รบ.เปลี่ยน!ถกเขมรฉลุย ถอนอาวุธหนัก-กู้ทุ่นบึ้ม

เปลี่ยนรัฐบาลอะไรก็ง่ายไปหมด! ที่ประชุมจีบีซีไทย-กัมพูชาเห็นชอบถอนอาวุธหนัก  ยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ ร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด 1 เดือน กัมพูชาตอบรับปราบสแกมเมอร์ 60 แห่ง พร้อมจัดระเบียบบ้านหนองจาน เล็งเปิดด่านจันทบุรี-ตราด เฉพาะการขนส่งสินค้า อดดูมวยคู่เอก “บุ๋ม” บ่นเสียดายไม่เจอ “มาลี”

เมื่อวันที่ 10 กันยายน ณ ห้องกฤษณะ   โรงแรมเซ็นทาราชานทะเลแอนด์วิลล่า จ.ตราด พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่าติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการผลการประชุมจีบีซี ที่ประเทศมาเลเซีย รวมทั้งข้อตกลงหยุดยิง รวมทั้งแนวทางการดำเนินการต่อไปเพื่อนำสันติภาพและความสงบสุขนำพื้นที่ชายแดนได้อย่างถาวร

การหารือวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าหลายด้าน ถือเป็นความสำเร็จใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างกัน และยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายจะยึดมั่นแนวทางนี้ต่อไป ถึงแม้ว่ามีข้อห่วงกังวลบางประการที่ทำให้ฝ่ายไทยและประชาชนไทยไม่สบายใจ และอาจเป็นอุปสรรคต่อความฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้กลับเป็นอย่างดังเดิมอยู่บ้างอยู่ ก็ตามแต่สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน และเป็นพัฒนาการสำคัญ

1.การถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดนกลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการจีบีซี และอาร์บีซี จะหารือกันภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนดำเนินการ และเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้คณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) มาร่วมสังเกตการณ์

2.การเก็บกู้ทุ่นระเบิด จะมีการตั้งคณะประสานงานร่วม ประกอบด้วย ฝ่ายเลขานุการจีบีซี และศูนย์ทุ่นระเบิดของไทยและกัมพูชา ภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนเก็บกู้ทุ่นระเบิดและกำหนดพื้นที่นำร่องตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มดำเนินการทันทีภายใน 1 เดือน

3.การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ หรือสแกมเมอร์ ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติของทั้ง 2 ฝ่าย ตั้งคณะทำงานภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติงานร่วมกัน ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้ส่งมอบข้อมูลพิกัดที่ตั้งสแกมเซ็นเตอร์กว่า 60 แห่งให้กัมพูชา ให้ไปดำเนินการปราบปรามขั้นเด็ดขาด ซึ่งเป็นสิ่งที่คณะทำงานนี้จะหารือกัน ซึ่งผู้แทนของตำรวจไทยและรองผู้บัญชาการตำรวจกัมพูชาได้หารือกันนอกรอบ เพื่อนัดหมายการประชุมประสานงานตามข้อตกลงนี้เรียบร้อยแล้ว โดยมีกำหนดการวันที่ 16 ก.ย. ที่จังหวัดสระแก้ว

4.การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะกรณีบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา หารือเพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าว และให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) หารือแนวทางการบริหารจัดการบนพื้นฐานของผลการหารือในกรอบจีบีซี โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และผู้ว่าฯ จังหวัดบันเตียเมียนเจย ประสานงานกันเพื่อการบริหารจัดการสถานการณ์ให้เกิดความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ หากโมเดลนี้ประสบความสำเร็จ จะนำไปใช้บริหารจัดการพื้นที่อื่นซึ่งมีปัญหาในลักษณะเดียวกัน

5.หารือการผ่อนปรนผ่านแดนบางประเภท บางจุด และระหว่างที่สถานการณ์ไม่เป็นปกติ เพื่อลดผลกระทบภาคธุรกิจและการขนส่งข้ามแดน โดยมอบหมายให้กลไกอาร์บีซีไปหารือความเป็นไปได้ในการอนุญาตให้มีการขนส่งสินค้าผ่านจุดผ่านแดนบางจุดที่ไม่มีปัญหาด้านความมั่นคง โดยอาจเริ่มดำเนินการที่จุดผ่านแดนถาวรจันทบุรีและตราด

นอกจากทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดนแล้ว พัฒนาการสำคัญการประชุมจีบีซีครั้งนี้ คือทั้ง 2 ฝ่ายกำหนดแนวทางการดำเนินการใน 2 เรื่องที่ไทยให้ความสำคัญ แต่ก่อนหน้านี้ฝ่ายกัมพูชายังไม่เคยตอบรับ ได้แก่ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยจะติดตามกับฝ่ายกัมพูชาให้ดำเนินการตามที่ตกลงโดยเร็ว โดยการประชุมจีบีซีครั้งต่อไปจะกำหนดขึ้นภายใน 30 วัน โดยมีฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ

พล.อ.ณัฐพลยังย้ำว่า ไทย-กัมพูชาไม่อาจย้ายหนีจากกันได้ จึงมีความจำเป็นที่สองประเทศต้องแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี เพื่อนำสันติภาพไปสู่ชายแดน และประชาชนทั้งสองประเทศจะได้กลับมาใช้ชีวิตปกติสุข

โดยเมื่อวานนี้ได้รับทราบแนวทางจากนายอนุทิน ที่ได้เน้นย้ำเรื่องปกป้องอธิปไตยต้องมาเป็นอันดับแรก และให้ความสำคัญกับบทบาทกองทัพในการป้องกันประเทศ พร้อมให้ดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ซึ่งตนมีวิธีที่จะบริหารจัดการแบ่งโซนพื้นที่ตามความตึงเครียดของสถานการณ์ตามลำดับ

โซนที่หนึ่ง มีความตึงเครียดสูงคือพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ประกอบไปด้วย อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ โซนที่สองคือ สระแก้ว พื้นที่ความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 โซนที่สามคือ จันทบุรีและตราด มีความตึงเครียดน้อยกว่าจุดอื่น

การแบ่งโซนดังกล่าว นำมาซึ่งแนวความคิดในการผ่อนผัน ซึ่งจะดูที่สถานการณ์ในระดับความตึงเครียดและจากที่ผู้ประกอบการขอให้ผ่อนปรนบ้าง  จึงได้ดำเนินการในโซนที่ 3 ก่อน และมอบหมายให้กองกำลังจันทบุรี-ตราดไปพิจารณาดำเนินการ เพราะเป็นมาตรการทางด้านความมั่นคง โดยให้ประสานงานในพื้นที่กับกรมศุลกากร กระทรวงพาณิชย์ และอุตสาหกรรมสนับสนุนข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางที่นำมาเจรจากัน

โดยก่อนการประชุมตนได้หารือกับ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา แบบโฟร์อาย ตนพูดสองประเด็นคือ สาส์นของ พล.อ.ฮุน มาเนต ที่ส่งถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูร นายกรัฐมนตรีของไทย ในการแสดงความยินดีต่อนายอนุทิน โดยข้อความแสดงถึงท่าทีซึ่งจะนำไปสู่การคลี่คลายสถานการณ์ ท่านนายกฯ จึงอยากทราบแนวทางความคืบหน้าในการหารือในวันนี้

“ผมได้คุยกับท่านเตีย เซ็ยฮา ว่าประเด็นเจ็บปวดที่ต้องแก้ไขของบ้านเราในวันนี้คือเรื่องการเก็บกู้วัตถุระเบิด กับบ้านหนองจาน ขอความกรุณาให้ทางกัมพูชาตอบรับในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งผลการประชุมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ก็ต้องติดตามความจริงใจของกัมพูชาในการดำเนินการตามผลการประชุมวันนี้หรือไม่” พล.อ.ณัฐพลกล่าว

พล.อ.ณัฐพลให้สัมภาษณ์เรื่องปัญหาเฟกนิวส์ ที่อาจจะกระทบต่อความสัมพันธ์ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศว่า โดยการประเมินปัจจุบันในภาพรวมลดลงไป ซึ่งในที่ประชุมก็ได้หารือร่วมกันในเรื่องเฟกนิวส์ ที่ทำให้ประชาชนทั้งสองประเทศมีทัศนคติไม่ดีต่อกัน จึงขอความร่วมมือลดเฟกนิวส์ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนทั้งสองประเทศเกลียดชังกัน ทั้งนี้ การตรวจสอบเรื่องเฟกนิวส์ มีคณะกรรมการที่เป็นเลขาฯ จีบีซีดูแลอยู่แล้ว

