ขยับจีดีพีโต2.2% รับครึ่งปีหลังแผ่ว ข่าวดีค่าไฟลดอีก

"พิชัย" รับเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังแผ่ว รัฐเตรียมงบประมาณเยียวยาเต็มสูบ แจงภาษีทรัมป์ลุยยื่นข้อเสนอไฟนอล "คลัง" ปรับจีดีพีปีนี้เพิ่มเป็น 2.2% อานิสงส์ภาคการผลิต-ส่งออก-บริโภคในประเทศหนุนเต็มพิกัด "พีระพันธุ์" แจ้งข่าวดีค่าไฟงวด ก.ย.-ธ.ค.68 ลดเหลือ 3.95 บาทต่อหน่วย

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ว่าอาจจะชะลอลง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการรอความชัดเจนในการเจรจาภาษีกับสหรัฐอเมริกา และยังมีปัจจัยกดดันอื่นๆ ด้วย ส่วนปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชานั้น ยอมรับว่าอาจจะส่งผลกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจไทยบ้าง แต่รัฐบาลได้เตรียมงบประมาณที่จะใช้ในการเยียวยา ซึ่งรวมไปถึงการซ่อมแซมต่างๆ ตรงนี้จะเหมือนกับการใช้งบประมาณที่มีอยู่เพิ่มเข้าไป ซึ่งก็น่าจะเข้าไปช่วยทดแทนและกระตุ้นเศรษฐกิจได้

 “ถ้าเทียบกับ 3 เดือนที่แล้ว ที่กระทรวงการคลังคาดการณ์จีดีพีไทยปี 2568 อยู่ที่ 2.1% ตอนนั้นน่าจะประเมินว่าการท่องเที่ยวของไทยจะชะลอลง แต่ภาพรวมครึ่งปีแรกการส่งออกยังดีอยู่ ส่วนครึ่งปีหลังคงต้องว่ากันอีกทีว่าการส่งออกจะเป็นอย่างไร อาจจะต้องรอดูเรื่องภาษีสหรัฐด้วย แต่ล่าสุดทราบว่าสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2.2% กระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อย” นายพิชัยกล่าว

สำหรับความคืบหน้าการเจรจาภาษีนำเข้ากับสหรัฐนั้น รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ระบุว่า ขณะนี้ได้เร่งทำงานอย่างเต็มที่ โดยยังมีเวลาอีก 1 วัน ยังมีการติดต่อประสานงานกับทางสหรัฐอยู่ตลอดเวลา เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ไทยเพิ่งได้มีการตอบข้อเสนอทางสหรัฐไป การเจรจายังมีการพูดคุย ปรับแก้ไขอยู่ต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยวันนี้ (30 ก.ค.) ไทยจะมีการตอบข้อเสนอทางสหรัฐอีกครั้ง ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ

ทั้งนี้ ประเด็นเรื่องความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชานั้น ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเจรจาภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐแล้ว เพราะจนถึงตอนนี้ทางสหรัฐไม่ได้มีการสั่งให้หยุดการเจรจาแต่อย่างใด ส่วนหนึ่งก็มาจากสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนที่ขณะนี้ถือว่าเบาลงแล้ว ยังมีเวลาอีก 1 วัน ทำงานเต็มที่ แน่นอนว่าเราต้องทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นไปได้ แม้ว่าจะยากลำบากบ้าง โดยตอนนี้ได้เร่งทำงานตลอด

