กองทัพขวางเปิดด่าน มทภ.2หวั่นเอื้อเขมร/เสธ.เบิร์ดแนะปท.ที่3กดดันกัมพูชา

ทัวร์ลงฉ่ำ ปมเปิดด่าน รมช.กลาโหมยันแค่เตรียมการในระยะต่อไป ต้องประเมินความจริงใจกัมพูชาก่อน แม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำคิดให้ดี หวั่นเอื้อเขมรเข้มแข็งขึ้น ส่งเสริมบ่อนพนัน-สแกมเมอร์    “เสธ.เบิร์ด” ลั่น กัมพูชาต้องสิ้นสภาพภัยคุกคามต่อไทยก่อนค่อยเจรจาเปิดด่าน แนะประเทศที่สามควรกดดันกัมพูชาที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ย้ำไทยต้องคำนึงถึงทหาร-ประชาชนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ  ด้าน “เอกชน” จี้สอบส่งออกทองคำไปกัมพูชาพุ่งผิดปกติ ชี้เป็นปัจจัยทำบาทแข็ง

เมื่อวันที่ 11 กันยายน พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ  โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1 ณ จังหวัดเกาะกง กัมพูชา เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา เป็นก้าวสำคัญในการใช้กลไกทวิภาคี เพื่อคลี่คลายความตึงเครียดตามแนวชายแดน โดย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ย้ำว่า “การปกป้องอธิปไตยของชาติต้องเป็นอันดับแรก ควบคู่ไปกับการดูแลปากท้องประชาชนและผู้ประกอบการในประเทศ”

ในส่วนของการผ่อนปรนการผ่านแดน  กระทรวงกลาโหมขอชี้แจงว่า ยังไม่มีการเปิดด่านในขณะนี้ มาตรการดังกล่าวเป็นเพียงการหารือเชิงหลักการ โดยหากมีการดำเนินการในอนาคต จะผ่อนปรนเฉพาะรถขนส่งสินค้า ไม่ใช่บุคคล และต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดเรื่องจำนวนเที่ยวหรือรายกรณี ขึ้นอยู่กับระดับความพร้อมและความตึงเครียดในพื้นที่ ทั้งนี้ นโยบายสำคัญที่นายกรัฐมนตรีมอบแก่ พล.อ.ณัฐพล คือต้องปกป้องอธิปไตยชาติ พร้อมดูแลประชาชน เพราะความตึงเครียดที่ยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อเกษตรกร ผู้ประกอบการและครัวเรือนโดยตรง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะทำให้การเจรจาครั้งนี้เดินหน้าได้อย่างแท้จริง คือความจริงใจและการปฏิบัติตามข้อตกลงของฝ่ายกัมพูชา หากไม่มีการปฏิบัติจริง ความร่วมมือที่ตกลงกันไว้ย่อมไม่เกิดผล และจะเป็นอุปสรรคต่อการคลี่คลายสถานการณ์

ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บรรยายพิเศษหัวข้อ “รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เพื่อการรักษาอธิปไตยของชาติ” ให้แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา โดยช่วงหนึ่งของการซักถาม มีประชาชนรายหนึ่งได้สอบถามความคิดเห็นเรื่องข้อตกลงของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือจีบีซี ในการพิจารณาเปิดด่านชายแดน พล.ท.บุญสิน ตอบว่า เป็นคำถามที่คนไทยอยากทราบ ตนมองว่าคนไทยทำไมต้องมาเถียงเรื่องเปิด-ปิดด่าน เพราะเรื่องนี้สำคัญ เพราะการเปิด-ปิดด่านส่งผลต่อเศรษฐกิจของเขมร เพราะทรัพยากรสินค้าส่วนใหญ่มาจากประเทศไทย ซึ่งการปิดด่านทำให้คนไทยไม่สามารถไปเล่นการพนันได้ และทำให้คนข้ามไปเป็นสแกมเมอร์ไม่ได้ ต้องยอมรับว่าคนไทยบางส่วนข้ามไปเขมรเพื่อไปทำหน้าที่หลอกลวงทางโซเชียลมีเดียกับคนไทยด้วยกันเอง

แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ฝั่งนั้นมีทั้งบ่อนกาสิโน และที่หลอกลวงทางโซเชียลมีเดียตลอดแนวชายแดน สินค้าบางส่วน เช่น ปูนซีเมนต์ น้ำมัน จะกลับมาทำร้ายทหารไทย การทำให้เขาไม่เดือดร้อนรบกับประเทศไทยก็อยู่ได้ เพราะเขามีกินตลอด นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องปิดด่าน มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งพูดว่าผลประโยชน์ของชาติต้องมาก่อนประโยชน์ส่วนตน พี่น้องที่ค้าขายกระทบ ก็ต้องยอมรับว่ากระทบ แต่พี่น้องที่ค้าขายบางคนให้สัมภาษณ์ว่าบางท่านยอมให้ปิดด่านขอให้ประเทศไทยรบชนะเท่านั้น การเปิดด่านทำให้เขาเข้มแข็ง น้ำมันและปูนซีเมนต์ รวมถึงเครื่องอุปโภค บริโภคก็จะเข้าไป ซึ่งมาจากประเทศไทยทั้งนั้น แม้กระทั่งเรื่องการเปิดด่านมีประชาชนถูกมอมเมาจากบ่อนการพนัน หมดเนื้อหมดตัว เป็นหนี้สิน อันนี้ก็มาจากเรื่องการเปิดด่าน จึงไม่รู้ว่าเป็นประโยชน์ของใคร

“แม่ทัพถึงบอกเสมอว่าคิดให้ดีเรื่องด่าน เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างนี้ และขอให้พวกเราติดตามข้อมูลข่าวสาร รัฐบาลก็อาจจะมีเหตุผลของเขา ต้องฟังว่าเป็นอย่างไร ต้องให้เรามีสติในการรับรู้ข่าวสาร และช่วยกันดูแลประเทศไทยของเรา หนึ่งเสียงรวมกันก็ไปหลายเสียง นี่คือความเห็นของผม” พล.ท.บุญสินกล่าว

พล.ท.บุญสินให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องจะเปิด-ปิดด่านกับทางกัมพูชานั้น ต้องดูนโยบายของรัฐบาลด้วยว่าเหตุผลคืออะไร เพราะทุกอย่างจะต้องขึ้นกับผลประโยชน์ของชาติด้วย ต้องฟังเหตุผลของผู้มีอำนาจในการตัดสินใจว่ามีเหตุผลอย่างไร ฝ่ายความมั่นคงมีเหตุผลอย่างไรถึงออกมาในรูปนี้ ต้องฟังเหตุผลบางอย่างเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติด้วย ส่วนกรณีชาวบ้านในพื้นที่ยังมีความไม่สบายใจต่อประเทศเพื่อนบ้านนั้น ก็ต้องดูความจริงใจที่เขามีว่าจริงใจหรือไม่ ถ้าไม่จริงใจก็ยังไม่เปิด  ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลในภาพรวม

พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวถึงกรณีการเปิดด่านเนื่องจากถูกกดดันจากประเทศที่สามว่า เข้าใจได้ว่าเพราะประเทศที่สามก็ทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศตนเอง แต่เราก็ต้องทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศเราเช่นกัน วันนี้เราคิดถึงครอบครัวผู้บริสุทธิ์ที่เสียชีวิต รวมถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ครอบคลุมไปถึงทหารแนวหน้าที่บาดเจ็บและเสียชีวิตเช่นกัน

แนะประเทศที่ 3 กดดันเขมร

"ประเทศที่สามที่กดดันเราเข้าใจว่าเขาทำเพื่อประเทศเขา แต่เราก็ทำเพื่อประเทศเรา อยากให้คิดถึงครอบครัวผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ทั้งประชาชนและทหาร กัมพูชาต้องสิ้นสภาพการเป็นภัยคุกคามกับไทย ถึงจะเริ่มเจรจา และควรที่จะไปกดดันกัมพูชา เพราะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ขนกำลังมาประชิดชายแดน และหากกัมพูชามีการถอนกำลังออก ไทยมีความเป็นสุภาพบุรุษเพียงพอ ไม่มีการตลบหลังแน่นอน และพร้อมที่จะถอนกำลังเช่นเดียวกัน" พล.ต.วันชนะกล่าว

พล.ต.วันชนะกล่าวว่า สิ่งที่จะจบปัญหานี้ได้ ทางกัมพูชาจะต้องสิ้นสภาพภัยคุกคามต่อประเทศไทย เราถึงค่อยเจรจา และตนก็ไม่เห็นด้วยที่มาบอกว่าพื้นที่ที่ไม่มีการปะทะให้เปิดด่านก่อน  เพราะฝ่ายตรงข้ามก็ยังเป็นกัมพูชาอยู่วันยังค่ำ ดังนั้นต้องทำทุกวิถีทางให้กัมพูชาสิ้นสภาพการเป็นภัยคุกคามต่อไทย จึงไม่ใช่ข้ออ้างที่จะมาเปิดด่านตรงจุดที่ไม่ปะทะ และในวันนี้กัมพูชายังไม่มีความจริงใจ แต่ก็ให้โอกาส ที่กัมพูชาระบุว่าจะทำตามข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC)

"จะเห็นได้ว่าการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ในกรอบทวิภาคี จะโยนไปมาระหว่าง GBC, RBC และ JBC ซึ่งหากปล่อยเอาไว้แบบนี้ ก็จะยื้อกันต่อไปเรื่อยๆ ปัญหาไม่จบ วันนี้ให้ไปสอบถามประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา  ทุกคนอยากให้ปัญหาชายแดนจบเร็ว คำว่า กัมพูชาสิ้นสภาพต่อภัยคุกคามต่อไทย ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำลายจนสิ้นซาก เพียงแต่จะต้อง ทำให้กัมพูชาได้รับผลกระทบ ทั้งกำลังทหาร  เศรษฐกิจและความน่าเชื่อถือ เพื่อลดทอนการเป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทยต่อไปในอนาคตได้"

พล.ต.วันชนะกล่าวด้วยว่า วันนี้ถอนเพียงอาวุธหนักออกจากพื้นที่ยังไม่เพียงพอ เพราะกำลังทหารยังคงอยู่ในพื้นที่ เช่นเดียวกับทางกัมพูชาเรียกร้องให้เราส่งเชลยศึกกลับไป แต่ในขณะเดียวกันยังมีกำลังเผชิญหน้าพร้อมที่จะปะทะกันอยู่  หากทางกัมพูชาต้องการตัวเฉลยศึกเขาต้องถอนกำลังทหารกลับไป

ขณะที่ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาว่า  สถานการณ์โดยรวม ตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่แนวชายแดน  โดยพบการเสริมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ รวมทั้งการก่อสร้างฐานที่มั่นเพิ่มเติม ทั้งยังมีการเคลื่อนย้ายยานพาหนะเข้าสู่พื้นที่ชายแดนหลายครั้ง ส่วนใหญ่เป็นรถบรรทุกที่ขนส่งวัสดุสำหรับการก่อสร้าง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของฐานปฏิบัติการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเตรียมความพร้อมและการปรับกำลังของฝ่ายกัมพูชา เพื่อรองรับสถานการณ์ในอนาคต ฝ่ายไทยยังคงจัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจในพื้นที่แนวชายแดนอย่างใกล้ชิด เพื่อเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์ พร้อมทั้งรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติการตอบโต้หากมีเหตุการณ์ที่กระทบต่ออธิปไตยและความมั่นคงของชาติ

พล.ต.วันชนะเปิดเผยว่า สำหรับการเดินทางติดตามความคืบหน้าการดำเนินการปรับปรุงเส้นทางยุทธวิธี และการสนับสนุนงานโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ กกล.สุรนารี เมื่อ 11 ก.ย.68 ของ พล.อ.มนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย มีความคืบหน้าไปมาก ได้แก่ พื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี เสริมสร้างขีดความสามารถทางทหารของ และปรับปรุงที่ทำการทางทหาร ฉก.1 โดยสนับสนุนโดรนและโดรนโจมตี ที่เอกชนส่งมอบผ่านกรมยุทธการทหารและศูนย์ต่อต้านการก่อการร้าย รวมถึงแอนตี้โดรนจากกรมการสื่อสารทหาร นอกจากนั้นเพิ่มการติดตั้งกล้อง CCTV, Cell Site พร้อม Internet 2 เครือข่าย โดยการดำเนินการของกรมการสื่อสารทหาร รวมถึงการขยายพื้นที่ให้บริการไฟฟ้าที่เนิน 500 โดยกรมกิจการพลเรือนทหาร และสำหรับที่ทำการทางทหาร ทางยุทธวิธี พื้นที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ สำนักงานพัฒนาภาค 5 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สนภ.5 นทพ.)

จี้สอบส่งทองคำไปเขมร

พื้นที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ ในที่ทำการทางยุทธวิธี ฉก.2 กำหนดลำดับความเร่งด่วนให้ สนภ.5 นทพ. ดำเนินการในปีงบประมาณ 2568 ดังนี้  การปรับปรุงเส้นทางยุทธวิธีให้สมบูรณ์ การก่อสร้างที่ตั้งยิงอาวุธ รถถังและบุคคล ระบบไฟฟ้า ระบบสาธารณูปโภค รวมทั้งสุขาภิบาลสนาม ประปา และที่พัก

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ตั้งข้อสังเกตสาเหตุค่าเงินบาทแข็งค่าเร็ว และรุนแรง เนื่องจากสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความผิดปกติบางอย่างในเรื่องของการส่งออกทองคำ  โดยเฉพาะการส่งออกไปกัมพูชา ล่าสุดเดือน ม.ค.-ก.ค.68 ไทยส่งออกทองคำไปกัมพูชาเป็นอันดับ 2 รองจากสวิตเซอร์แลนด์ มูลค่ากว่า 2,149 ล้านสหรัฐ ประมาณ 68,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.3% คิดเป็นสัดส่วน 28.2% เทียบกับการส่งออกทองคำทั้งหมด ถือเป็นอัตราที่สูงมาก ทั้งที่กัมพูชาเป็นประเทศเล็กๆ เป็นประเด็นเร่งด่วนที่ต้องนำไปหารือกับรัฐบาลใหม่ต่อไป

“ถ้าเทียบแล้วกัมพูชาเป็นประเทศเล็กๆ แต่ทำไมไทยถึงมีสัดส่วนการส่งออกทองคำไปค่อนข้างเยอะ ทำให้ได้เงินตราต่างประเทศเข้ามาจำนวนมาก ต้องแลกเป็นเงินบาท ความต้องการเงินบาทจึงเพิ่มขึ้น ทำให้ค่าบาทแข็งค่า และกัมพูชามีปัญหาในเรื่องของสแกมเมอร์ที่ค่อนข้างเยอะ จึงทำให้ กกร.ตั้งข้อสังเกต กังวลว่าเรื่องนี้จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจใต้ดินหรือไม่" นายเกรียงไกรกล่าว

ทั้งนี้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามและจับตาดูต่อไป เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ตรงจุด เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ถือเป็นเรื่องผิดปกติ สิ่งที่ต้องการให้รัฐบาล และ ธปท.เร่งทำคือ แยกมูลค่าการค้าทองคำออกมาก่อน เพื่อพิจารณาว่าความผิดปกติอย่างไรบ้าง และให้ ธปท.เข้าไปดูแลการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทให้เหมาะสม ไม่ใช่ว่าประเทศอื่นแข็งค่าระดับหนึ่ง แต่ของไทยแข็งรุนแรงจนผิดปกติ หรือเวลาค่าเงินอ่อน ไทยก็มักอ่อนมากกว่าประเทศอื่น ทำให้กระทบกับผู้ประกอบการไทยในทุกภาค ทั้งภาคการส่งออก ภาคเกษตร ภาคการท่องเที่ยวกระทบหมด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปิดด่าน 5 เดือน การค้าชายแดนคลองใหญ่เสียหาย 5 พันล้าน สินค้าเถื่อนทะลัก วอนรัฐบาลเยียวยา

เศรษฐกิจการค้าชายแดนคลองใหญ่ทรุดหนัก เสียหาย 5 พันล้าน ท่องเที่ยววูบปิดท่าเรือหนี ผู้ประกอบการจี้รัฐเยียวยา หลังปิดด่าน 5 เดือน ขณะสินค้าเถื่อนทะลักเข้า-ออก

นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่

นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล