผู้แทนราษฎร 280+ ตอนนี้เป็นอย่างไร เลขาฯ พรรค กธ.กล่าวว่า ตนไม่ได้บอก 280 แต่บอก 260 และมาเรื่อยๆ เดี๋ยวรอดูกันไป ครั้งที่แล้วยังขาดอยู่หลายคน ตนคิดว่าเรื่องขององค์ประชุมไมได้เป็นปัญหา เพราะตอนนี้ก็ผ่านเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวก็จะมีมาเรื่อยๆ

ถามถึงกรณี 3 สส.อีสานพรรคภูมิใจไทยโหวตให้รัฐบาล เป็นฝีมือของพรรค กธ.หรือไม่ นายไผ่ยิ้มพร้อมกล่าวว่า ให้เขาพูดเองดีกว่า เมื่อถามย้ำว่าตกลงขณะนี้รัฐบาลมีกี่เสียงกันแน่ นายไผ่กล่าวว่า หลังจากนี้ก็คงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณยืนยันการเมืองไทยยังไม่ถึงทางตันว่า  เห็นด้วยกับที่นายทักษิณบอกว่ายังไม่ถึงทางตัน  แต่ทุกฝ่ายต้องไม่พยายามที่จะสร้างสถานการณ์ให้นำไปสู่สิ่งที่เรียกว่าทางตัน การเมืองมีทางออกเสมอ เพียงแค่มีบางฝ่ายที่พยายามสร้างทางตันเช่นนั้น แต่ปัญหาคือเมื่อนายทักษิณทราบว่าอาจจะมีบางฝ่ายที่พยายามจะสร้างสถานการณ์เช่นนั้น  คำถามคือนายทักษิณจะทำอย่างไร จะปล่อยให้บ้านเมืองถูกบริหารในสภาวะที่รัฐบาลขาดความชอบธรรมเช่นนี้จริงๆ หรือ

ถามถึงการที่นายทักษิณระบุหากแดงกับส้มรวมกันจะเกิดเป็นสีแสด ซึ่งแรงเกินไป นายรังสิมันต์กล่าวว่า เป็นสิทธิของนายทักษิณที่จะวิพากษ์วิจารณ์ แต่การพูดเช่นนี้คือความพยายามที่จะทำให้พรรค ปชน.ดูน่ากลัว และตนคิดว่าความน่ากลัวที่สุดไม่ใช่สีส้ม แต่ความน่ากลัวที่สุดคือการบริหารประเทศ โดยคิดเพียงว่าผลประโยชน์ต้องอยู่กับครอบครัวของตนเอง การพาคนในครอบครัวกลับมาโดยไม่คิดว่าจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอะไรเลย อีกทั้งยังทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย การบริหารประเทศโดยมีนายกฯ หลายคน

โรมสวนแม้วแดงน่ากลัวกว่าส้ม

 “นี่คือความน่ากลัวที่พาประเทศไทยสู่ความล้มเหลว ยังไม่นับว่าสถานการณ์ของพรรค พท.ในวันนี้ ที่น่ากลัวยิ่งกว่าพรรคส้มแน่นอน คือการที่ไม่สามารถตอบสนองต่อนโยบายที่เคยให้ไว้กับประชาชนได้ และจริงๆ อย่าว่าสีไหนน่ากลัวเลย สีแดงตอนนี้น่ากลัวยิ่งกว่า เพราะล้มเหลวในทุกด้าน” นายรังสิมันต์กล่าว

ถามว่า ขณะนี้เสียงของรัฐบาลปริ่มน้ำจะบีบให้รัฐบาลต้องมีความประนีประนอมมากขึ้น โดยหันมาร่วมมือกับพรรค ปชน.ในการโหวตกฎหมายต่างๆ หรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า เรื่องหน้างานที่ต้องโหวตกฎหมาย เราต้องพยายามทำอย่างเต็มที่ เพราะถือว่าเป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติ แต่หลักการเราไม่เคยเปลี่ยน คือการพยายามทำให้รัฐบาลเข้าใจว่าการยุบสภาคือทางออกที่ดีที่สุด ส่วนหากไม่ยุบสภาความชอบธรรมของเขาก็ลดลงเรื่อยๆ และสุดท้ายเราก็ยอมรับว่ากลไกเรื่องนิติสงครามก็รออยู่ ถึงที่สุดพรรค พท.ไปต่อเช่นนี้ไม่ได้แล้ว

