"เพื่อไทย" เสนอชื่อ "ฉลาด ขามช่วง" นั่งรอง ปธ.สภาฯ คนที่ 2 ไร้คู่แข่ง เจ้าตัวบอกพร้อมทำหน้าที่สุดความสามารถ "วันนอร์" ยินดีหวังสภาฉลาดเหมือนชื่อรองประธานสภาฯ "เต้น ณัฐวุฒิ" นั่งประธาน กมธ.นิรโทษฯ "หมอเชิดชัย-โรม-วิชัย" นั่งรอง ปธ. ขณะที่ศาล รธน.ไต่สวนคดี "พิเชษฐ์" แปรงบ 69 ลงพื้นที่ตัวเอง ก่อนชี้ชะตา 1 ส.ค. ด้าน กกต.ได้ฤกษ์ยื่นศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิ "หมอเกศ" ใช้ตำแหน่ง "ศาสตราจารย์" เก๊
ที่รัฐสภา วันที่ 24 กรกฎาคม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาญัตติเลือกรองประธานสภาฯ คนที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นผู้เสนอ
โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรค พท. เสนอชื่อนายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรค พท. เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ซึ่งมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 20 คน ทั้งนี้ พบว่ามีการเสนอชื่อนายฉลาดเพียงชื่อเดียว ซึ่งตามข้อบังคับการประชุมทำให้ไม่ต้องมีการลงมติ และถือว่านายฉลาดได้รับเลือกและให้แสดงวิสัยทัศน์ต่อการทำหน้าที่
ด้านนายฉลาด ในฐานะผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2 กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ว่า วันนี้เป็นโอกาสหนึ่งที่สภาของพวกเราจะทำหน้าที่เลือกรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ตนต้องขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่เสนอชื่อตนเพียงคนเดียว ทั้งนี้ ตนจะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือประธานสภาฯ ทำหน้าที่ทั้งในสภาและนอกสภา ที่สำคัญตนจะทำตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่คำนึงถึงว่ามาจากพรรค พท.
"ผมเป็นตัวแทนของเพื่อนสมาชิกทุกคน 500 คน จะวางตัวเป็นกลางทางการเมือง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของสภา รักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และจะสร้างสภาให้เป็นสภาน่าอยู่ ไม่เป็นสภาที่น่าเบื่อ เป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน และเป็นที่ต้องการของเพื่อนสมาชิก มาแล้ว กลับไปแล้ว อยากมาอีก นั่นคือจะสร้างสภาให้มีชีวิตชีวา และขอยืนยันกับประธานและเพื่อนสมาชิกว่า จะทำหน้าที่รองประธานสภาฯ คนที่ 2 จนสุดความสามารถ" นายฉลาดกล่าว
จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า เนื่องจากมีผู้สมัครเพียงคนเดียวคือนายฉลาด ขามช่วง และได้แสดงวิสัยทัศน์เรียบร้อยแล้ว ก็ถือว่านายฉลาดได้รับเรื่องจากที่ประชุมให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ตนขอแสดงความยินดีด้วย เราได้รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ชื่อฉลาดแล้ว หวังว่าสภาเราคงจะฉลาดทั้งสภา
เมื่อนายวันมูหะมัดนอร์พูดจบได้มีเสียงหัวเราะดังก้องสภา ก่อนที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับนายฉลาดที่ได้รับเลือกให้เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ตนอยากเสนอนิดหนึ่งว่า ขอชื่นชมทุกพรรคการเมืองในสภาแห่งนี้ที่ไม่มีการเสนอชื่อแข่ง เพราะตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ต้องเป็นตำแหน่งของฝ่ายรัฐบาล หากฝ่ายค้านเสนอแล้วได้ ยุ่งตายห่าเลย ถือว่าการไม่แข่งขันแม้จะแพ้หรือไม่ก็ตาม ตนอยากให้เป็นประเพณีและวัฒนธรรมในด้านดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการเลือกรองประธานสภาฯ คนที่ 2 เสร็จสิ้น บรรดา สส.พรรค พท.ต่างพากันมาแสดงความยินดีกับนายฉลาด เช่นเดียวกับนายชาดา และยังมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ (ปช.) ได้มาร่วมจับมือแสดงความยินดีกับนายฉลาดด้วย
เวลา 13.30 น. ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ..... นัดแรก เพื่อเลือกตำแหน่งต่างๆ ใน กมธ. โดยมี นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) และนายวรวิทย์ บารู สส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ (ปช.) เป็นประธานการประชุมชั่วคราว จากนั้นที่ประชุมมีมติเลือกนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะ กมธ.สัดส่วนของพรรค พท. เป็นประธาน กมธ. ขณะที่รองประธาน กมธ. จำนวน 5 คน ได้แก่ นพ.เชิดชัย, นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.), นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.), นายซาการียา สะอิ สส.นราธิวาส พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค รทสช.
สำหรับโฆษก กมธ. ได้แก่ น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรค ปชน., นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ และนายเอกชัย ไชยนุวัติ โดยจะมีการประชุมทุกวันพฤหัสบดี ในเวลา 13.30 น. ซึ่งการประชุมนัดถัดไปจะเป็นวันที่ 31 ก.ค.
วันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคดีที่นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.พรรคประชาชน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวม 121 คน ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ยื่นคำร้องเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม กรณีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ผู้ถูกร้อง เป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการและให้มีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ จำนวน 3 โครงการ ที่ผู้ถูกร้องมีส่วนโดยทางตรงและทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 และในกรณีที่สำนักงานเลขาธิการสภาฯ มีคำขอเสนอโครงการทั้ง 3 โครงการดังกล่าวอีกครั้ง ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2569 เป็นการเสนอของบประมาณด้วยโครงการที่มีรูปแบบเดียวกันและต่อเนื่องกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่ผู้ถูกร้องมีส่วนในการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำใดๆ ที่มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงและทางอ้อม ในการใช้งบประมาณฯ พ.ศ.2569 อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง
การไต่สวนวันนี้ศาลอนุญาตให้เฉพาะคู่กรณี ผู้เกี่ยวข้อง และบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตเท่านั้น เข้าร่วมรับฟังการไต่สวน และงดการถ่ายทอดสดทั้งภาพและเสียงในระหว่างการไต่สวน ซึ่งพยานที่เข้าไต่สวนมีทั้งสิ้น 9 ปาก ประกอบด้วย นายภัณฑิล ผู้ร้อง, นายพิเชษฐ์ ผู้ถูกร้อง, นายจีรพงศ์ วัฒนะรัตน์ ที่ปรึกษาคณะทำงานทางการเมืองของผู้ถูกร้อง, ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาฯ, นายกุลพล วัชรกาฬ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย, นายวรพงษ์ แพรม่วง วิทยากรชำนาญการ สำนักงานสภาผู้แทนราษฎร, นายธีรวัฒน์ เอื้อพอพล ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานรองประธานสภาฯ คนที่ 1, นายนาถะ ดวงวิชัย ผู้อำนวยการสำนักประธานสภาฯ, นางวรรณฤทัย สงวนรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สภาฯ
อย่างไรก็ตาม ศาลได้กำหนดนัดแถลงด้วยวาจาปรึกษาหารือและลงมติคดีนี้ในวันศุกร์ที่ 1 ส.ค.68 เวลา 09.30 น. และนัดคู่กรณีฟังคำวินิจฉัยในเวลา 15.00 น. ของวันเดียวกัน
มีรายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ ไปยื่นคำฟ้องต่อศาลฎีกาขอให้พิจารณาสั่ง เพิกถอน สิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ น.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 62 ประกอบมาตรา 77 (4) และรัฐธรรมนูญมาตรา 226 กรณีใช้ตำแหน่งศาสตราจารย์ในการยื่นสมัครและแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาแล้ว กรณีดังกล่าว กกต.มีมติตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 เม.ย.68 และใช้เวลาเกือบ 3 เดือนจึงจะจัดทำคำวินิจฉัยแล้วเสร็จ และเผยแพร่เมื่อต้นสัปดาห์นี้ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความล่าช้าและประสิทธิภาพในการทำงาน
อย่างไรก็ตาม หากศาลฎีกามีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณาวินิจฉัย น.ส.เกศกมลจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ สว.ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา และหากศาลมีคำพิพากษายืนตามที่ กกต.เสนอ จะมีโทษตามมาตรา 77 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการ (4) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้บุคคลอื่น เข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณของผู้สมัครใด เพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือถอนการสมัคร หรือกระทำการใดๆ อันไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ผู้นั้นหมดสิทธิที่จะเลือกหรือได้รับเลือก หรือเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท


