ถกงบ 69 วันที่ 2 “สส.ปชน.” ชำแหละงบ ก.เกษตรฯ ทำโครงการตลาดกลางที่ จ.พะเยาส่อผูกขาด ฉะ "ล้งแห่งชาติ" ล้มเหลวงตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม "กรวีร์” กังขางบกรมการข้าวส่วนใหญ่ซื้อครุภัณฑ์สิ่งปลูกสร้าง "ภัณฑิล” ฉะงบสร้างสนามบินทุกจังหวัดทั้งที่ของเก่าเละเทะ “ภัสริน” ซัดสร้างท่าเรือรัฐสภาค่าตกแต่งเจดีย์กว่า 10 ล้าน "ศุภณัฐ-สุรเชษฐ์” จวกตึก ก.คมนาคม 5 พันล้านแพง 3 เท่า ใหญ่เกินคนใช้ ขณะที่ "2 สส.ขอนแก่น ปชน." เล่าไทม์ไลน์ โดนซื้อเสียงโหวตงบ 10 โล แบบไม่ย้ายพรรค ยังมี "สส.นนทบุรี" โดนด้วย เชื่อไม่ใช่คนธรรมดา สูงกว่า "ส." พร้อมให้ตรวจสอบคลิปเสียง
ที่รัฐสภา เวลา 09.35 น. วันที่ 14 สิงหาคม มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วาระ 2-3 เป็นวันที่ 2 โดยพิจารณามาตรา 14 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานในกำกับ โดยนายวิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก สส.ลำพูน พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายงบประมาณในส่วนขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) ว่า มี 2 โครงการที่ไม่ตอบโจทย์ให้กับพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ และเสี่ยงต่อการใช้เงินภาษีอย่างไม่คุ้มค่า เสี่ยงต่อการล้มเหลวของโครงการ ได้แก่ โครงการตลาดกลางที่ จ.พะเยา และโครงการล้งแห่งชาติ
นายวิทวิสิทธิ์กล่าวว่า โครงการตลาดกลางที่ จ.พะเยา ปีงบ 69 อตก.ของบทั้งหมด 84,623,500 บาท เพื่อสนับสนุนการตลาดให้กับเกษตรกร แต่มีจำนวน 41,321,500 บาท ถูกเทไปในพื้นที่เดียวคือ จ.พะเยา ภาพรวมของโครงการนี้ถ้าแล้วเสร็จจะใช้งบประมาณสูงถึง 168,169,000 บาท ขอถามตรงๆ ว่าทำไมต้องลงไปที่ จ.พะเยา ทำไมต้องกระจุกงบประมาณไปที่จังหวัดเดียว ในเมื่อภาษีเป็นของคนทั้งประเทศ และภาคเหนือตอนบนมีถึง 8 จังหวัด เมื่อดูมูลค่าการส่งออกของสินค้าเกษตรของ จ.พะเยาไปยังประเทศลาว ต่ำกว่า จ.เชียงรายและน่านมากกว่า 3 เท่า
“คำถามคือใครได้ประโยชน์จากการเลือกโครงการที่ลงที่ จ.พะเยา การเลือกครั้งนี้เป็นเพราะเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจจริงๆ หรือการเมือง เพราะหากจะสร้างตลาดกลางที่ภาคเหนือจริงๆ ต้องกระจายไปหลายจังหวัด เชื่อมโยงกันด้วยระบบโลจิสติกส์และการขนส่งเย็น ไม่ใช่ปักเสาหลักกองเดียว และถ้าโครงการนี้สำเร็จก็จะเสี่ยงต่อการเป็นตลาดผูกขาด เกษตรกรจังหวัดอื่นต้องแบกภาระต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มมากขึ้น ถ้าไม่สำเร็จก็จะกลายเป็นตลาดร้าง ทำให้ภาษีของประชาชนหลาย 100 ล้านบาท ถูกเททิ้งลงคลองเหมือนเดิม” นายวิทวิสิทธิ์กล่าว
นายวิทวิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ส่วนโครงการล้งแห่งชาติ อตก.ตั้งงบ 11,612,000 บาท เพื่อศึกษาต้นแบบการสร้างล้งแห่งชาติ โดยให้ อตก.ทำหน้าที่เป็น เอกชน ซึ่งเสี่ยงที่จะล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม เพราะเรารู้อยู่แล้วว่ารัฐวิสาหกิจมีขั้นตอนการอนุมัติในการจัดซื้อจัดจ้างที่ล่าช้า และเจ้าหน้าที่ของรัฐส่วนใหญ่ก็ยังไม่มีทักษะเชิงพาณิชย์ และก็ต้องพึ่งพางบประมาณของรัฐเป็นหลัก ถ้าถูกตัดงบโครงการนี้ก็จะหยุดชะงักทันที ไม่ตอบโจทย์เกษตรกรไทยทั้งประเทศ เสี่ยงต่อการกระจุกงบประมาณ การผูกขาด และการล้มเหลว จึงขอให้ตัดลด
จากนั้นเวลา 11.15 น. นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) อภิปรายมาตรา 14 งบประมาณกระทรวงเกษตรฯ วงเงิน 6.29 หมื่นล้านบาท ในส่วนของกรมการข้าว วงเงิน 3.8 พันล้านบาท เงินก้อนใหญ่อยู่ที่แผนยุทธศาสตร์การเกษตร สร้างมูลค่า 3.3 พันล้านบาท จะไม่แปลกใจถ้าเป้าหมายเพื่อช่วยเกษตรกรในการลดทุน แต่เมื่อพิจารณารายละเอียดของงบประมาณ ส่วนใหญ่เป็นงบครุภัณฑ์ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง เหลือเนื้องานจริงๆ ที่จะทำเมล็ดพันธุ์ข้าวไม่กี่ร้อยล้านบาท อยากเห็นเงินส่วนนี้ลงไปถึงชาวนาเต็มเม็ดเต็มหน่วย เกิดการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าวช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกรได้มากกว่านี้
นอกจากนี้ งบประมาณส่วนของกรมชลประทาน วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นงบก้อนใหญ่ที่สุด คนทั้งประเทศอยากเห็นการแก้ปัญหาภาพรวมเรื่องน้ำ รวมถึงแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งซ้ำซาก อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าหลายพื้นที่จะเข้าสู่ช่วงน้ำท่วม ถามว่าการจัดสรรงบประมาณส่วนนี้มีแผนการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนด้วยหรือไม่
ต่อมา เวลา 12.15 น. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปราย มาตรา 15 งบประมาณกระทรวงคมนาคม วงเงิน 184,465 ล้านบาท ว่า กรมทางหลวงชนบทมีแผนจัดซื้อรถเครน 6 ล้อ พร้อมเครนยกไม่น้อยกว่า 10 ตันเมตร 2 คัน คันละ 3.78 ล้านบาท รวม 7.56 ล้านบาท แต่ปัญหาคือรถเครนในประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหากฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากรถเครนที่ผลิตตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ที่มาตรฐานความปลอดภัยถูกต้องทุกอย่าง สามารถวิ่งได้บนท้องถนนทั่วโลก แต่ต้องถูกตำรวจไทยจับข้อหาน้ำหนักเกิน เพราะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มรถบรรทุก หากยังไม่มีการแก้ไขกฎหมาย สุดท้ายรถเครนที่ต้องใช้เพื่อการยกของ กลับถูกใช้เป็นเครื่องมือในการไถ จึงขอเสนอตัดงบการจัดซื้อรถเครนทั้ง 2 คัน
จวกสร้างสนามบินร้าง
จากนั้น นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรค ปชน. อภิปรายว่า ขอตัดลดงบกรมท่าอากาศยาน ที่ว่า 1 จังหวัด 1 สนามบิน ของมันต้องมี ในเรื่องต้นทุนเวลาเรามีสนามบินภูมิภาคลงทุน 2,000-3,000 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายระยะยาวที่ดูแลถึง 50 ล้านบาท และต้นทุนค่าโดยสารที่แท้จริงอยู่ที่ประมาณ 800-1,500 บาท ในขณะที่มีการขายตั๋วถูก ถ้าไม่ยั่งยืนก็อยู่ไม่ได้ เพราะต้นทุนแพง สุดท้ายรัฐก็ต้องเข้าไปอุดหนุน งบของกรมท่าอากาศยานไปอยู่ที่งบลงทุน 88% ขณะที่บางสนามบินไม่มีไฟลต์ เป็นสนามบินร้าง ก็ยังของบเข้ามา ดังนั้นการสร้างสนามบินใหม่ก็เท่ากับต้องมีค่าใช้จ่ายผูกพันต่างๆ จึงขอให้คิดให้ดีๆ ก่อนที่จะไปสร้างสนามบิน ขนาดสนามบินที่เก็บค่าธรรมเนียมถูกกว่าของกรมการบินยังไม่รอดเลย ต้องศึกษาให้แน่ชัดว่าประชาชนต้องการจริง ไม่ใช่สำหรับคนบางกลุ่มเท่านั้น
หลังจากนั้น น.ส.ภัสริน รามวงศ์ สส.กทม. พรรค ปชน. อภิปรายมาตรา 15 ขอปรับลด 5 เปอร์เซ็น ว่า ในส่วนของกรมเจ้าท่าที่มีงบประมาณลงทุนจำนวนมาก โดยมีงบ 4,000 กว่าล้านบาท และเป็นงบลงทุน 3,200 กว่าล้านบาท เช่น ท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีโครงการ Smart pier ปรับปรุงก่อสร้างเพื่อพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณท่าเรือ สร้างเสร็จแล้วก็ต้องเปิดทันที ไม่ใช่ปล่อยทิ้งร้างให้คนมางัด แงะขโมยของ
น.ส.ภัสรินกล่าวว่า โครงการท่าเรือรัฐสภาและโรงเก็บเรือ วงเงิน 150 ล้านบาท คล้ายโรงลิเก เป็นท่าเรือ 2 ฝั่ง ฝั่ง สส. สว. และโรงเก็บเรือ 1 หลัง ฝั่งละราว 51 ล้านบาท โรงเก็บเรือ 11 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายพิเศษประมาณ 28 ล้านบาท เข้าใจว่าโครงการนี้เพื่อรองรับการเดินทางของ สส. สว. และแขกบ้านแขกเมือง แต่เมื่อเทียบกับงบปรับปรุงท่าเรือ 13 แห่ง ที่มีประชาชนใช้ทุกวัน ท่าเรือรัฐสภาแห่งเดียวกลับมีงบก่อสร้างเกือบ 4 เท่า ปัจจุบันรัฐสภามีโป๊ะเรือ และมีผู้ใช้บริการอยู่แล้ว รัฐสภาควรเป็นตัวอย่างในการใช้งบอย่างสมเหตุสมผล เน้นประโยชน์สาธารณะของประชาชน ไม่ใช่เพื่อความสบายของผู้มีตำแหน่ง แต่ทุ่มไปกับท่าเรือสุดหรู เพียงแค่ค่าตกแต่งท่าเรือยอดเจดีย์ ราคากลางยอดละเกือบ 10 ล้านบาท เงินที่ลงกับรายละเอียดสุดหรู และท่าเรือติดแอร์ที่สุดท้ายไม่เคยได้เปิดการใช้งาน ก็จะยังสร้างต่อไปเรื่อยๆ หรือไม่ แล้วเราจะได้อะไรกลับมาบ้าง
เวลา 13.10 น. นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม. พรรค ปชน. อภิปรายเสนอปรับลดงบกระทรวงคมนาคม 3 เปอร์เซ็นต์ 5,558 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณโครงการอาคารกระทรวงคมนาคมใหม่ โดยยก 3 เหตุผลคือ 1.ต้นทุนสูงเกินไป 2.มีเพียง 5 หน่วยงานเท่านั้นที่จะย้ายมาใช้อาคารแห่งนี้ 3.อาคารมีขนาดใหญ่เกินความจำเป็น เพราะเมื่อรวมพื้นที่ทั้งหมดที่หน่วยงานจะใช้ มีเพียง 18,149 ตร.ม. แต่มาขอพื้นที่ในการทำเฉพาะอาคารสำนักงานมากถึง 67,000 ตร.ม. มากกว่าเดิม 3.5 เท่า หากโครงการเหมาะสม จะใช้งบแค่ 1,200 ล้านบาท
นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปรายโดยยกตัวอย่าง ค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ หรือตึกคมนาคม สามารถปรับลดได้อีกมาก ควรปรับลดเพื่อประหยัดเงิน และนำไปใช้ในสิ่งที่ก่อประโยชน์กับประชาชนมากกว่า ตึกคมนาคมแพงกว่าตึก สตง.กว่า 3 เท่า เมื่อเทียบกันต่อหัวต่อข้าราชการที่เข้ามาอยู่ สร้างอย่างโอ่อ่า ไม่เห็นหัวประชาชน ใช้งบแบบล้างผลาญเกินจำเป็นไปมาก ออกแบบกันมาอย่างกับห้างเซ็นทรัลเอ็มบาสซี แต่ไม่ค่อยมีประโยชน์ในแง่ของสถานที่ราชการ
แฉซื้อ 10 ล้านแลกโหวต
หลังจากนั้น นายพัฒนา สัพโส สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ชี้แจงว่า งบของกระทรวงคมนาคม ตามที่สมาชิกตั้งคำถามเรื่องความคุ้มค่าของท่าอากาศยาน อยู่ที่สนามบินเป็นคนเลือก เรื่องดุลยพินิจความเหมาะสม ส่วนงบก่อสร้างอาคารกระทรวงคมนาคม ยอมรับว่าราคาแพง แต่มีสาเหตุ ความจำเป็นเชิงพื้นที่คือการออกแบบเพื่ออนาคต มีมาตรฐาน 2 อย่าง คือ มาตรฐานอาคารเขียว และมาตรฐาน LEED มาตรฐานอาคารเขียวเพื่อความเป็นผู้นำด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม
จากนั้น นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ได้ติดใจในคำชี้แจงของพัฒนา พร้อมถามว่า แล้วกระทรวงอื่นไม่เป็นแบบนี้หรือ และความจริงนโยบายของรัฐบาลควรต้องลดขนาดด้วยซ้ำ ไม่ใช่สร้างตึกที่ใหญ่แล้วหาคนเพิ่ม รวมถึงการชี้แจงเรื่องมาตรฐานอาคารเขียวและ LEED ก็ฟังไม่ขึ้น
ขณะเดียวกัน นายชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง สส.ขอนแก่น พรรค ปชน. และนายวีรนันท์ ฮวดศรี สส.ขอนแก่น พรรคปชน. เปิดเผยถึงกรณีมีคลิปเสียงสนทนา เพื่อขอซื้อ 10 ล้านบาท แลกเสียงโหวตร่าง พ.ร.บ.งบ 2569 และร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งขณะนั้นรัฐบาลยังไม่ถอนร่างออกไป โดยไม่จำเป็นต้องย้ายพรรค
โดยนายชัชวาลเล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อประมาณวันที่ 23 มิถุนายน ตนได้รับการประสานจากบุคคลท่านหนึ่ง ซึ่งไม่ได้รู้จักว่าเขาคนนั้นเป็นใคร แต่มีการส่งข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมแจ้งว่า มีคนมาส่งของให้ แต่ตนได้ปฏิเสธไป หลังจากนั้นก็ได้มีการขอเบอร์โทร.ส่วนตัวแลกกัน และมีการโทร.