พท.ตีปี๊บข่าวดีชินวัตร

“หมอมิ้ง” ยืนยัน “อุ๊งอิ๊ง” ไม่ลาออก วอนสื่ออย่าไปขยายความให้สับสน ด้านประธาน สส.พรรคเพื่อไทยย้ำนายกฯ ไม่มีเจตนาร้ายต่อบ้านเมือง 29 ส.ค.เจอกันที่ศาลรัฐธรรมนูญแน่นอน “ประเสริฐ” ชี้คดี “ทักษิณ-แพทองธาร” ที่เหลือล้วนเป็นข่าวดี รัฐบาลอยู่ต่อไม่มีเหตุให้ต้องยุบสภา “จตุพร” ชี้ถ้า “อิ๊งค์” รอด เป็นไปได้ที่ “แม้ว” จะไปศาลวันที่ 9 กันยายน

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 นพ.พรหมินทร์  เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีการยื่นคำแถลงปิดคดีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ว่าทางทีมกฎหมายของ น.ส.แพทองธารจะรวบรวมหลักฐานและข้อเท็จจริงในทุกประเด็น เพื่อจัดทำเป็นคำแถลงปิดคดี โดยจะดำเนินการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 25 ส.ค.นี้ ตามคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ที่สั่งให้ทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องยื่นคำแถลงปิดคดี โดยทีมกฎหมายได้ดำเนินการตามแนวทางการพิจารณาคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า น.ส.แพทองธารจะยื่นลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 ส.ค.นี้ เลขาธิการนายกฯ ตอบว่า นายกฯ ไม่มีการยื่นลาออก ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ขอสื่ออย่านำประเด็นดังกล่าวไปขยายความต่อ เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความสับสน

ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และประธาน สส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้ยังไม่มีการเตรียมวอร์รูมติดตามสถานการณ์ ซึ่งกำลังใจของ สส.ในพรรคเชื่อมั่นในตัวของนายกฯ ว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรต่อประเทศชาติบ้านเมือง มีความปรารถนาดี        

เมื่อถามว่า มั่นใจเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา     ที่ น.ส.แพทองธารชี้แจงตอบข้อซักถามต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วยตัวเองหรือไม่ ประธาน สส.พรรคเพื่อไทยตอบว่า ก็มีความมั่นใจว่าท่านมีเจตนาดีไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร ตนเจอท่านที่มาสภา ยิ้มแย้มแจ่มใสมีกำลังใจดี พวกเรา สส.ก็ได้ให้กำลังใจท่าน

ถามย้ำว่า ยังยืนยันหรือไม่ว่า น.ส.แพทองธารจะไม่ลาออกจากตำแหน่งก่อนวันตัดสินคดีในวันที่ 29 ส.ค.นี้ นายวิสุทธิ์ตอบว่า ยังยืนยัน ไม่มีเรื่องนี้ ตนไม่เคยได้ยิน          

เมื่อถามอีกว่า น.ส.แพทองธารจะสู้ต่อจนถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินใช่หรือไม่ ประธาน สส.พรรคเพื่อไทยตอบว่า “แน่นอน”

จะได้รับข่าวดีที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า

ขณะที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่ศาลอาญายกฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีมาตรา112 ขณะที่ในวันที่ 29 ส.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดลงมติชี้ขาดในคดีคลิปเสียงหลุดของ น.ส.แพทองธาร ทางรัฐบาลมีความกังวลมากน้อยแค่ไหนว่า  รัฐบาลมั่นใจว่านายกฯ สามารถชี้แจงได้ คงจะได้รับข่าวดีในวันที่ 29 ส.ค.นี้ ส่วนกรณีที่ศาลอาญายกฟ้องนายทักษิณ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่นายทักษิณโดนกล่าวหามีความชัดเจนขึ้น เมื่อศาลวินิจฉัยแล้วก็ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และถือเป็นขวัญกำลังใจให้กับสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพราะนายทักษิณเป็นผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ก็คือพรรคไทยรักไทยในอดีตในฐานะอดีตหัวหน้าพรรค

ซักว่าคดีที่ยังเหลืออีก 2 คดี คือคดีคลิปเสียงหลุดของ น.ส.แพทองธาร และคดีชั้น 14 ของนายทักษิณ หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะโดนเยอะ มีความกังวลหรือไม่ รองนายกฯตอบว่า พรรคเพื่อไทยมีความมั่นใจว่าคดีที่เหลืออยู่จะได้รับข่าวดีที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า และจะได้รับความเป็นธรรม สามารถที่จะพิสูจน์ตัวเองได้

เมื่อถามว่าอะไรที่ทำให้มั่นใจ นายประเสริฐกล่าวว่า การที่ น.ส.แพทองธารไปชี้แจงต่อศาล เมื่อเราดูเจตนาที่บริสุทธิ์ใจดีๆ แล้ว น.ส.แพทองธารไม่มีเจตนาที่จะทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหายเลยตามที่หลายคนกล่าวหา นายกฯ ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติอยู่แล้ว ตรงนี้เป็นข้อเท็จจริงอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่เป็นไปตามนั้น มีแผนสำรองหรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า ยังไม่มีแผนสำรอง ส่วนโอกาสในการยุบสภาจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น มันมีหลายปัจจัย เช่น งบประมาณไม่ผ่านการพิจารณาวาระ 2-3 ในสภา แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการยุบสภา ขณะนี้ไม่มีปัจจัยอะไรเลยที่จะชี้นำไปสู่การยุบสภา

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ น.ส.แพทองธารจะลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เพื่อให้คดียุติ นายประเสริฐมั่นใจว่า ไม่ลาออก การที่นายกฯ ไปชี้แจงต่อศาลก็เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างหนึ่ง

ซักว่าหากมีอะไรเกิดขึ้น นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยพร้อมหรือไม่  รองนายกฯ บอกว่า ขอให้ถึงจุดนั้นก่อน แต่ขณะนี้มั่นใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนั้น

พรรคร่วมฯ ยังสนับสนุน

ถามว่า หาก น.ส.แพทองธารต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ มีการมองกันไปถึงว่าจะให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มาเป็นนายกฯ และอาจทำให้พรรคร่วมฯ แตกออกไปสนับสนุน มีความเป็นไปได้หรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า ยังไม่เชื่อขนาดนั้น เพราะกลไกของรัฐธรรมนูญเขียนไว้อยู่แล้วว่า หากมีอุบัติเหตุทางการเมือง มันก็มีกระบวนการเลือกนายกฯ ที่อยู่ในบัญชีอยู่แล้ว ซึ่งคนที่อยู่ในบัญชีก็ยังมีของพรรคเพื่อไทยอยู่ และมีของพรรคอื่นเช่นกัน ขอย้ำอีกครั้ง มั่นใจว่าพรรคร่วมฯ ยังสนับสนุนอยู่

เมื่อถามถึงกรณีที่สภาล่มบ่อยจนได้รับฉายาว่าสภาเป็ดง่อย จะทำให้เป็นปัจจัยเร่งนำไปสู่การยุบสภาเร็วขึ้นหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่าการประชุมสภา สส.ต้องไปประชุมคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ประกอบด้วย หลายครั้งที่องค์ประชุมไม่ครบ ไม่ใช่ว่า สส.หนีไปไหน แต่ติดตามงานในกรรมาธิการชุดต่างๆ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่ององค์ประชุม ต้องเข้าใจเหตุผลว่าทุกคนก็อยู่ แต่บางคนอยู่ในห้องประชุมใหญ่ บางคนอยู่ในห้องเล็ก ยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่น ดูจากการโหวตงบประมาณปี 2569 เวลาวาระสำคัญ สส.ซีกรัฐบาลก็พร้อมเพรียงกันดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคประชาชนออกมาระบุต้องอาศัยเสียงของพรรคประชาชนด้วยจึงจะผ่านไปได้ นายประเสริฐกล่าวว่า กฎหมายหรือญัตติบางเรื่องที่เกี่ยวกับประเทศโดยรวม เป็นเรื่องที่เห็นพ้องกัน ก็โหวตด้วยกันหมดอยู่แล้ว ตนคิดว่าทุกคนพร้อม แต่บางเรื่องที่มีความแตกต่างก็ว่ากันไป เป็นเรื่องธรรมดาของความคิดเห็นทางการเมือง

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเตรียมพร้อมรองรับการตัดสินคดีคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 29 ส.ค.นี้ว่า สภาไม่ได้เตรียมอะไรรองรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 29 ส.ค. เพราะเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหา และศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้วินิจฉัย หลังจากนั้นผลจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องระหว่างศาลกับนายกรัฐมนตรี สภาจึงไม่ได้มีการเตรียมการอะไร แต่หลังวันที่ 29 ส.ค. ถ้ามีผลอย่างไรสิ่งใดที่เป็นหน้าที่ของสภา สภาก็จะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด พร้อมย้ำว่าวันที่ 29 ส.ค. ไม่ใช่หน้าที่ของสภา 

โหวตเลือกนายกฯ ใช้เวลาไม่นาน

ถามว่า ถ้าคำวินิจฉัยวันที่ 29 ส.ค. เป็นลบ กระบวนการขั้นตอนการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลต้องใช้เวลากี่วัน ประธานรัฐสภาชี้แจงว่า ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เพราะการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องของสภาที่จะมีการประชุม จากเดิมต้องประชุมร่วมรัฐสภา แต่มาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญจบไปแล้ว ถึงจะมีแค่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เหมือนกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาครั้งล่าสุด คงใช้เวลาไม่นาน สภาพร้อมดำเนินการเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย แต่เราไม่อยากจะพูดตอนนี้ว่าผลจะออกมาเป็นบวกหรือเป็นลบ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไปวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ โดยเฉพาะฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งต้องเคารพฝ่ายตุลาการ

ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยระบุข่าวลือดีลอภิสิทธิ์ชนเจรจาให้รอดทั้ง 3 คดี ซึ่งมีคดีคลิปเสียงที่ศาล รธน.จะวินิจฉัยวันที่ 29 ส.ค. และคดีชั้น 14 ศาลฎีกานักการเมืองมีกำหนดอ่านคำตัดสิน 9 ก.ย.นี้ ส่วนคดี ม.112 ของนายทักษิณ ชินวัตร ศาลอาญาชั้นต้นตัดสินยกฟ้องไปแล้วเมื่อ 22 ส.ค.

เขาระบุว่า เมื่อนายทักษิณรอดคดี ม.112 โดยศาลอาญายกฟ้องเหตุคลิปสัมภาษณ์นักข่าวเกาหลีใต้ในปี 2558 ถูกตัดต่อ และอัยการไม่มีคลิปฉบับเต็มมาเป็นหลักฐานยืนยันคำฟ้องในชั้นศาล จึงเป็นเหตุสำคัญให้ศาลยกคำฟ้อง

รวมทั้งอัยการให้ปากคำต่อศาลไม่ประสงค์จะฟ้องคดีมาตั้งแต่ต้น ซึ่งสะท้อนว่าการฟ้องคดีนายทักษิณ ม.112 เกิดจากแรงกดดันของสังคม ดังนั้นอัยการจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่จึงต้องติดตาม

อย่างไรก็ตาม นายทักษิณคงยื่นขอศาลถอนคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และให้คืนหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ที่ยึดไว้ ซึ่งไม่รู้ว่านายทักษิณใช้หนังสือเดินทางประเทศไทยหรือของประเทศใด แต่สิ่งสำคัญเมื่อพ้นพันธนาการคดี ม.112 แล้ว ย่อมเป็นอิสระและมีเสรีเดินทางไปประเทศใดทั้งโลกได้ 

ส่วนกรณีนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ยืนยันว่านายทักษิณไม่เคยหนีคดีชั้น 14 และจะเข้าฟังคำตัดสินของศาลฎีกานักการเมืองวันที่ 9 ก.ย.แน่นอนนั้น นายจตุพรกล่าวว่า เอาเถอะ ไม่หนีก็ไม่หนี เอาที่สบายใจ แต่ 17 ปีที่อยู่ต่างประเทศถือว่าไปธุดงค์แล้วกัน 

นาทีนี้ก็เป็นไปได้แล้ว

"ส่วนวันที่ 9 ก.ย. จะมาศาลหรือไม่ อะไรก็เกิดขึ้นได้กับเหตุการณ์ครั้งหน้า กระทั่งคดีนายกฯ อุ๊งอิ๊ง มีโอกาสรอด (คดีคลิปเสียงในศาล รธน.) ก็เป็นไปได้ หรือทักษิณไปฟังคำพิพากษาวันที่ 9 ก.ย. ซึ่งนาทีนี้ก็เป็นไปได้แล้ว" 

นายจตุพรกล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้ต้องติดตามและวิเคราะห์แต่ละบริบทเหตุการณ์ เพราะเมื่อประเมินยังมีช่องทางอื่นใดตามดุลยพินิจหลบเลี่ยงได้อยู่ ดังนั้นโอกาสนายกฯ  อุ๊งอิ๊งรอดคดียัง 50 ต่อ 50 แต่สิ่งน่าติดตามคือจะบริหารบ้านเมืองต่อหรือไม่ 

สิ่่่งสำคัญเรื่องราวที่นายทักษิณเดินทางกลับไทยครบ 2 ปีในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ซึ่งยังเต็มไปด้วยดีล หากไม่มีดีลตำแหน่ง รมว.กลาโหมคงตั้งไปแล้ว แต่ยังปล่อยเว้นว่างรออดีตทหารใหญ่บางคนได้ในยามเกิดสงครามชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นสถานการณ์หนึ่งชี้ถึงความผิดปกติ 

"ถ้าดูภาษากายและการแต่งตัวแล้ว แสดงถึงความมั่นใจ ซึ่งย่อมไม่ธรรมดา แต่ในอนาคตจะมีจุดจบไม่ธรรมดาหรือไม่ หรืออภิสิทธิ์ชนจะมีจุดจบเช่นใด อย่างไรก็ตามยังเหลือคดีอีก 2 คดี แต่ถ้ารอดทั้ง 3 คดีแล้วประชาชนต้องคิดอ่านกัน เพราะหลายเรื่องไม่ได้เป็นไปอย่างปกติ"

พร้อมประเมิน 2 ทางเลือกน่าจะเป็นในคดีศาล รธน.ว่า ถ้าคำตัดสินในวันที่ 29 ส.ค.นี้ ศาลให้รอดคดี และหากนายกฯ ลาออก ซึ่งไม่สมเหตุสมผลนัก แต่สิ่งที่เป็นไปได้คือนายทักษิณมีเวลามากพอจะปรับ ครม. แล้วอำนาจการต่อรองของพรรคร่วมฯ จะสูงขึ้นกว่าเดิมตามด้วย

อีกทางเลือกหนึ่งคือ หากนายกฯ อุ๊งอิ๊งจบแบบไม่สวย พรรคร่วมฯ ทำท่าจะวงแตก กระแสการย้ายข้างของ สส.เพื่อไทยหรือพรรคร่วมรัฐบาลจะปรากฏขึ้น ขณะที่มีเรื่องแปลกกรณีสภาจะพิจารณาญัตติยกเลิก MOU 43 และ 44 แต่ประธานในที่ประชุมสั่งปิดการประชุมอย่างมึนเฉย ทั้งที่ สส.อยู่ครบองค์ประชุม

"อยากสื่อความไปถึงซีกรัฐบาลว่า ยุคหนึ่งสภาถูกตั้งฉายาว่า สภาทาส ซึ่งเป็นสภาที่อยู่ภายใต้อาณัติ อาจหลีกเลี่ยงการรัฐประหาร แต่ขณะนี้รัฐบาลและสภายั่วเหลือเกินทั้งที่ประชาชนไปยื่นไมตรี ก็ไม่เลือกช่องทางนี้ กลับอ้างนายกฯ ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่”

นายจตุพรกล่าวว่า เมื่อรัฐบาลยังมีรักษาการนายกฯ ทำหน้าที่ได้ ดังนั้นควรแสดงถึงการร่วมปกป้องอธิปไตยของชาติ สร้างพลังเป็นหนึ่งเดียว แต่นักการเมืองไม่คิดไกลเกินตัวเอง คิดแต่การหาเสียงและเพื่อดำรงอยู่ แล้วปัดมือยื่นไมตรีของประชาชนออกไปโดยใช้วิธีการปิดประชุมสภา ซึ่งเป็นพฤติกรรมไม่ควรทำเลย.