เขายังชี้แจงเพิ่มเติมการผ่อนปรนการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา โดยย้ำว่า ไม่ได้ผ่อนปรนบุคคล แต่เป็นการผ่อนปรนขนส่งสินค้า ซึ่งในส่วนของบุคคลยังไม่สามารถเดินทางข้ามไปมาได้ ในขณะที่รถขนส่งสินค้าก็ไม่ได้ปล่อยแบบจำกัดเสรี มีการจำกัดจำนวน และตนได้พูดคุย พล.ร.ท.อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) หรืออาจจะใช้วิธีการเหมือนครั้งที่แล้ว คือการกำหนดจำนวนเที่ยว

"แต่หากสังคมยังไม่ยอมรับ ก็อาจจะผ่อนปรนเป็นรายกรณี เช่น 2-3 เที่ยว แต่หากสังคมเห็นด้วยว่าเศรษฐกิจต้องขับเคลื่อนได้ ก็อาจจะผ่อนปรนเป็น 20-30 เที่ยว ก็ว่าไป หรือหากไม่ได้เลยก็ต้องพิจารณากันใหม่ ขอชี้แจงว่าต้นเหตุของการเปิดด่านเกิดจากประเทศที่สาม ไม่ได้เกิดจากประเทศไทยและกัมพูชา เนื่องจากประเทศที่สามแจ้งมาว่าไทย-กัมพูชามีความขัดแย้งกัน เขาเกี่ยวอะไรด้วย  ทำให้เขาเดือดร้อน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเหตุผลที่เรารับฟัง  จึงเป็นที่มาของการหาทางออก ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เห็นด้วย" พล.อ.ณัฐพลกล่าว และว่า ส่วนการรุกล้ำพื้นที่จะใช้กรณีบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว เป็นพื้นที่นำร่อง ขอให้เห็นใจรัฐบาล เพราะเรื่องดังกล่าวเกิดมานานแล้ว แต่ปัจจุบันสังคมอยากจะให้แก้ไขให้ได้โดยเร็ว ต้องใช้เวลา แต่วันนี้ได้รับการตอบรับจากกัมพูชา ด้วยต้องนำแผนที่ไปให้ฝ่ายทางกัมพูชาได้ตรวจสอบ ซึ่งกรณีเรื่องเขตแดนทางฝ่ายกัมพูชาต้องการให้เข้าสู่เวทีการประชุมเจบีซีก่อน ซึ่งให้ดำเนินการในพื้นที่ที่มีความชัดเจนแล้ว

สำหรับคณะผู้แทนไทย ประกอบด้วย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.อ.นนทรี อินทรสาลี รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด, นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้านกิจการความมั่นคงภายใน, นายวรณัฐ คงเมือง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ, พล.อ.กันตพจน์ เศรษฐารัศมี ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม, พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก, พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ และ พล.อ.อ.วชิระพล เมืองน้อย เสนาธิการทหารอากาศ ซึ่งมีกำหนดการเดินทางถึงศาลาว่าการจังหวัดเกาะกงในเวลาประมาณ 10 นาฬิกา 15 นาที ก่อนจะเริ่มประชุมในเวลา 10 นาฬิกา 45 นาที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี โฆษกจิตอาสา ศบ.ทก. ได้ร่วมคณะ พล.อ.ณัฐพลเข้าประชุมด้วย โดย น.ส.ปนัดดาได้ถ่ายคลิปบรรยากาศภายในห้องประชุมระหว่างรอประธานทั้งฝ่าย ระบุว่า ขณะนี้กำลังรอการเปิดประชุม โดยโต๊ะประธานอยู่ด้านหน้า ฝ่ายกัมพูชานั่งอยู่ตรงข้ามกับฝ่ายไทย แต่ไม่มีมาลี (พล.ท.มาลี โสเจียตา โฆษกกลาโหมกัมพูชา) เขาไม่มา

“ไม่ได้เจอ พล.ท.มาลี โสเจียตา โฆษกกลาโหมกัมพูชาอย่างที่ทุกคนคาดหวัง และอยากจะฝากบอกว่าไม่ต้องแถลงข่าวอะไรอีกเลย เพราะจากนี้ไปตามข้อตกลงของจีบีซี เราต้องพูดแต่ความจริง แต่ยอมรับว่าทางสื่อกัมพูชาถ่ายคลิปดิฉันไปเยอะมากเลย ถ่ายแบบซูมหน้าด้วย" น.ส.ปนัดดากล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.