สยบลือโผครม.สะดุด อนุทินยันไร้ปัญหารับข้อเสนอหอการค้าพร้อมแถลงนโยบาย

"อนุทิน" สยบข่าวลือโผ ครม.สะดุด   เหตุรัฐมนตรีบางคนมีปัญหาคุณสมบัติ บอก "ไม่มีอะไรนี่" ก่อนขนว่าที่ รมต.เศรษฐกิจหารือหอการค้าไทย ย้ำ ครม.ทูลเกล้าฯ ถวายเรียบร้อย แถลงนโยบายลุยงานทันที แจงตั้ง "วรภัค" รมช.คลัง ตาม "เอกนิติ" แนะต้องใช้คนนี้ "เอกชน" ยื่น 7 ข้อเสนอเสาหลักฟื้นฟู ศก. "เด็ก ปชน." ขู่นายกฯ ไม่เปลี่ยนตัว รมต.พันทุจริตเจอแฉกลางวงแถลงนโยบายรัฐบาลแน่ "เท้ง" ไม่ขอวิจารณ์ ครม.หนู บอกเริ่มงานทางการลุยตรวจสอบหนัก "ปชป." เคาะ 18 ต.ค. ประชุมใหญ่เลือกหัวหน้าพรรค-กก.บห.

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 18 ก.ย.2568 ตั้งแต่ช่วงเช้ามีการเตรียมความพร้อมสถานที่สำหรับต้อนรับ ครม.ชุดใหม่ โดยในส่วนของตึกไทยคู่ฟ้า  ซึ่งมีห้องทำงานของนายกรัฐมนตรี แม่บ้านได้ทำความสะอาดขัดล้างบริเวณระเบียงชั้น 2 บนตึกไทยคู่ฟ้า และมีการตัดแต่งต้นไม้โดยรอบ ส่วนห้องทํางานของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ซึ่งจากโผ ครม.ใหม่ มีรองนายกรัฐมนตรีถึง 5 คน และรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี 4 คน ทำให้ห้องทำงานตึกบัญชาการ 1 ไม่เพียงพอ จึงจะมีการใช้ห้องทํางานที่ตึกบัญชาการ 2 เพิ่มเติม

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้เตรียมความพร้อมห้องประชุม ครม. ที่ตึกบัญชาการ 1 ไว้สำหรับประชุม ครม.นัดพิเศษ ภายหลังการเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนด้วย

ในส่วนความคืบหน้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุทิน 1 ภายหลังช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา  มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อ ครม.ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี   มีปัญหาถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อรัฐมนตรีบางคนติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุดแหล่งข่าวยืนยันว่ารายชื่อ ครม.ที่นำทูลเกล้าฯ ถวายไปนั้นไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว รวมทั้งช่วงค่ำวันที่ 17 ก.ย. ก็ยังปรากฏภาพนายอนุทินนั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด

ขณะที่เวลา 09.30 น. (18 ก.ย.) นายอนุทินพร้อมคณะประกอบด้วย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่ารองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง, นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่ รมว.พาณิชย์, นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ว่าที่ รมว.พลังงาน และนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่ รมช.การคลัง เดินทางไปที่หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อหารือร่วมกับคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยมีนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กรรมการหอการค้าไทยฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือ

นายอนุทินให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าหารือถึงกระแสข่าวโผ ครม.ต้องปรับเปลี่ยนเพราะรัฐมนตรีบางคนมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ โดยระบุเพียงว่า  วันนี้มาพูดคุยเรื่องการค้า เรื่องผู้ประกอบการ

เมื่อถามย้ำว่า จะปฏิเสธกระแสข่าวลือที่ออกมาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ก็ไม่มีอะไรนี่"

จากนั้นนายอนุทินกล่าวเปิดการประชุมร่วมกับคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งระบุว่า ที่มาในวันนี้เพื่อนำ ครม.ที่รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจมาพบกับทุกท่านได้รู้จัก ซึ่งมั่นใจว่าท่านทั้งหลายรู้จักกันดีอยู่แล้ว จึงตั้งใจมารับฟังในรายละเอียด มาหารือและมารับข้อเสนอแนะจากหอการค้าไทย ซึ่งรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นรัฐบาลที่เราเน้นในเรื่องของการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความกระชับและเข้มแข็งขึ้นภายในระยะเวลาที่เรามีอยู่ 

แจงเอกชนตั้ง 'วรภัค' รมช.คลัง

"ขออนุญาตแนะนำท่านผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งใน ครม.ของผมที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ที่ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรายชื่อไปแล้ว เพราะถ้ามีการโปรดเกล้าฯ ลงมา จะเร่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเพื่อให้สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ทันที" นายอนุทินกล่าว

ช่วงหนึ่งที่นายกฯ แนะนำรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ได้เน้นย้ำชื่อนายวรภัคว่า ต้องใช้คนนี้ เพราะนายเอกนิติเป็นคนแนะนำมา

ต่อมานายอนุทินแถลงภายหลังหารือกับสภาหอการค้าไทยว่า เราพยายามทำลายข้อจำกัดที่มีอยู่เพื่อไม่ปิดกั้นโอกาส ซึ่งในรายละเอียดว่าที่ รมว.การคลังและว่าที่ รมว.พาณิชย์จะนำสิ่งเหล่านี้ไปหาทางทำให้คล่องตัวขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาที่ค้างคาอยู่ และหลังจากนี้ตนจะเดินสายพูดคุยกับภาคเศรษฐกิจต่อ อาทิ สมาคมธนาคารไทย ซึ่งได้แจ้งกับนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ไปแล้ว โดยจะพูดคุยถึงสภาพคล่องทางการเงิน ค่าเงินบาทและดอกเบี้ย

ถามถึงร่างนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงมีประเด็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจกี่เปอร์เซ็นต์ นายอนุทินกล่าวว่า  ร่างนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภามีทุกมิติ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเราต้องพยายามอย่างเต็มที่ ทุกท่านคงเห็นว่าตนใจกว้าง ไม่คิดว่าหากผลักดันนโยบายที่ไม่ได้คิดเองออกไปอาจจะเป็นนโยบายของพรรคการเมืองอื่น แต่สำหรับตนคิดอย่างเดียวว่าถ้าเกิดประโยชน์กับประเทศประชาชนทำหมด

"เวลามีอยู่เท่านี้ มัวแต่ไปคิดว่าถ้ากลัวใครดีเด่นไม่ได้ แต่ถือว่าวินวินทั้งคู่ ไม่ใช่คนหนึ่งชนะคนหนึ่งแพ้ ถ้าเป็นแบบนั้นก็นำสู่ความขัดแย้ง ถ้าเราคิดว่าทุกอย่างถ้าประชาชนได้ ผมบอกได้อย่างเดียวว่าเอาหมด มีรู มีหนู" นายอนุทินกล่าว

ด้านนายพจน์กล่าวว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าฯ ได้วางนโยบายขับเคลื่อนในส่วนของภาคเอกชน โดยข้อเสนอแนะรวบรวมจากเครือข่ายหอการค้าไทยทั่วประเทศ ทั้งหอการค้าจังหวัด   สมาคมการค้า ตลอดจนหอการค้าต่างประเทศ โดยมีข้อเสนอ 7 เสาหลักฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย เพื่อให้รัฐบาลนำไปพิจารณาใช้เป็นมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ประกอบด้วย 1.การเสริมสร้างความเชื่อมั่นประเทศ และนักลงทุน ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความปลอดภัย 2.การเพิ่มสภาพคล่อง และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของทั้งผู้ประกอบการและภาคครัวเรือน 3.การลดภาระค่าครองชีพและต้นทุนประชาชน 4.การส่งเสริมการค้าการลงทุน โลจิสติกส์ ค้าขายเป็นธรรม และสร้างความสามารถในการแข่งขันให้ SMEs 5.การยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัย ทั้งอาชญากรรม ยาเสพติด และภัยออนไลน์  6.การเตรียมแผนรับมือผลกระทบจากสงครามการค้า และความผันผวนของค่าเงิน 7.การกระตุ้นกำลังซื้อและส่งเสริมการท่องเที่ยว ผ่านมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ

นอกจากนี้ นายพจน์ได้ฝากมาตรการเร่งด่วนระยะ 4 เดือน เสนอให้รัฐบาลใหม่ ได้แก่ 1.การค้าระหว่างประเทศที่ควรเร่งรัดการเจรจากับสหรัฐ ควบคู่กับการแก้ไขอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี และการขยายตลาดใหม่ในภูมิภาคที่มีศักยภาพ  2.ธปท.ควรดูแลค่าเงินบาทเชิงรุกและควรเดินหน้ามาตรการกระตุ้นกำลังซื้อที่ประชาชนคุ้นเคย เช่น คนละครึ่ง และ Easy E-Receipt 3.ภาคการท่องเที่ยว รัฐบาลควรตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแบบเบ็ดเสร็จ 4.มาตรการสำหรับภาคธุรกิจ SMEs 5.ควรกำหนดการปรับค่าจ้างตามมาตรา 87 รวมถึงหาทางออกปัญหาการขาดแคลนแรงงาน 6. ประชาชนควรได้รับการบรรเทาภาระค่าครองชีพ 7.เดินหน้านโยบาย Zero Corruption

ส่วนมาตรการในระยะกลาง 8 เดือน หอการค้าไทยเสนอให้รัฐบาลเร่งคืนภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรขาออก ภายใน 7-14 วัน เพื่อช่วยลดต้นทุนและเสริมสภาพคล่องแก่ผู้ส่งออก พร้อมกันนี้ ภาครัฐควรร่วมมือกับภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา  จัดตั้งกลไกการพัฒนาทักษะบุคลากรให้ตรงกับความต้องการของตลาด

"ข้อเสนอเหล่านี้ไม่ใช่เพียงมาตรการเฉพาะหน้า แต่คือแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ที่จะสร้างความหวังและความเชื่อมั่น หากรัฐบาล ภาคเอกชน และประชาชนร่วมมือกันอย่างมุ่งมั่นและจริงจัง หอการค้าฯ เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถกลับมาแข็งแรง และพร้อมสร้างโอกาสใหม่ให้กับประเทศและสังคมไทย" ประธานหอการค้าไทยระบุ

ปชน.จี้เปลี่ยนตัว รมต.ทุจริต

ที่รัฐสภา นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ  สส.ระยอง พรรคประชาชน (ปชน.) แถลงกรณีโผรายชื่อ ครม.ที่มีพฤติการณ์ต้องสงสัยว่าทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ในอดีตว่า เหตุใดจึงมีการเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีในโผ ครม.ของนายอนุทิน ทั้งที่มีการชี้มูลความผิดโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อช่วงปี 2565 และมีการลงเลขรับเรียบร้อย พร้อมรายงานไต่สวน เอกสารประกอบ ซึ่งภายหลังที่มีการไต่สวนชี้มูลความผิดเรียบร้อยแล้ว

นายชุติพงศ์กล่าวว่า ในเอกสารมีการระบุว่า ผู้ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลนั้น มีพฤติการณ์ทุจริตเบิกจ่ายงบประมาณโครงการ และมีการจ่ายเงินทั้งที่ยังไม่แล้วเสร็จ มีความประพฤติทำให้เสื่อมเสียแก่ศักดิ์ศรีและตำแหน่ง รวมถึงมีผลกระทบต่อประชาชน ทั้งนี้ ตนขออนุญาตยังไม่เปิดเผยว่าบุคคลดังกล่าวเป็นผู้ใด แต่ยืนยันได้ว่าบุคคลผู้นี้เป็นหนึ่งในชื่อของโผ ครม.ที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายไป

"เอกสารที่นำมาโชว์เหล่านี้ ถ้าหากทางนายอนุทินไม่มีการปรับปรุงหรือตรวจสอบให้ชัดเจน หรือยืนยันจะตั้ง ครม.ชุดนี้ขึ้นมาให้ได้ ผมจะเปิดเผยเอกสารชุดนี้ และก็ต้องตอบคำถามสังคมให้ดีว่าเหตุใดจึงตั้งบุคคลที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีพฤติกรรมทุจริตและมีมติเอกฉันท์ไปแล้วไปดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี ซึ่งหากไม่มีการปรับโผ ครม.ครั้งนี้ และยืนยันที่จะใช้ ครม.ชุดนี้ต่อไป ข้อมูลชุดนี้ทั้งหมดจะถูกเปิดเผยในวันที่มีการแถลงนโยบาย"   สส.พรรค ปชน.รายนี้ระบุ

