กกต.สั่งเฉลิมชัยทำตามกม.ไขก๊อกพ้นปชป.

“แสวง” โผล่ยัน “แพทองธาร” เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตามเดิม ชี้พ้นเก้าอี้ได้ต้องเป็นคำสั่งศาลฎีกาฯ หรือพรรคขับ “สรวงศ์” ย้ำไม่เปลี่ยนผู้นำ อวย “อิ๊งค์” มีสิทธิ์ลง สส.ส่วนจะขึ้นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 หรือไม่แล้วแต่เจ้าตัว ปัดทาบ “ชัชชาติ” นั่งแคนดิเดตนายกฯ ลั่น พท.ส่ง 3 ชื่อเหมือนเดิม “ท็อป” โว ชทพ.ได้เก้าอี้มากกว่าเดิมแน่ “เฉลิมชัย” ไขก๊อกพ้นหัวหน้า อ้างปัญหาสุขภาพ กกต.เบรกหัวทิ่มทำให้ถูกกฎหมาย

เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2568 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงจะพ่วงมาถึงความเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือไม่ ว่ายังไม่เห็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่หัวหน้าพรรคเป็นกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และต้องเป็นสมาชิกพรรคก่อน โดยสิ่งที่จะทำให้พ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้นมีอยู่ 2 เรื่อง คือ 1.พ้นเพราะคณะกรรมการจริยธรรมพรรคขับออกจากตำแหน่ง แต่ยังเป็นสมาชิกพรรคได้ และ 2.พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งการพ้นจากสมาชิกพรรคก็ต่อเมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยว่าให้พ้น แต่เมื่อเป็นศาลรัฐธรรมนูญถือว่าเป็นคนละอย่างกัน ยังไม่เข้าเกณฑ์ ต้องเป็นคำพิพากษาของศาลฎีกา ไม่ใช่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

 “การพ้นจาก กก.บห.พรรคนั้นเป็นเรื่องความรู้สึกคน อาจคิดว่าพ้นก็ได้ แต่ตัวกฎหมายมีขั้นตอนและวิธีปฏิบัติ ซึ่งก็เป็นเรื่องของ กก.บห.พรรคที่ต้องพิจารณาว่ามีมติให้พ้นหรือไม่ กกต.ไม่สามารถก้าวก่ายในเรื่อง กก.บห.พรรค ส่วนเรื่องสมาชิกพรรคนั้นก็เป็นผลตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีคำพิพากษาของศาลฎีกา”

เมื่อถามว่า ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองจะเข้าไปดูในเรื่องข้อบังคับของพรรคหรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า เราดูเพียงข้อบังคับพรรค แต่กิจกรรมพรรคการเมืองนั้น พรรคเป็นผู้ดำเนินการ ในทะเบียนจะดูแค่ว่าพรรคได้ดำเนินการตามกฎหมายหรือข้อบังคับพรรคหรือไม่ การพ้นจากสมาชิก หรือ กก.บห.เป็นเรื่องภายในของพรรค หากไม่ดำเนินตามกฎหมายเดี๋ยวมีสมาชิกพรรคมาร้องเอง ซึ่งขอดูก่อน เพราะสุดท้ายก็จะไปอยู่ที่เรื่องกิจกรรมของพรรคการเมือง เนื่องจากกฎหมายไม่ได้ให้ไปยุ่งกับกิจกรรมของพรรคการเมือง

ในเวลา 09.50 น. น.ส.แพทองธารเดินทางเข้าที่ทำการพรรค พท. โดยระหว่างเดินเข้าพรรค น.ส.แพทองธารได้คุยโทรศัพท์ และหันหน้ามายิ้มให้สื่อมวลชน ก่อนขึ้นลิฟต์ไปยังห้องทำงานทันที โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่ประการใด

ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ในฐานะแกนนำพรรค (พท.) กล่าวถึงการปรับโครงสร้างพรรค โดยจะนำคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานมากขึ้นหรือไม่ ว่าพรรคให้ความสำคัญกับคนทุกรุ่น ซึ่งความใหม่หรือเก่าไม่ได้วัดอะไร และไม่ได้วัดที่อายุ ตอนนี้ยังพูดไม่ได้ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะยังไม่ได้เข้าพรรค จะปรับปรุงเพิ่มเติมอะไรต้องไปพูดคุยกัน

เมื่อถามว่า สมาชิกยังอยู่กับพรรค พท. ไม่ไหลออกใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ส่วนใหญ่ยังอยู่ ที่ไปแล้วก็มีบ้าง คิดว่าสมาชิกทุกคนเข้าใจบทบาทที่พรรคได้ทำ จึงเชื่อว่าส่วนใหญ่ยังอยู่กับพรรค แต่ถึงจุดหนึ่งใครจะตัดสินใจเลือกทางเดินอย่างไร ในทางการเมืองเขาก็มีสิทธิ์เลือกทางของเขา แต่คนที่ยังรักพรรค พท.และต้องการทำงาน ก็ยังมีอยู่พอสมควร ซึ่งเท่าที่คุยกันมา ทุกคนก็อยากปรับปรุง

ขณะที่ นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรค พท.กล่าวถึงความพร้อมการจัดทำยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง โดยเฉพาะกระแสข่าวทาบทามนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในสมัยหน้า ว่าไม่มี และนายชัชชาติก็ได้ออกมาพูดแล้ว ว่าไม่ต้องการมาดูเรื่องการเมืองใหญ่แล้ว สนใจที่จะทำงานให้ กทม. ซึ่งก็ยินดี ไม่มีอะไร โดยพรรคเองก็กำลังเฟ้นหาแคนดิเดตนายกฯ ที่จะมาเป็นตัวแทนของพรรค เพื่อทำงานบริการประเทศชาติต่อไป

เมื่อถามว่า ที่การตั้งข้อสังเกตว่าคนในตระกูลชินวัตรอาจหมดบุคคลที่จะนำมาชูโรงแล้วหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า อย่าไปพูดว่าตระกูลชินวัตรหมด เพราะความจริงแล้ว การเลือกตั้งที่ผ่านมาแคนดิเดตนายกฯ พรรคก็มีแค่ น.ส.แพทองธารที่มาจากตระกูลดังกล่าว และพอจัดตั้งรัฐบาลก็เป็นนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ไม่ใช่ น.ส.แพทองธารตั้งแต่แรก โดยยืนยันว่าจะส่งแคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คนเหมือนเดิม เพราะงวดนี้ใช้คุ้มถึง 3 คนเลย

เมื่อถามว่า กรณีของอดีตนายกฯ 2 คน ทั้งนายเศรษฐา และ น.ส.แพทองธาร จะส่งผลต่อคะแนนนิยมหรือไม่ และฟื้นฟูอย่างไร นายสรวงศ์กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกอย่างมีผลกระทบหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลผสม ทำให้ผลงานไม่ออกเป็นไปอย่างที่เราคาดคิด และมาเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับนายกฯ 2 ท่านอีก แต่พรรคยังยืนยันมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติต่อไป ซึ่งไม่ว่าพรรคจะโดนอะไรก็แล้วแต่ ก็ยังอดทนมาถึง 3 พรรคแล้ว และก็หลายนายกฯ แล้ว ซึ่งวันนี้ก็กลับมาดูบ้านตัวเอง รวมถึงสมาชิกในบ้าน เพื่อดูแลความเป็นอยู่ การลงพื้นที่ให้เต็มความสามารถที่สุด

 “เรายังยืนยันว่า หัวหน้าพรรคคนปัจจุบันชื่อ น.ส.แพทองธาร และท่านก็ยืนยันที่จะทำงานเพื่อพรรคต่อไป ไม่ว่าในอนาคตจะเป็นรัฐมนตรีหรือนายกฯ ไม่ได้ แต่ยังเป็นหัวหน้าพรรคได้ และจริงๆ คุณสมบัติท่านยังเป็น สส.ได้ ซึ่งต้องดูความเหมาะสม โดยท่านพูดเสมอว่าเป็นห่วงพรรค และอยากให้เราเป็นปึกแผ่น ทำงานเพื่อประเทศชาติต่อไป” นายสรวงศ์กล่าว

เมื่อถามต่อว่า แสดงว่าการเลือกตั้งครั้งหน้ามีโอกาสที่ น.ส.แพทองธารจะเป็น สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 เลยหรือไม่ นายสรวงศ์หัวเราะก่อนกล่าวว่า อันนี้ต้องแล้วแต่ท่าน ว่าจะลงมาอยู่ในการเมืองหรือไม่

ถามถึงความมั่นใจหรือไม่ว่ายุทธศาสตร์การเลือกตั้งครั้งหน้าของพรรค พท.จะทำให้ได้ สส.มากกว่าเดิม หรือมากกว่า 150 เสียงขึ้นไป นายสรวงศ์กล่าวว่า เราพยายามเอาพื้นฐานให้อยู่ก่อน ที่เหลือก็จะเป็นกำไร แต่ยืนยันว่า จะส่งทุกเขต และจะสู้ในการทำให้พี่น้องประชาชนกลับมานิยมชมชอบในพรรคเพื่อไทย

นายชัชชาติกล่าวถึงกระแสข่าวเตรียมลาออกจากผู้ว่าฯ กทม.ก่อนครบวาระในปี 2569 ว่า ยังไม่ลาออก ยืนยันอยู่จนครบวาระ เพราะหากลาออกก่อนจะต้องทำให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) 2 ช่วง จะเปลืองงบประมาณ ทั้งเลือกตั้งผู้ว่าฯ และเลือกตั้ง สก. แต่หากมีเหตุฉุกเฉิน เช่น ป่วยไข้ ค่อยว่ากันอีกที

นายสมคิด​ เชื้อคง​ รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง​ ในฐานะสมาชิกพรรค พท.กล่าวถึงทิศทางของพรรคในการรับศึกการเลือกตั้ง​ในสมัยหน้า​ว่า คาดว่าอาจใช้เวลาอีก 1-2​ ​เดือนน่าจะชัดเจน​ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างสรรหาผู้สมัคลงเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่​ และสามารถสรรหาไปได้แล้วเกินกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว เหลือเพียงคนใหม่ที่จะเข้ามา​ โดยพรรค พท.ก็ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองตามปกติ ไม่มีอะไรที่จะต้องกังวล เพราะมีประสบการณ์ในการเลือกตั้ง​ เป็นทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลมาโดยตลอด นรกสวรรค์เจอมาหมด ไม่มีปัญหา

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า แนวทางในการเลือกตั้งครั้งหน้าของพรรคยังเน้นสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน ให้สามารถอยู่ในสังคม และสภาวะเศรษฐกิจได้ด้วยศักยภาพของตนเอง ส่วนการส่งผู้สมัครนั้นตอนนี้มีการพูดคุยกันอยู่กับหลายๆ ฝ่าย และเชื่อมั่นว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรค ชทพ.จะขยายจำนวน สส.ให้เกินจากที่เราเคยได้มา ซึ่งจะยึดฐานที่มั่นเดิมของพรรคชาติไทยพัฒนาไว้ให้ได้ และจะเสริมฐานที่มั่นใหม่

“เชื่อว่าพี่น้องประชาชนคงได้เห็นการทำงานของพรรคชาติไทยพัฒนา และเราจะทำให้ครอบครัวชาติไทยพัฒนาอบอุ่นมากขึ้น เติบโตมากขึ้น โดยที่ไม่เสียพื้นที่เดิมของพวกเรา” นายวราวุธย้ำ

วันเดียวกัน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ปชป.ต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยหนังสือลาออกระบุว่า ข้าพเจ้า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เลขที่ 41303344 ขณะนี้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ปชป. ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มความสามารถ ซึ่งอาจทำให้พรรคเกิดความเสียหาย จึงขอลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ปชป. โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.2568 และขอมอบให้ นายประมวล พงศ์ถาวราเดช ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ปชป. รักษาการแทนหัวหน้าพรรค ปชป.

ต่อมา นายเกรียงไกร พานดอกไม้ รองเลขาธิการ กกต.ปฏิบัติหน้าที่แทนเลขาธิการ กกต.ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ ลต (ทบพ.) 0014/17188 เรื่อง ขอส่งหนังสือให้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการตามกฎหมาย โดยระบุว่า สำนักงาน กกต.ขอเรียนว่ากรณีดังกล่าวข้างต้นเป็นการเปลี่ยนแปลงตามมาตรา 38 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560  จึงเป็นหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองภายใน 15 วัน นับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นจึงส่งหนังสือของนายเฉลิมชัยมาเพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.