ผบ.ทบ.บุกภูมะเขือ จับได้คาหนังคาเขาหน่วยBHQวางกับระเบิดจ่อฟ้องIOTไล่บี้เขมร

ผบ.ทบ.เหยียบ “ภูมะเขือ” จุดปักธงชาติ ตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการ ขอบคุณกำลังพลทุ่มเทปฏิบัติงานเต็มความสามารถ ขอให้ตั้งอยู่บนความปลอดภัย ผู้ช่วยโฆษก ทบ.เผยจับได้คาหนังคาเขา หน่วย BHQ ของเขมรแอบวางทุ่นระเบิด เตรียมส่งหลักฐาน IOT ให้รู้พฤติกรรมฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศเผยผลการกดดัน-ประณามเรื่องการลอบวางทุ่นระเบิดสังหาร ฝ่ายกัมพูชามีท่าทีผ่อนปรนร่วมมือมากขึ้น แต่ยังปฏิเสธไม่ได้วาง

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)  ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) พร้อม พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก, พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2, พล.ท.ณรงค์ฤทธิ์ คัมภีระ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ, พล.ต.ธีรนันท์ นันทขว้าง ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร ตรวจเยี่ยมและรับฟังบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของฐานปฏิบัติการภูมะเขือ

โดยมี พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมด้วยฝ่ายเสนาธิการกองกำลังสุรนารี, ผู้บังคับหน่วย และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ให้การต้อนรับและร่วมปฏิบัติภารกิจผู้บัญชาการทหารบกได้รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์และการปฏิบัติงาน ณ ฐานปฏิบัติการภูมะเขือกลาง พร้อมทั้งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ

จากนั้นผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวขอบคุณกำลังพลทุกนายที่ทุ่มเทการปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ พร้อมขอให้ปฏิบัติภารกิจอย่างปลอดภัย จากนั้นได้เดินดูบริเวณฐานธุรการและพื้นที่ต่างๆ บนภูมะเขือ

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2  กรณีพบการปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่อธิปไตยไทย โดยเมื่อวันที่ 22 ส.ค. เวลา 16.00 น. หน่วยทหารในพื้นที่ตรวจพบทหารกัมพูชาจำนวน 2-3 นาย จากลักษณะการแต่งกายคาดว่าเป็นหน่วย BHQ ปฏิบัติการดักซุ่มและตรวจการณ์ฝ่ายไทย บริเวณทิศตะวันตกของเนิน 350 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ห่างจากแนวเส้นปฏิบัติการเข้ามาในเขตอธิปไตยไทยประมาณ 100 เมตร จึงได้ทำการยิงขับไล่จนฝ่ายกัมพูชาหลบหนีไป

เมื่อมั่นใจว่าพื้นที่ปลอดภัยแล้ว หน่วยจึงเข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ และตรวจพบทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณจุดที่พบทหารกัมพูชาดักซุ่ม จำนวน 1 ทุ่น จึงได้ทำการตรวจสอบพื้นที่โดยละเอียด พร้อมทำเครื่องหมายไว้ เพื่อรอรับการสนับสนุนจากชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดดำเนินการต่อไป

กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ส.ค. จากการเข้าตรวจสอบพื้นที่โดยรอบของชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดอีกครั้ง พบการวางทุ่นระเบิด PMN-2 เพิ่มอีกจำนวน 2 ทุ่น รวมเป็นทั้งหมด 3 ทุ่น พร้อมลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิด 2 ลูก และตะปูเรือใบจำนวนมาก

โฆษก ทบ.กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เป็นที่ปรากฏชัดเจนอีกครั้งว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงจากผลการประชุม GBC ที่ผ่านมาในหลายข้อ  ทั้งการยั่วยุ การรุกล้ำดินแดน และการใช้ทุ่นระเบิดในการลอบทำร้ายฝ่ายไทย การกระทำดังกล่าวย้อนแย้งกับท่าทีที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือนต่อประชาคมระหว่างประเทศว่าฝ่ายไทยรุกราน ทั้งที่ความเป็นจริงและหลักฐานต่างๆ ที่พบ ยืนยันได้ว่ากัมพูชากระทำการรุกรานและละเมิดข้อตกลง รวมทั้งอนุสัญญาออตตาวามาโดยตลอด กองทัพบกจะได้ส่งหลักฐานทั้งหมดให้คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team) หรือ IOT ทราบถึงพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และแจ้งเตือนทุกหน่วยตามแนวชายแดนให้เฝ้าติดตามการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาอย่างใกล้ชิด

ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 รายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 22 ส.ค. เวลา 16.00 น. ว่าทหารฝ่ายไทยได้ตรวจพบทหารฝ่ายกัมพูชาประมาณ 2-3 นาย คาดว่าเป็นหน่วย BHQ เนื่องจากมีการสวมหมวกทรง FAST สีดำ และได้กระทำการดักซุ่มตรวจการณ์ฝ่ายไทย บริเวณทิศตะวันตก เนิน 350 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ห่างจากแนวเส้นปฏิบัติการเข้ามาฝั่งไทยประมาณ 100 เมตร

ขณะเข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ หน่วยได้ตรวจพบทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณจุดที่พบทหารกัมพูชาดักซุ่ม จำนวน 1 ทุ่น หน่วยจึงได้ใช้เครื่องตรวจทุ่นตรวจสอบพื้นที่โดยละเอียด และได้ทำเครื่องหมายเพื่อรอรับการสนับสนุนชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดดำเนินการต่อไป

จากสถานการณ์ดังกล่าวยืนยันได้ว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงลักลอบใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่อธิปไตยของไทย ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาอย่างต่อเนื่อง

ทหารฝ่ายไทยยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมปกป้องอธิปไตยของชาติ เพื่อความสงบสุขของสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน

เขมรเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน

ตามที่ปรากฏในข่าวเผยแพร่เกี่ยวกับผลสำเร็จของการเจรจาระหว่างกัมพูชาและไทย ภายหลังจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ณ จังหวัดสระแก้ว ประเทศไทย โดยกองทัพภูมิภาคที่ 5 ของราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งในเอกสารฉบับภาษาอังกฤษที่ฝ่ายกัมพูชาเผยแพร่ มีข้อความบางตอนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นว่า  

“ในการประชุม ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงมาตรการในทางปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องลวดหนามและสิ่งกีดขวางอื่นๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความยากลำบากของชุมชนในพื้นที่ อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย และลดผลกระทบต่อการดำรงชีวิตให้ได้โดยเร็วที่สุด”

กองทัพบกไทย โดยสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ  ขอเรียนว่า คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) เป็นกลไกทวิภาคีด้านความมั่นคงชายแดน มิใช่เวทีสำหรับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนสู่สาธารณชน การเผยแพร่ท่าทีที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดและบั่นทอนความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน เกี่ยวกับประเด็นที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในรายงานการประชุมอย่างเป็นทางการ ถือว่าไม่เหมาะสม

ดังนั้น ฝ่ายไทยจึงใคร่ขอให้ฝ่ายกัมพูชายึดถือบันทึกรายงานการประชุมร่วมของคณะกรรมการและฝ่ายเลขานุการทั้งสองฝ่าย เพื่อให้ประเด็นดังกล่าวถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และแก้ไขในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ต่อไป

ในเรื่องนี้ สำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร จะขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง หากกรมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกรุณาส่งหนังสือฉบับนี้ไปยังผู้รับสูงสุดต่อไป

ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา

นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวกับสื่อมวลชนไทยภาคภาษาอังกฤษ เพื่อชี้แจงการดำเนินการของรัฐบาลไทยให้ประชาคมโลกรับทราบ โดยเฉพาะการประท้วงของรัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพ ต่อการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ที่ละเมิดอำนาจอธิปไตยไทย ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา รวมทั้งละเมิดข้อตกลงการหยุดยิง ตลอดจนกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้นำคณะทูตานุทูตลงพื้นที่ 2 ครั้ง เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงและหลักฐานเชิงประจักษ์ต่อการกระทำของกัมพูชาแล้ว และพยายามชี้ให้เห็นถึงการละเมิดมนุษยธรรม ที่ไม่ใช่เพียงเรื่องความมั่นคง หรือเรื่องทางทหารระหว่างไทย-กัมพูชา แต่เป็นภัยมนุษยชาติโดยรวมที่ต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้ โดยล่าสุดมีรายงานว่าฝ่ายกัมพูชาได้แสดงท่าทีผ่อนปรนมากขึ้นที่จะร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด แม้ยังคงปฏิเสธว่ากัมพูชาไม่ได้วางทุ่นระเบิดใหม่ แต่จะสำรวจร่วมกับประเทศไทย เพื่อกำหนดพื้นที่เร่งด่วนตามแนวชายแดน ที่ควรทำการเก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล

ส่วนความคิดริเริ่มเรื่อง  IOT และข้อเสนอคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team) หรือ AOT นั้น ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า ประเทศไทยยินดีกับทั้ง 2 ข้อเสนอ แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจข้อแตกต่างสำคัญระหว่างรูปแบบทั้งสองดังกล่าว เพราะ IOT นั้น คณะผู้สังเกตการณ์จะประกอบด้วยผู้ช่วยทูตทหารจากรัฐสมาชิกอาเซียนที่ประจำการอยู่ในประเทศไทยและกัมพูชาที่ประจำการอยู่แล้ว ทำให้สามารถลงพื้นที่และปฏิบัติการภารกิจการสังเกตการณ์ได้อย่างรวดเร็วทันที ส่วน AOT จะต้องมีการส่งผู้สังเกตการณ์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทหารมาจากเมืองหลวงของประเทศสมาชิกเข้ามาดำเนินการ ซึ่งภายใต้กฎหมายไทย กระบวนการดังกล่าวจะต้องมีการพิจารณาตามขั้นตอนต่างๆ ที่กฎหมายระบุไว้ก่อน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการลงพื้นที่ออกไป

ทั้งนี้ ในหลักการประเทศไทยสนับสนุนแนวคิดทั้งเรื่อง IOT และ AOT แต่จำเป็นต้องมีการหารือกันอย่างรอบคอบถึงเรื่องการกำหนดรูปแบบและขอบเขตการดำเนินงานร่วมกันให้มีความชัดเจนก่อน และที่สำคัญเพื่อให้เป็นกลไกที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้รวดเร็วทันที ที่จะตอบสนองต่อภารกิจที่ได้มีการตกลงกันไว้ตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ และ IOT ยังสามารถปรับเพิ่มอีก โดยหากจะมีการปรับปรุงในเรื่องของ IOT ก็ควรนำไปหารือในกลไก GBC เพราะ IOT เป็นข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศที่เป็นรูปธรรมไปแล้ว โดยมีมาเลเซียเป็นประจักษ์พยาน หากจะเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่ประชุม GBC ของทั้งสองประเทศต้องเป็นคนอนุมัติ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พท.ผวา ‘มันนีโพลิติกส์’

พรรคประชาชนเดินหน้าฝันแลนด์สไลด์ได้ สส. 250 ที่นั่ง จัดตั้งรัฐบาลประชาชน ดูจากตัวเลขผู้บริจาคให้พรรคมากกว่าแสนคน ขณะที่เพื่อไทยต้อนรับทีมสุวัจน์

ยึดเนิน350ได้แล้ว! ร่าง2ทหารกล้ากลับมาตุภูมิ/ส่งสัญญาณเตือนชนชั้นนำเขมร

ข่าวดี! ทหารไทยควบคุมเนิน 350 ได้แล้ว อยู่ระหว่างการสถาปนาความมั่นคง นำร่าง 2 วีรบุรุษกลับมาตุภูมิ ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ ตรวจพบการปะทะเป็นระยะ

คืนอธิปไตยสู่มาตุภูมิ! 'แม่ทัพกุ้ง' ผู้แทน ผบ.ทบ. ตรวจแนวรบปราสาทตาควาย-เนิน 350

พลโท บุญสิน พาดกลาง ผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก ลงพื้นที่ตรวจแนวหน้าการสู้รบ ณ ปราสาทตาควาย และบริเวณ เนิน 350 ในพื้นที่อำเภอ พนมดงรัก จังหวัด สุรินทร์ เพื่อตรวจสภาพพื้นที่จริง หลังถูกใช้เป็นฐานที่มั่นของฝ่ายตรงข้าม พร้อมติดตามผลการปฏิบัติการที่กองกำลังไทยสามารถผลักดันผู้รุกรานและยึดคืนพื้นที่อธิปไตยได้อย่างสมบูรณ์

เปิดภาพ แม่ทัพภาค 2-ผบ.กกล.สุรนารี สั่งการร่วมภารกิจยึด 'เนิน 350'

กองทัพภาคที่ 2 ประกาศความสำเร็จในการ เข้าควบคุมและสถาปนา “เนิน 350” พื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญบริเวณ ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังการปะทะอย่างรุนแรงกับกองกำลังฝ่ายกัมพูชา