คุกให้เยี่ยม‘ทักษิณ’วันแรก

ราชทัณฑ์เผยเรือนจำเตรียมความพร้อมรับญาติ “ทักษิณ” เข้าเยี่ยมครั้งแรก หลังถูกส่งมาคุมขังในเรือนจำกลางคลองเปรม เผยยังอยู่ในแดนผู้สูงอายุ “สว.อลงกต” เตรียมชำแหละงบซอฟต์พาวเวอร์ “ทักก้า” โผล่แจงได้เงินน้อยเลยผลงานน้อยตาม “กรุณพล” แฉยังไม่มีองค์กรแต่มีเงินละเลงแล้วเกือบ 9 พันล้าน!

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 ก.ย.2568 พ.ต.ท.เชน  กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีการคุมขัง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่วันนี้ครบ 5 วันกำหนดการกักตัวเฝ้าระวังโรคว่า อาการของนายทักษิณโดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนจะจำแนกแยกแดนไปอยู่แดนใดนั้น ขึ้นอยู่กับวงรอบของแต่ละเรือนจำ ซึ่งทราบว่าเรือนจำจะประชุมทุกหนึ่งเดือน ขณะนี้ยังไม่มีการแยกแดน  ทำให้นายทักษิณไปอยู่ในแดนของผู้สูงอายุก่อน เนื่องจากเข้าหลักเกณฑ์เป็นผู้ต้องขังสูงอายุเกิน 65 ปี

พ.ต.ท.เชนระบุอีกว่า สำหรับวันที่ 15 ก.ย. ที่จะอนุญาตให้ญาติและทนายความเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ทางเรือนจำมีความพร้อม แต่ไม่ได้จัดสถานที่ให้เยี่ยมเป็นพิเศษ ทุกอย่างดำเนินการเหมือนผู้คุมขังทั่วไป ซึ่งนายทักษิณตั้งตารอวันนี้  โดยบอกว่าจะได้เจอครอบครัวที่เป็นกำลังใจในการใช้ชีวิต เบื้องต้นรับรายงานว่าจะมีญาติเข้าเยี่ยม แต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะพูดคุยผ่านกระจกใส เพราะยังไม่เป็นการเยี่ยมญาติแบบใกล้ชิดที่สัมผัสกันได้ ส่วนการรักษาความปลอดภัยหากมีกลุ่มคนเสื้อแดงเข้ามาให้กำลังใจ ก็จะประสานตำรวจท้องที่เข้ามาดูแลอำนวยความสะดวก

ทั้งนี้ ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการเยี่ยมการติดต่อของบุคคลภายนอกกับผู้ต้องขัง และการเข้าดูแลกิจการหรือติดต่อการงานกับเรือนจำ พ.ศ.2561 พบว่าบุคคลภายนอกจะเข้าเยี่ยมหรือติดต่อกับผู้ต้องขังได้ มีดังนี้ 1.เมื่อได้รับอนุญาตจากผู้บัญชาการเรือนจำ หรือผู้ได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการเรือนจำในการเข้าเยี่ยมหรือติดต่อกับผู้ต้องขัง ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรที่ออกโดยทางราชการที่ปรากฏภาพถ่ายไปแสดงต่อเจ้าพนักงานเรือนจำ  และให้เจ้าพนักงานเรือนจำจดบันทึกข้อมูลบุคคลภายนอกผู้เข้าเยี่ยมหรือติดต่อไว้เป็นหลักฐาน โดยเฉพาะความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับผู้ต้องขัง กิจธุระ หรือประโยชน์ในการเข้าเยี่ยมหรือติดต่อกับผู้ต้องขังนั้น 2.เฉพาะผู้ต้องขังที่ได้รับโอกาสให้ได้รับการเยี่ยมหรือติดต่อจากบุคคลภายนอก และ 3.ต้องเข้าเยี่ยมหรือติดต่อในวันและเวลาตามที่เรือนจำได้กำหนดไว้ หากมีเหตุพิเศษจำเป็นต้องพบผู้ต้องขังนอกวันและเวลาที่กำหนด ให้ขออนุญาตต่อผู้บัญชาการเรือนจำ   แต่ต้องไม่ใช่ระหว่างเวลาที่เรือนจำได้นำผู้ต้องขังเข้าห้องขังแล้วและยังมิได้นำออกจากห้องขัง เว้นแต่ผู้บัญชาการเรือนจำเห็นเป็นการจำเป็นที่สมควรจะอนุญาต

สำหรับรอบการเยี่ยมผู้ต้องขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม แบ่งเป็น รอบเช้า ประกอบด้วย รอบที่ 1 เวลา 08.30-09.00 น., รอบที่ 2 เวลา 09.00-09.30 น., รอบที่ 3 เวลา 09.30-10.00 น.,  รอบที่ 4 เวลา 10.00-10.30 น., 

รอบที่ 5 เวลา 10.30-11.00 น. รอบบ่าย   ประกอบด้วย รอบที่ 6 เวลา 12.00-12.30 น.,  รอบที่ 7 เวลา 12.30-13.00 น., รอบที่ 8 เวลา 13.00-13.30 น., รอบที่ 9 เวลา 13.30-14.00 น., รอบที่ 10 เวลา 14.00-14.30 น.

ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า ในกรณีการเยี่ยมญาติของนายทักษิณ หรือการติดต่อของบุคคลภายนอกกับผู้ต้องขัง คาดว่าอาจจะมีกลุ่มครอบครัวหรือญาติ เพื่อน องค์กรสิทธิต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ประสงค์เดินทางเข้าเยี่ยมจำนวนมาก ดังนั้น ราชทัณฑ์จึงต้องวางแผนบริหารจัดการ แต่อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับผู้บัญชาการเรือนจำฯ พิจารณาตามความเหมาะสม

ก่อนหน้านี้มี 10 บุคคลที่เคยเข้าเยี่ยมนายทักษิณก่อนถูกส่งตัวออกรักษาพยาบาลภายนอกเรือนจำที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ประกอบด้วย 1.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 2.นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีของ น.ส.แพทองธาร 3.น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ 4.นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามีของ น.ส.พินทองทา 5.นายพานทองแท้ ชินวัตร 6.น.ส.ณัฐฐิญา ปวงคำ ภรรยาของนายพานทองแท้ และอีก 4 รายคือ บรรดาหลานๆ ของนายทักษิณ จึงเป็นที่จับตาว่าในการเยี่ยมญาติครั้งนี้ที่เรือนจำกลางคลองเปรม จะมีบุคคลใดในครอบครัว กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยและคนใกล้ชิดอาจเข้าไปเยี่ยมนายทักษิณด้วยหรือไม่

วันเดียวกัน นายอลงกต วรกี สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ กล่าวว่า ในการประชุม กมธ.ติดตามการบริหารงบประมาณ วันที่ 15 ก.ย. เวลา 14.00 น. ที่ประชุมจะหารือถึงการตรวจสอบการใช้งบประมาณโครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ 5,000 ล้านบาทของ น.ส.แพทองธาร ที่มีการตั้งข้อสงสัยถึงการใช้งบประมาณว่ามีความคุ้มค่า เกิดประโยชน์มากน้อยเพียงใด หรือมีการรั่วไหลหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการอีเวนต์ต่างๆ ที่ถูกตั้งข้อสังเกตมีการล็อกสเปกให้บุคคลใกล้ชิดได้งาน ได้ดำเนินการประมูลถูกต้องตามระเบียบราชการหรือไม่ รวมทั้งจะพิจารณาดูความคุ้มค่าในแต่ละโครงการว่า มีการใช้งบประมาณเกิดประโยชน์เพียงใด ดำเนินการแล้วสามารถนำไปต่อยอดเป็นซอฟต์พาวเวอร์สร้างรายได้เข้าประเทศได้จริงหรือไม่

“การประชุม กมธ.ในวันดังกล่าว จะพิจารณาเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ มาให้ข้อมูลกับ กมธ.ต่อไป”        

ขณะเดียวกัน บัญชีเอ็กซ์ @thaccaofficial ของสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ หรือทักก้า (THACCA) ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของนายกฯ ที่ยังไม่จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ เนื่องจากกฎหมายยังไม่ผ่าน ได้โพสต์ข้อความระบุว่า มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะระบาย ไหนๆ ก็ใกล้จะลากันแล้ว จำได้ไหมปีแรกๆ ที่เรา THACCA โดนด่าว่าซอฟต์พาวเวอร์ 5,000 ล้านๆ โดนล้อโดนด่ามาตลอด รู้ไหมจริงๆ งบปี 2567 ไม่ได้เงินสักบาทเลยต้องมาของบกลาง แต่ก็โดนตัดแล้วตัดอีกจนเหลือ 635 ล้านบาท แค่ 12% จากที่เขาด่าเราเท่านั้น แต่เราก็พยายามทำงานเท่าที่เราได้งบมาให้ดีที่สุด มากที่สุด แล้วก็คุ้มที่สุด กับทุกอุตสาหกรรม ถ้าได้งบ 5,000 ล้านบาทจริงตามที่เขาด่า ตอนนี้ผลงานเราคงเยอะกว่านี้อีกหลายเท่าตัว"

นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์เอ็กซ์ในเรื่องนี้ว่า ที่อ้างว่าปี 2567 ได้รับงบเพียง 635 ล้านบาท ข้อเท็จจริงปี 2567 ได้งบ 635.54 ล้านบาท จากงบกลาง แต่ก็ไปของบจัดมหาสงกรานต์และอีเวนต์อีก 404.96 ล้านบาท ยังไม่นับรวมงบตามกระทรวงที่ซ้ำซ้อนกันอีก 2,188.96 ล้านบาท สรุปให้สั้นๆ งบปี 2567 635.54 + 404.96 + 2,188.86 = 3,229.36 ล้านบาท และปี 2568 ได้งบไป 2,318.42 ล้านบาท บวกกับงบกลางที่ขออีก 1,336.72 ล้านบาท และงบที่ซ้ำในกระทรวงอื่นๆ อีก 2,082.85 ล้านบาท ซึ่งปี 2568 ปีเดียวเกือบ 5,737.99 ล้านบาท รวม 2 ปีใช้เงินไป 8,967.35 ล้านบาท

 “หลายคนคิดว่า THACCA มีอยู่จริง แต่แท้จริงบนโลกนี้ยังไม่มีหน่วยงานนี้เกิดขึ้น เพราะยังไม่มีการก่อตั้ง THACCA ไม่มีกฎหมายเข้าสภาสักฉบับ มีแต่เพียงกลุ่มไลน์และคณะกรรมการฯ  ที่ทำงานกัน และมีเพียงหน่วยงานชื่อ ปยป.ที่ดูแลประสานงาน ดังนั้น THACCA จึงไม่มีอยู่จริงในไทยครับ” นายกรุณพลระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.