ซักว่าพรรค ปชน.พร้อมจะให้ความร่วมมือกับพรรค พท.หรือพรรคร่วมรัฐบาลในการโหวตกฎหมายสำคัญๆ หรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า คงต้องไปดูว่าเป็นกฎหมายเรื่องอะไร ซึ่งตอนนี้คนที่จะใช้คำว่าเราให้ความร่วมมือคงไม่ใช่พรรค ปชน.  แต่ตนคิดว่าพรรค พท.จะให้ความร่วมมือหรือไม่ เพราะกฎหมายหลายอย่างที่เราอยากเห็นประเทศเดินหน้า เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม พรรค พท.จะให้ความร่วมมือหรือไม่ เนื่องจากเขาไม่ได้เสนออะไร

"อาจจะต้องไปถามทางพรรค พท.ว่ายังมีกะจิตกะใจในการดำเนินการที่จะผ่านกฎหมายใดๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติหรือไม่ หรือวันนี้เป็นแค่โหมดการเอาตัวรอด" นายรังสิมันต์ระบุ

ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ "แทงสวนทักษิณต้อง 5 ออปชัน ไม่ใช่ 3" เนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า นายทักษิณได้พูดถึงคดีของ น.ส.แพทองธารที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องและมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งนายทักษิณได้พูดถึงทางออกของคดีนี้ว่ามีอยู่ 3 ออปชัน คือ 1.หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า น.ส.แพทองธารไม่ผิดจะทำหน้าที่ต่อไปและอยู่ยาว 2.ถ้าหากว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า น.ส.แพทองธารมีความผิดต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท.ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน 3.ถ้าหากออปชันแรกกับออปชัน 2 เดินหน้าไปไม่ได้ ไม่สามารถสร้างเสถียรภาพหรือได้รับการสนับสนุน ก็เป็นออปชันสุดท้าย คือยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน

"ผมในฐานะนักวิเคราะห์ทางการเมือง เห็นว่านายทักษิณลืมทางออกไปอีก 2 ออปชัน นั่นก็คือ ออปชันแรก ถ้าหากว่านายทักษิณประเมินสถานการณ์และความเป็นไปได้ของคดี ถ้าเห็นว่าคดีของ น.ส.แพทองธารไปไม่รอด จะถูกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็อาจจะชิงลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก่อน เพื่อไม่ให้ความผิดเกี่ยวกับด้านจริยธรรมติดตัว น.ส.แพทองธาร จะเป็นการทำลายอนาคตทางการเมืองของ น.ส.แพทองธารได้" นายเทพไทกล่าว

อดีต สส.นครศรีธรรมราชระบุว่า ส่วนอีกออปชันหนึ่ง หลังจากที่เสนอชื่อนายชัยเกษมขึ้นเป็นนายกฯ แล้ว แต่ไม่ได้รับการยอมรับจากพรรคฝ่ายอนุรักษนิยม และถูกสกัดไม่ให้มีการยุบสภา  เพราะรู้ว่าทุกพรรคยังไม่มีความพร้อมในการเลือกตั้ง อาจจะแพ้พรรค ปชน.ได้ จึงจำเป็นต้องเปิดดีลใหม่ระหว่างนายทักษิณกับฝ่ายอนุรักษนิยม สรรหานายกฯ คนใหม่ ที่ไม่ใช่นายชัยเกษม ซึ่งมีปัญหาเรื่องสุขภาพและจุดยืนทางการเมือง เรื่องทัศนคติต่อมาตรา 112

"ถ้าหากจะพิจารณาจากรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ที่เหลืออยู่ คือนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค  และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ  จากพรรครวมไทยชาติ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์   แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคประชาธิปัตย์  เห็นว่ารายชื่อทั้งหมดนี้ ชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ มีความเป็นไปได้มากที่สุด ฝ่ายอนุรักษนิยมทั้งหมดน่าจะเห็นพ้องและยอมรับ เพราะเคยร่วมรัฐบาลด้วยกัน   ส่วนนายทักษิณก็สามารถยอมรับได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการในกรณีที่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ" อดีต สส.นครศรีธรรมราชระบุ

นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนพรรค ปชน. ซึ่งไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ แต่ก็สมประโยชน์ ถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นนายกฯ ก็สามารถนำมาเป็นเงื่อนไขใช้เป็นประเด็นสำหรับการหาเสียงได้ การที่นายทักษิณบอกว่ามีทางออกอยู่ 3 ออปชันนั้น  สำหรับความเห็นของผมยืนยันว่าน่าจะมีอยู่ 5 ออปชัน

ชี้ทักษิณ-ฮุน เซนละครตบตา

วันเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอนหนึ่งระบุว่า ยังเชื่อว่านายทักษิณ สทร. สร้างเรื่องเล่าคลิปเสียงหลุดระหว่างนายกฯ อุ๊งอิ๊งกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิของกัมพูชา เป็นเพียงการแสดงละครการเมือง ผลัดกันขยี้เอาคืนและมีการถอนบ่อนกาสิโนเป็นฉากหลังตบตาประชาชน