กลับเข้ามาอีก โดยบริบทคือชวนไปดื่มกาแฟ เมื่อมีการพูดคุยสักพัก เขาจึงได้พูดถึงวัตถุประสงค์ที่เขาประสานเข้ามา คือขอซื้อเสียงโหวตร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่ขณะนั้นรัฐบาลยังไม่ได้มีการถอนร่างออกไป และระบุว่า หากเรายอมในเงื่อนไขที่หัวหน้าเขาได้เสนอมา เขาจะมอบบัดเจ็ตจำนวนทั้งหมด 10 โล จึงสอบถามเรื่องถึงขั้นตอนการจ่ายเงินส่วนนี้ โดยจะแบ่งเป็น 3-4-3 คือหากตกลง ก็ไปคุยกับหัวหน้า ถ้ายอมรับเงื่อนไข จะจ่ายก่อน 3 โล ในรอบแรก จ่าย 4 โล หลังโหวตร่างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แรก และโหวตร่างงบ 69 สุดท้ายอีก 3 โล ซึ่งที่เขาพูดหมายถึงทั้งฉบับ ตนจึงไม่ได้มีการตกลงในเรื่องเงื่อนไข ส่วนตัวยังไม่ทราบว่าสุภาพสตรีท่านนั้นเป็นใคร แต่ได้ข้อมูลตรงกันกับนายวีรนันทน์ และเขาใช้ชื่อเดียวกันในการประสาน ซึ่งนายวีรนันท์มีสายปริศนาโทร.เข้ามาในวันที่ 22 มิถุนายน
ส่วนจะเป็นการล่อซื้อหรือไม่ นายวีรนันท์กล่าวเสริมว่า ก็น่าสงสัย เพราะเราไม่รู้ที่ไปที่มา ว่าสรุปคนๆ นั้นเป็นคนของใครหรือไม่ จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะเป็นการล่อซื้อ หรือทำลายชื่อเสียงของพวกเรา อย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เขาไม่ได้บอกเป็นพรรคการเมืองใด แจ้งแค่หัวหน้าจะคุย แต่เวลาถามว่ามาจากพรรคการเมืองไหน เราก็คงอิงจากซีกรัฐบาลอยู่แล้ว ซึ่งหลายพรรคที่ตนได้เอ่ยชื่อไป คำตอบที่ได้คือไม่มีความชัดเจน "ขนาดถามถึงพรรคลุงป้อมเขาก็ตอบว่า หนูจะเป็นคนที่ไปดึงพรรคลุงป้อมมาอยู่กับหนูเอง" ส่วนที่ถามว่าใช่ ส.หรือไม่ เขาบอกว่า สูงกว่านั้น ซึ่งก็แสดงว่าเขารู้ว่า ส.ที่ตนหมายถึงนั้นหมายถึงใคร
เมื่อถามว่า ยังมีใครที่โดนอีกหรือไม่ นายชัชวาลระบุว่า มี สส.นนทบุรี เล่าให้ฟังถึงเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งปรากฏข้อมูลข่าวสารคล้ายๆ กัน อาจจะมีเพิ่มเติมคือบางท่านได้เจอกับบุคคลนิรนามมาก่อน รวมถึงมีการยื่นสัญญาให้เซ็นด้วย แต่ก็ไม่มีการเซ็น เนื่องจากดูตลก และ สส.นนทบุรีท่านนั้นก็ไม่ได้ไปตกลงอะไร
ส่วนจะมีการส่งคลิปเสียงไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบหรือไม่ นายชัชวาลกล่าวว่ายินดี เพราะคลิปเสียงนั้นตนไม่ได้อัด หรือบันทึกไว้ แต่เมื่อเขาโทร.มา ตนได้ถ่ายวิดีโอจากหน้าจอ ซึ่งก็เห็นเบอร์ชัดเจน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชวนซื้อOTOP ช่วยคนในชาติ ที่กำลังลำบาก
นายกฯ เปิดงาน OTOP CITY 2025 ปลื้มตียอดแตกรายได้มากกว่าทุกปี
‘ช่อ’แจ้งความปิดปาก! ปัดให้ทหารบอกแผนรบ
"ช่อ-พรรณิการ์" หิ้วหลักฐานแจ้งความ อ้าง "นักการเมือง-IO ทหาร"
สอบอดีตบิ๊กดีอีพันMOU ห่วงกระทบปชช.1.2ล้าน
"ไชยชนก" ชี้เป็นหน้าที่ “ดีเอสไอ” สอบสวน หลังพบข้อมูลนักการเมือง
หนูแบไต๋ร่วมได้ทุกพรรค
“อนุทิน” เปิดทางทุกพรรคที่สร้างประโยชน์ให้บ้านเมือง เหน็บ "เด็กพรรคส้ม"
อาเซียนเมินกัมพูชา ไม่หนุนข้อเสนอหยุดยิง-ถกจีบีซี24ธค./สมรภูมิสระแก้วยังเดือด
ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษเหลว ไร้ข้อสรุปเป็นรูปธรรม “กัมพูชา”
พสกนิกรซาบซึ้ง ‘พระพันปีหลวง’ ทรงให้ไร้ข้อแม้!
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