ด้าน นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในปี 2568 เพิ่มขึ้นเป็น 2.2% จากคาดการณ์เดิมที่ 2.1% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวดี โดยคาดว่าจะสามารถกลับมาขยายตัวได้ที่ 1.2% ต่อปี จากปีก่อนหน้าที่หดตัว -0.4% ต่อปี จากการฟื้นตัวของการผลิตยานยนต์และการผลิตชิ้นส่วน และแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์เป็นสำคัญ ขณะที่การส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 5.5% จากคาดการณ์เดิมที่ 2.3% เนื่องจากการเร่งนำเข้าของประเทศคู่ค้าที่สูงกว่าในครึ่งปีแรก ส่วนครึ่งปีหลังการส่งออกมีทิศทางชะลอตัวลง จากผลกระทบของภาษีนำเข้าสหรัฐ รวมถึงการบริโภคภายในประเทศที่ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง ที่ 3.1% ต่อปี ตามกำลังซื้อในประเทศ สะท้อนจากภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในประเทศที่ขยายตัวได้ดี โดยเติบโตติดต่อกัน 9 ไตรมาส

นอกจากนี้ คาดว่าการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 3% ต่อปี โดยมีทิศทางการฟื้นตัวต่อเนื่องและยังได้รับแรงสนับสนุนจากการขอรับการส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน  มูลค่าสูงกว่า 1 ล้านล้านบาท จาก 1,880 โครงการในครึ่งปีแรก ส่วนการบริโภคภาครัฐ คาดว่าจะขยายตัวที่ 1.2% ต่อปี การลงทุนภาครัฐขยายตัว 3.9% ต่อปี จากการเบิกจ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง และมีแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้วงเงิน 1.57 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติจัดสรรวงเงิน 1.15 แสนล้านบาท ครอบคลุมโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน

 “การปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยที่ 2.2% นั้น ดีขึ้นกว่าคาดการณ์เดิมที่ 2.1% และเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้มีการปรับประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 ล่าสุดว่าจะขยายเพิ่มขึ้นเป็น 2% จากคาดการณ์เดิมที่ 1.8% ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลังอาจจะเผชิญกับความท้าทายจากแรงกดดันมาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐ ที่ส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อม จากครึ่งปีแรกที่มองว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดี” นายพรชัยระบุ

สำหรับคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าไทยในปีนี้ ปรับลดลงมาอยู่ที่ 34.5 ล้านคน จากเดิม 36.5 ล้านคน ชะลอลง 2.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่คาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาโตอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4/2568 เนื่องจากเป็นไฮซีซัน ส่วนการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในครั้งนี้ ได้รวมผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือ และปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ดี ในการปรับประมาณการครั้งนี้ สศค.ได้ตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับความชัดเจนการหารือภาษีนำเข้ากับสหรัฐว่า ไทยจะได้รับข้อตกลงในไตรมาส 3/2358 (ส.ค.-ก.ย.) มองว่าจะได้รับอัตราภาษีนำเข้าผ่อนปรนในช่วง 15-36% เชื่อว่าไทยจะไม่ได้รับ 36% แน่นอน

ขณะที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เปิดเผยถึงแนวโน้มค่าไฟงวดสุดท้ายของปี (งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2568) ว่า ตามที่ ครม.มีมติกำหนดอัตราเป้าหมายของค่าไฟฟ้าไว้ไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย สำหรับงวดเดือน พ.ค.-ส.ค.2568 และงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.2568 ซึ่งสามารถทำได้ที่ 3.98 บาทต่อหน่วยนั้น ได้หารือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อหาแนวทางที่จะปรับลดค่าไฟงวดสุดท้ายของปีนี้ให้ต่ำลงไปอีก เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของประชาชน เพราะค่าก๊าซมีแนวโน้มลดลง และมีเงินบางส่วนที่สามารถนำมาช่วย กฟผ.ในส่วนนี้ได้ ล่าสุดมีข้อสรุปจาก กฟผ.ว่า สามารถปรับลดค่าไฟให้ต่ำลงมาได้อีก โดยน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.95 บาทต่อหน่วย ซึ่ง กฟผ.จะมีหนังสือแจ้ง กกพ.เพื่อกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับงวดสุดท้ายของปีให้เป็นตามอัตราดังกล่าวต่อไป ซึ่งเชื่อว่าประชาชนน่าจะได้รับข่าวดีในเร็วๆ นี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก

นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม