สภาเตรียมโหวตเลือก "นายกรัฐมนตรีคนที่ 32" วันที่ 5 ก.ย. เช็กเสียงหนุน "อนุทิน" 289 เสียง "ชัยเกษม" มี 203 เสียง "พท." ดิ้น! ขายข้อเสนอสุดท้ายเลือกชัยเกษม "ยุบสภา" ทันที อ้างต้องการคืนอำนาจให้ ปชช.จริงๆ "ภูมิธรรม” แจงเหตุ พ.ร.ฎ.ยุบสภาถูกตีกลับ ชี้ยังมีประเด็นข้อ กม.ที่มีการโต้แย้ง ยันไม่เสนอซ้ำ พร้อมส่ง "ชัยเกษม" สู้ กวักมือเรียก ปชน.หนุนไม่ต้องรอ 4 เดือน "เท้ง" เมินไพ่ใบสุดท้าย ลั่นไม่ทบทวนการตัดสินใจ จวกเพื่อไทยให้ข่าวกลับไปกลับมาสะท้อนความไม่จริงใจ บอกหนุน "หัวหน้า ภท." เพื่อหาทางออกให้ ปท. "หนู" มั่นใจส้มไม่เบี้ยว ปัดข่าวมั่ววางโผ ครม.
เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2568 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร นัดประชุมสภาในวันที่ 5 ก.ย.2568 โดยที่ประชุมเตรียมเลื่อนเรื่องด่วนที่ 8 การพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาพิจารณา หลังลงมติร่าง พ.ร.บ.การรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ หรือ PRTR เพื่อรับหลักการในวาระที่ 1
สำหรับการวาระพิจารณาเลือกนายกฯ คนที่ 32 คาดว่าฝ่ายสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยจะเสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคภูมิใจไทย ที่มีเสียงสนับสนุน 289 เสียง ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย 68 คน, พรรคกล้าธรรม 31 คน, พรรคพลังประชารัฐ 17 คน, พรรครวมไทยสร้างชาติ 16 คน, พรรคเพื่อไทย 8 คน, พรรคไทยสร้างไทย 3 คน, พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน, พรรคประชาชน 142 เสียง และพรรคเป็นธรรม 1 เสียง
ขณะที่ พรรคเพื่อไทย จะเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย โดยมีคะแนนเสียงสนุนประมาณ 203 เสียง ขณะที่เสียงกึ่งหนึ่งของสภามี 247 เสียง
ทั้งนี้ การโหวตนายกฯ จะใช้รูปแบบขานชื่อเป็นรายคน โดยไม่เปิดโอกาสให้แสดงวิสัยทัศน์ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ
ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา ห้องทำงานนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เก็บเอกสารทั้งหมดไปแล้วก่อนหน้า ตั้งแต่ในช่วงหยุดปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงของใช้ส่วนตัวเหลือเพียงชุดเฟอร์นิเจอร์บางส่วน มีเพียงเจ้าหน้าที่นำกล่องพลาสติกเปล่าขนาดใหญ่หลายใบถือขึ้นไปบนตึกไทยคู่ฟ้าเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ช่วงเช้าปรากฏว่าได้มีตัวเงินตัวทองขนาดใหญ่ 2 ตัว เลื้อยมาบริเวณสนามหญ้าและถนนด้านหน้าตึกไทยคู่ โดยได้รับความสนใจจากบรรดาช่างภาพและผู้สื่อข่าวต่างบันทึกภาพ
ขณะที่เวลา 10.46 น. เพจพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความระบุว่า เลือก "ชัยเกษม นิติสิริ" เป็นนายกรัฐมนตรี ยุบสภาทันที หลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา คืนอำนาจประชาชน
ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้แชร์โพสต์จากเพจพรรคเพื่อไทยลงสตอรีไอจี โดยมีข้อความว่า “เพื่อไทยยืนยันเสนอชื่อชัยเกษม นิติสิริ ชิงนายกรัฐมนตรี” และแชร์อีกข้อความที่ระบุว่า “เลือกชัยเกษม เป็นนายกฯ ยุบสภาทันที คืนอำนาจประชาชน”
นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ข้อเสนอสุดท้ายของเราคือ หากวันที่ 5 ก.ย.มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และเสียงส่วนใหญ่มอบความไว้วางใจให้นายชัยเกษม หลังจากเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ และมีการแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา เราจะประกาศยุบสภาทันที
"อะไรจะเกิดขึ้นในวันที่ 5 ก.ย. ขอให้รอติดตามดูว่าจะเป็นอย่างไร แต่ยืนยันว่าในวันที่ 5 ก.ย. พรรค พท.จะเสนอชื่อนายชัยเกษมเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย" นายสรวงศ์กล่าว
ถามว่า ข้อเสนอในครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อให้พรรคประชาชน (ปชน.) กลับมาโหวตสนับสนุนพรรค พท.ใช่หรือไม่ เลขาฯ พรรค พท.กล่าวว่า ไม่ได้เป็นข้อเรียกร้องให้พรรคใดมาสนับสนุน แต่เป็นสิ่งที่เรามีการพูดคุยกันว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดของประเทศในตอนนี้ ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงเดินทางมาถึงวันนี้ได้ พรรค พท.มีความตั้งใจ มีความบริสุทธิ์ใจที่จะคืนอำนาจให้กับประชาชน และวันนี้เรายื่นข้อเสนอสุดท้ายให้กับทุกพรรคการเมืองที่อยู่ในสภาผู้แทนราษฎร
ซักว่า เป็นการป้องกันไม่ให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เป็นนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ เลขาฯ พรรค พท.กล่าวว่า อย่าถึงขนาดนั้น แล้วแต่วิจารณญาณของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
เมื่อถามว่า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงให้พรรค พท. และรัฐบาลชี้แจงจะเลือกระหว่างยุบสภาหรือการโหวตเลือกแคนดิเดตนายกฯ นายสรวงศ์กล่าวว่า ฝ่ายนิติบัญญัติต้องเดินทางหนึ่ง ฝ่ายบริหารก็ต้องเดินอีกทางหนึ่ง แต่ความชัดเจนของทั้งสองฝ่าย ของพรรค พท.และรัฐบาล มีความประสงค์เดียวกันคือการคืนอำนาจให้กับประชาชนอย่างชัดเจน
ถามว่า พรรค ปชน.มองว่าย้อนแย้งที่มีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ และดำเนินการยุบสภา นายสรวงศ์กล่าวว่า เราอยู่กันคนละมิติ ในส่วนของนายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ของฝ่ายบริหาร ซึ่งมีขั้นตอนเสนอยุบสภา แต่หากไม่เกิดขึ้นจริง พวกเราต้องมีทางไป ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติคือการเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรี ในส่วนของพรรค พท.
ถามว่า เงื่อนไขที่จะให้มีการยุบสภาเร็วนั้นสายไปหรือไม่ในขณะนี้ เพราะมีการลงนามไปแล้วระหว่างสองพรรคการเมือง นายสรวงศ์กล่าวว่า ไม่เป็นอะไร ตนมองว่าทุกอย่างสามารถทบทวนได้
เลือก 'ชัยเกษม' ยุบสภาทันที
เมื่อถามว่า มีการพูดถึงการยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภาที่ผิดขั้นตอนหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ไม่มี และย้ำว่าเป็นในส่วนของฝ่ายบริหารไม่ใช่อำนาจของตน
เวลา 12.45 น. นายภูมิธรรมโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ฉบับที่ 1 “เพื่อความกระจ่างชัดเรื่องการยุบสภา” ในช่วงที่การเมืองยังสับสน ผมขอเรียนชี้แจงให้เกิดความกระจ่างชัดในประเด็นร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรดังนี้ รัฐบาลได้ดำเนินการจัดทำร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรและส่งให้สำนักงานองคมนตรีพิจารณาแล้วเมื่อเย็นวันที่ 2 ก.ย.2568 ต่อมาได้รับแจ้งจากสำนักงานองคมนตรีว่า ยังมีประเด็นข้อกฎหมายที่มีการโต้แย้งและยังไม่เป็นข้อยุติ โดยเฉพาะประเด็นอำนาจของรองนายกรัฐมนตรีผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีในการถวายคำแนะนำ จึงยังไม่เห็นสมควรนำร่างพระราชกฤษฎีกาขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในเวลานี้
"รัฐบาลเคารพในขั้นตอนและหลักนิติธรรมทุกประการ และจะนำกลับมาทบทวนและพิจารณาเพื่อให้เกิดความเหมาะสม ถูกต้อง แต่ขอย้ำชัดว่า เจตนารมณ์ของรัฐบาลคือการคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด"
ต่อมานายภูมิธรรมโพสต์เฟซบุ๊ก ฉบับที่ 2 “เดินหน้าตามครรลองประชาธิปไตย” เมื่อพรรค ปชน.ได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะโหวตสนับสนุนพรรค ภท. และมีการบรรจุวาระเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว ทุกพรรคการเมืองต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตน ให้ประชาชนได้เห็นว่ากลไกสภายังคงทำงานตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
"พรรคเพื่อไทยเราพร้อมเสนอชื่อศาสตราจารย์ชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี และขอยืนยันต่อประชาชนว่า หากเราได้รับเสียงสนับสนุน เราจะประกาศยุบสภาทันที ไม่รอครบกำหนด 4 เดือน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าอย่างรวดเร็ว และคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินอนาคตประเทศด้วยมือของตนเอง เรายังคงหวังให้กระบวนการประชาธิปไตยสามารถเดินหน้าได้อย่างสง่างาม ให้สภาผู้แทนราษฎรทำหน้าที่เลือกนายกรัฐมนตรีตามเอกสิทธิ์อย่างเต็มที่ และกำหนดทิศทางของประเทศไทยอย่างแท้จริง"
นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เรายืนยันเจตนารมณ์ที่ยื่น พ.ร.ฎ.ยุบสภาขึ้นไป โดยทราบดีว่าเป็นพระราชอำนาจ คือเราต้องการคืนอำนาจให้ประชาชน เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้น อีกประเด็นเราอยากเห็นกระบวนการประชาธิปไตยเดินหน้า เราเสนอนายชัยเกษม ในการโหวตนายกฯ ถือเป็นเอกสิทธิ์ โหวตอะไรไปก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น
"ยืนยันหากนายชัยเกษมได้เป็นนายกฯ เราจะดำเนินการยุบสภาทันที ไม่ต้องรอ 4 เดือน เพื่อให้กระบวนการประชาธิปไตยเดินหน้าและแก้ไขปัญหาต่างๆ เรื่องนี้ผมได้คุยกับนายชัยเกษมเรียบร้อยแล้ว" นายภูมิธรรมกล่าว
ถามว่า เมื่อมีการตีกลับมาเช่นนี้ จะไม่ยื่น พ.ร.ฎ.ยุบสภาขึ้นไปใหม่แล้วใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้ชัดเจนแล้ว หากมีการเลือกนายกฯ ก็ไม่ต้องใช้เส้นทางนี้ ซักว่าได้ประสานไปทางพรรค ปชน.แล้วหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตนประกาศจุดยืนชัดเจน บอกแล้วว่าเป็นเอกสิทธิ์ของ สส. และทุกพรรคการเมืองจะตัดสินใจอย่างไรก็ได้ แต่ขอให้รับผิดชอบการตัดสินใจที่ตัวเองได้ตัดสินใจด้วย
ทั้งนี้ การออกมาชี้แจงถึงประเด็นร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ แถลงขอความชัดเจนกรณีการทูลเกล้าฯ ยุบสภาจากนายภูมิธรรม
เท้งซัด พท.กลับไปมาไม่จริงใจ
เวลา 15.40 น. พรรค พท.ได้โพสต์คลิปนายชัยเกษม พร้อมนายภูมิธรรม, นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค พท., น.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด และรองหัวหน้าพรรค พท., พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.) ร่วมแถลงคำสัญญาต่อประชาชนเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อยุบสภาทันที
นายชัยเกษมระบุในคลิปว่า ขอยืนยันว่าพรรค พท.ตอบรับข้อเสนอทุกข้อของพรรค ปชน. และหากกระผมได้รับการลงคะแนนได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะยุบสภาทันที โดยไม่ต้องรอเวลาถึง 4 เดือน เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน เข้าสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยต่อไป
"กระผมยืนยันอีกครั้งว่า นี่คือสัญญาที่ทำไว้ต่อพี่น้องประชาชน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคน ผมในฐานะนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำรัฐบาล จะปฏิบัติตามข้อตกลงนี้ โดยไม่มีข้อเปลี่ยนแปลง และไม่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมใดๆ” นายชัยเกษมระบุในคลิปดังกล่าว
ขณะที่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. ยืนยันว่า ปชน.ไม่ได้มีความแตกแยกใดๆ ตามที่มีกระแสข่าว หลังจาก พท.เดินหน้าเสนอชื่อนายชัยเกษมเป็นนายกฯ และจะยุบสภาทันที รวมทั้งนายภูมิธรรมออกมาบอกชัดเจนแล้วกระบวนการยุบสภาไม่ได้เดินหน้าแล้ว ก็จะนำไปสู่การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีต่อไป
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ข้อเสนอสุดท้ายจากพรรค พท. ไม่น่าจะทำให้เกิดความไขว้เขวแต่อย่างใด เพราะการตัดสินใจของพรรค ปชน.ได้สิ้นสุดไปตั้งแต่มีการแถลงข่าวของกรรมการบริหารพรรค และการลงนามข้อตกลงร่วมกับพรรค ภท. อีกทั้งยังไม่มีการเสนอให้เป็นฟรีโหวตแต่อย่างใด ตลอดทั้งวันที่ได้มีการประชุมกับ สส.ของพรรค ไม่มีข้อเสนอเรื่องนี้ และเชื่อมั่นในเพื่อน สส.ของพรรคทุกคนว่าจะเชื่อมั่นต่อมติของพรรค
"ในส่วนของความอึดอัดใจ เชื่อว่าทุกคนจะมีความเห็นที่แตกต่างหลากหลาย แต่เราได้ผ่านกระบวนการถกเถียงแลกเปลี่ยนมาหมดแล้ว จึงเชื่อมั่นว่าทุกคนพร้อมปฏิบัติตามมติพรรค ไม่มีความกังวลว่าจะมี สส.ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมติพรรค และตอนนี้เชื่อว่าไม่มีเสียงแตกแต่อย่างใด" นายณัฐพงษ์กล่าว
ถามถึงกระแสข่าวจะมีการขอเลื่อนวาระการโหวตเลือกนายกฯ วันที่ 5 ก.ย.ออกไป นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้นำเรียนกับประธานสภาฯ โดยตรงแล้วว่า ไม่ได้มีการขอเลื่อนวาระการโหวตเลือกนายกฯ เพราะระหว่างวันก็มีการปล่อยข่าวอยู่ตลอด และมีการต่อสายมาถึงตนเองจากเจ้าหน้าที่ของประธานสภาฯ โดยตรง
ซักว่า หากพรรคโหวตให้นายอนุทินเป็นนายกฯ แล้วจะต้องแบกรับการกระทำของรัฐบาลในอนาคตด้วย นายณัฐพงษ์ยืนยันในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน และย้ำว่า การมีมติโหวตให้นายอนุทินในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คือให้มาเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ ที่มีหน้าที่ยุบสภา และเปิดประตูสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้น คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะเกิดขึ้น เป็นรัฐบาลที่พรรค ปชน.ไม่ต้องไปแบกรับแต่อย่างใด เพราะเรายังคงทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้าน และจะตรวจสอบอย่างเต็มที่
พอถามถึงข้อเสนอ พท.โหวตให้นายชัยเกษมจะยุบสภาทันที นายณัฐพงษ์กล่าวว่า หากได้มีการยื่นข้อเสนอ และพูดคุยอย่างเป็นทางการมาก่อนจะผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของพรรค ปชน.ทั้งหมด เชื่อว่าตนเองและเพื่อนๆ ในพรรคจะรับไว้พิจารณา และใช้เป็นปัจจัยหนึ่งในการชั่งน้ำหนัก แต่เห็นแล้วอย่างชัดเจนว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ มีการให้ข่าวกลับไปกลับมาจากทางพรรค พท.เอง พวกเราก็พอประเมินได้ว่า พท.ไม่ได้จริงจังและจริงใจที่จะบรรลุข้อตกลงกับพวกเราตั้งแต่ต้น แต่เป็นการปล่อยข่าวเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองมากกว่า
"จนถึงวินาทีนี้ หลังจากที่พรรค ปชน.ได้บรรลุข้อตกลง และยังคงมีการปล่อยข่าวในลักษณะนี้อยู่ ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเราเองไม่สามารถที่จะเชื่อคำพูดที่กลับไปกลับมาแบบนี้ได้" นายณัฐพงษ์กล่าว
ปชน.ไม่เปลี่ยนใจหนุนอนุทิน
หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าวว่า วันนี้สิ่งที่ตนเองและพรรค ปชน.ต้องทำ คือความหนักแน่นต่อการตัดสินใจของเรา ซึ่งเราไม่ได้เพิ่งจะมาตัดสินใจในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่เราเห็นสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว ได้ประเมินและไตร่ตรองมาอย่างรอบคอบ ก่อนจะออกมาเป็นมติของกรรมการบริหารพรรค และเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า มติที่ออกไปจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดให้กับประเทศ
เมื่อถามว่า สิ่งที่พรรค ปชน.เคยพูดไว้ถึงเรื่องดีลปีศาจ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ต้องดูด้วยว่าเราดีลเพื่อผลประโยชน์ใคร เพื่อผลประโยชน์ของเราเองหรือไม่ หรือเป็นการที่เราต้องการใช้อำนาจที่เรามีที่เราได้รับมอบจากพี่น้องประชาชนในการหาทางออกให้กับประเทศ
"ไม่เสียดายใดๆ และไม่คิดจะกลับไปทบทวนมติที่เกิดขึ้นแล้วแน่นอน จะเดินหน้าเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ" นายณัฐพงษ์กล่าว
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. กล่าวว่า สิ่งที่เรากลัวที่สุดเรื่องความพยายามในการสร้างสถานการณ์ให้บุคคลภายนอกเข้ามาอาจจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นตนก็เป็นห่วง พรรค ปชน. จึงต้องหาทางออกและจะไม่ปล่อยให้ประเทศถึงทางตัน อย่างไรก็ตามยังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงในการโหวตเลือกนายกฯ ยังจะเลือกนายอนุทินตามที่นายณัฐพงษ์ลงนามใน MOA
"ขอโทษทุกคนที่ทำให้ผิดหวัง ไม่ได้ตัดสินใจตามที่ทุกคนคาดหวัง ผมยืนยันว่าจุดนี้คือจุดที่เราลำบากที่สุดในการตัดสินใจ แต่ก็ต้องทำหน้าที่ให้ได้เพื่อแก้ปัญหาที่มีความเสี่ยง เราต้องเดินหน้าจนกว่าจะมีเหตุเปลี่ยนแปลง" นายรังสิมันต์กล่าว
ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางมาถึงอาคารรัฐสภา โดยไม่ได้ตอบคำถามว่ากังวลใจในการโหวตเลือกนายกฯ ในวันที่ 5 ก.ย.หรือไม่ และเมื่อผู้สื่อข่าวบอกให้นายอนุทินมาสัมภาษณ์ที่จุดสัมภาษณ์รวม นายอนุทินกล่าวว่า ไม่เอา อย่าเพิ่ง และพยายามบ่ายเบี่ยง
ถามว่า การประชุมสภาเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา พรรค ภท.เดินทางมาโหวตร่าง พ.ร.บ.การรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ พ.ศ..... หรือกฎหมาย PRTR ที่เสนอโดยพรรค ปชน.ไม่ทัน ได้มีการเคลียร์กันหรือยัง นายอนุทินกล่าวว่า ได้มีการชี้แจงแล้ว พยายามกลับมากันอยู่ ได้คุยกับพรรค ปชน. และจะต้องมีการจัดตั้งทีมประสานงานขึ้นมา เพราะเราเพิ่งมาเป็นฝ่ายค้านร่วมกัน เพิ่งทำงานด้วยกันในสมัยแรก เราก็ต้องตั้งทีมที่ประสานงานกันระหว่างพรรค ปชน.กับพรรค ภท.
หนูมั่นใจ 15 ก.ย.ไม่สะดุด
ถามว่า การโหวตเลืกนายกฯ พรรค พท.จะมีการเสนอชื่อแข่งกังวลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ทุกอย่างต้องมีทางเลือก ยิ่งมีทางเลือกก็ยิ่งเป็นประโยชน์กับประชาชน
ต่อมา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม โดยเปิดให้สมาชิกหารือปัญหาเดือดร้อน บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก เมื่อนายอนุทินเดินเข้าห้องประชุมและได้เดินทักทาย สส.พรรค ภท. และมีการถ่ายภาพหมู่ในห้องประชุม
จากนั้นได้เดินทักทายพูดคุยกับ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ และ สส.พรรค ปชน.ในที่นั่งของพรรค ขณะที่มี สส.ส่วนหนึ่งก็เดินเข้ามาทักทายจับมือแสดงความยินดีล่วงหน้าที่นายอนุทินจะได้รับการโหวตเป็นนายกฯ
ทั้งนี้ นายอนุทินยังเดินไปทักทายพูดคุยกับ สส.พรรค พท. เช่น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ โดยนายอนุทินเข้าไปโอบกอดในฐานะคนคุ้นเคย รวมถึงทักทายนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ รมช.การคลัง, นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี, นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย เป็นต้น
ในช่วงหารือ นายประสิทธิ์ ปัทมผดุงศักดิ์ สส.ปทุมธานี พรรค ปชน. หารือว่าตั้งแต่มีคลิปเสียง น.ส.แพทองธารสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ออกมา ตนมองว่าเป็นเรื่องร้ายแรง น.ส.แพทองธารควรยุบสภาหรือลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ แต่ก็ไม่เกิดขึ้น สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธารพ้นจากตำแหน่ง ขณะนี้รักษาการนายกฯ ก็ไม่สามารถยุบสภาได้ ก็เป็นปัญหาอีก ขอฝากถึง น.ส.แพทองธาร ที่เป็นสารตั้งต้นของปัญหานี้ ควรรับผิดชอบมากกว่านี้
นายอนุทินให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกังวลหรือไม่พรรค ปชน.จะฉีกข้อสัญญาว่า มั่นใจว่าพรรค ปชน.จะไม่ทำแบบนั้น และเชื่อมั่นตนเองจะปฏิบัติตามข้อตกลง ซึ่งข้อตกลงนี้เป็นการตกลงร่วมกัน ไม่เช่นนั้นหัวหน้าพรรค ปชน.คงไม่ลงนาม และตนก็มีความพร้อมในการโชว์วิสัยทัศน์ในสภา
ถามว่า ถ้าพรรค ภท.ได้เป็นรัฐบาล พท.เตรียมจะไล่บี้ นายอนุทินกล่าวว่า เราเป็นบุคคลสาธารณะ ตั้งแต่เข้ามาในสนามการเมืองแล้ว สิ่งที่เราพร้อมคือเรามีความจริง คนที่จะบี้หรืออภิปรายตีแผ่อะไรก็ขอให้เอาความจริงมาพูด อย่าไปเสกสรรปั้นแต่ง
เมื่อถามว่า หากมีการไปใช้พรรคพวกแก้กฎหมาย เช่น เรื่องเขากระโดง รวมถึงแทรกแซงคดีต่างๆ จะทำอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า เข้าใจผิดแล้ว ตอนเข้าไปสิ่งแรกที่ตั้งใจจะทำให้ชัดเจนคือการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาแล้วบอกเต็มที่ แต่ต้องอยู่ในกฎหมาย
"ไม่ใส่สี ไม่ใส่ความ ไม่ยัดข้อหา และไม่ทำในสิ่งที่เขาทำกันทุกวันนี้ ยืนยันว่าจะใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ตรงไหนยึดได้ยึด ขึ้นศาลได้ต้องขึ้นศาล และผมจะติดตามเองด้วย" นายอนุทินกล่าว
เวลา 17.00 น. นายอนุทินให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงโผ ครม.ที่เป็นข่าวออกมาว่า มั่ว ยังไม่ได้คุยอะไรเลย เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวจะเป็นนายกฯ ควบ มท. นายอนุทินกล่าวว่า ว่าไปเรื่อย ยังไม่มีการจัด ครม. ตัวหัวหน้ายังไม่ได้เลย
ช่วงค่ำ กลุ่ม 16 สส.รวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่มีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ เป็นแกนนำได้ร่วมรับประทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารจีนไดนาสตี้ ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ลาดพร้าว เพื่อพูดคุยหารือเตรียมความพร้อมการประชุมสภา โดยทางกลุ่ม 16 สส.จะใช้เอกสิทธิ์ สส.ในการโหวตเลือกนายอนุทิน ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากภูมิใจไทย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