นายจตุพรกล่าวว่า หลังจากคลิปอุ๊งอิ๊ง-ฮุน เซน  หลุดเมื่อ 17 มิ.ย. เป็นเวลากว่า 20 วัน นายทักษิณจึงรุกกลับรุนแรงเมื่อ 9 ก.ค. ซึ่งเป็นวันเดียวกับรัฐบาลพรรค พท.ถอนร่าง พ.ร.บ.บ่อนกาสิโนออกจากสภา นอกจากนี้ ในวันที่ 9 ก.ค. นายทักษิณยังเดินสายเล่าเรื่องสร้างโชว์วิสัยทัศน์ชื่นชมลูกสาวตัวเองทำซอฟต์พาวเวอร์ และให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเนชั่นในหัวข้อผ่าทางตันประเทศไทย แสดงถึงการโหมขยี้ใส่ฝ่ายกัมพูชา แต่ถึงขณะนี้ฮุน เซน ยังเงียบกริบ ซึ่งเป็นพฤติกรรมผิดปกติของนักโพสต์สื่อโซเชียลได้แทบทุกวัน อีกทั้งมีข้อสงสัยเพื่อประโยชน์สาธารณะว่า การถอนร่าง พ.ร.บ.บ่อนกาสิโนเปิดโอกาสให้ทักษิณได้ฟาดกลับฮุน เซน เพื่อเอาใจกองเชียร์คนไทยหรือไม่ ขณะที่ฮุน เซน เงียบเชียบอยู่ คงหายว้าวุ่นใจได้ชั่วคราวกับบ่อนกาสิโนไทยที่จะมาเป็นอุปสรรคสร้างรายได้ของบ่อนชายแดนกัมพูชา

นายจตุพรกล่าวว่า ฟังเรื่องเล่าของนายทักษิณแล้วย่อมสงสัย เพราะการชี้แจงของนายกฯ อุ๊งอิ๊งในกรณีคลิปหลุดมีถึง 4 ครั้ง แต่ไม่มีเนื้อหาตรงตามเรื่องเล่าของทักษิณเลย ดังนั้นถ้าคลิปตามทักษิณเล่าเรื่องมีอยู่จริง ทำไมอุ๊งอิ๊งไม่อธิบายเรื่องนี้ เพื่อผ่อนคลายสถานการณ์กดดันให้เบาลงไปอีกแบบ แต่เรื่องเล่าของทักษิณเป็นการสร้างเรื่องให้ใหญ่กว่าไปอีก โดยฟาดเต็ม ใช้คำรุนแรงหนักมาก เช่น กล่าวหาวางแผนอัดเสียง, ต่อไปใครจะคบกับมัน หรือซัดเรื่องทอง ยังยกการถ่ายทุกข์ทุกเช้าฝากไว้ที่ส้วมบ้านฮุน เซน ซึ่งเป็นคำแรง และคือการท้าทาย แต่ทางกัมพูชาเงียบกริบ

"ทำไมทักษิณเลือกโต้แรงในวันที่ 9 ก.ค. หรือเป็นเรื่องถอนบ่อนแลกใจให้ฮุน เซนเงียบ แต่สิ่งนี้ทำให้กองทัพ แม่ทัพนายกองเดือดร้อนต้องตรึงกำลังตามแนวชายแดนอีกอย่างไม่สงสัยกับการแสดงออกจัดเต็มของทักษิณ และอย่าเรียกว่าครอบงำ เพราะการอธิบายในแต่ละประเด็นเมื่อ 9 ก.ค. ใหญ่กว่าการครอบงำ ถึงกับ สทร.โทร.หา ผอ.ฮวด ให้ไปบอกลูกพี่ว่า ลูกเราเป็นผู้นำสองประเทศ แล้วจะรบกันเหรอ เรื่องเล่าของทักษิณจึงไม่ปกติ" นายจตุพรระบุ

นอกจากนี้ นายจตุพรระบุว่า ในวันที่ถอนร่าง พ.ร.บ.บ่อนกาสิโนนั้น นายทักษิณได้เปิดความต้องการใหม่คือ ยกการพนันออนไลน์ให้ถูกกฎหมาย จะทำให้มีรายได้เข้าประเทศถึง 3 แสนล้านต่อปี  ซึ่งมากกว่ารายได้จากบ่อนกาสิโน อย่างไรก็ตาม การพนันออนไลน์เป็นเครือข่ายสำคัญที่โยงจากบ่อนกาสิโน ดังนั้นการขยับตัวทุกอย่างของทักษิณจึงมีความน่าสงสัยผิดปกติ.