ส่วนนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวถึงการทำหน้าที่ฝ่ายค้านว่า พรรคที่ไม่ใช่รัฐบาลก็มาเป็นฝ่ายค้านหมด เพราะฉะนั้นอาจจะไม่ได้ต้องการการทำงานที่เป็นเอกภาพเหมือนกับการเป็นฝ่ายรัฐบาล แต่การจะทำให้เราเดินหน้าไปตามกรอบ MOA ขึ้นอยู่กับพรรคเพื่อไทย (พท.) ด้วย หากพรรค พท.และพรรค ปชน.เป็นพรรคฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ไม่ได้มีเสียง สส.ไหลไปอยู่ฝั่งโน้น รัฐบาลเสียงข้างน้อยก็จะต้องเดินไปตามกรอบที่ได้มีการตกลงกัน

ถามถึงกรณีนายอนุทินตั้งคนบุรีรัมย์เป็นรัฐมนตรีจนมีเสียงวิจารณ์นั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า หลังจากที่ ครม.ทำหน้าที่แล้ว รอดูได้เลยว่าพรรค ปชน.จะแสดงออกทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มที่ ซึ่งอยากให้ทุกคนเข้าใจการวางบทบาทในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดโผ ครม. วันหนึ่งที่แน่ชัดว่ารัฐบาลเข้าสู่อำนาจบริหารประเทศอย่างเป็นทางการ เราก็พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มีการประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรค อาทิ นายประมวล พงศ์ถาวราเดช รักษาการหัวหน้าพรรค ปชป., นายชัยชนะ เดชเดโช รักษาการรองหัวหน้าพรรค, นายประกอบ รัตนพันธ์ รักษาการกรรมการบริหารพรรค, นายชนินทร์ รุ่งแสง รองเลขาฯ พรรค เพื่อเตรียมความพร้อมกำหนดวันจัดประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อให้มีการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

ทั้งนี้ กรรมการบริหารพรรคส่วนใหญ่ไม่ได้เดินทางมาด้วยตัวเอง เนื่องจากใช้วิธีการประชุมผ่านระบบทางไกลจากในพื้นที่แทน อาทิ นายเดชอิศม์ ขาวทอง รักษาการเลขาธิการพรรค ที่ประชุมมาจากจังหวัดสงขลา

ปชป.เลือกหัวหน้าใหม่ 18 ต.ค.

นายประมวลแถลงหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติให้วันเสาร์ที่ 18 ต.ค.2568 จะมีประชุมวิสามัญเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ ส่วนคนที่จะสมัครเป็นหัวหน้าพรรค ในวาระประชุมไม่มีเรื่องนี้ ซึ่งคนที่จะลงสมัครหัวหน้าพรรคสามารถยื่นสมัครในวันประชุม เพราะทุกคนคงรู้คุณสมบัติของตนเองว่าลงได้หรือลงไม่ได้ ถ้าลงได้ก็มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคหรือเป็นสมาชิกอยู่แล้ว

"องค์ประกอบการประชุมไม่ได้มีปัญหา และคิดว่าวันที่ 18 ต.ค.ที่จะมีการประชุมวิสามัญราบรื่นดี และคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะทุกคนรักพรรค ต้องการให้พรรคเดินไปข้างหน้า ฉะนั้นถ้าเรามีปัญหาอีกประชาชนมองเราอยู่ ต้องเข้าใจว่าพรรคเป็นองค์กร ต้องให้ความร่วมมือกับพรรค ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตน เห็นแก่ผลประโยชน์ของพรรคและประชาชน เพื่อให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าได้ในนามของพรรคประชาธิปัตย์" นายประมวลกล่าว

ถามว่า ในพรรคพูดคุยกันหรือไม่ว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรค นายประมวลกล่าวว่า สส.ก็มีถามกันบ้างว่าใครจะมาเป็น แต่ตนขอเวลาอีกหน่อย 2-3 สัปดาห์ว่าผู้มาสมัครจะแสดงความจำนงอย่างไร เพื่อให้สมาชิกพรรคที่เป็นโหวตเตอร์พิจารณา

ซักว่า กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะไม่ทำให้พรรคแตกแยกไปมากกว่านี้หรือไม่ นายประมวลกล่าวว่า เรื่องความเห็นต่างทางการเมืองเป็นเรื่องปกติของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งอยู่ที่ผู้บริหารพรรคชุดใหม่จะเปิดกว้างหรือไม่ จะทำอย่างไรให้พรรคเดินหน้าต่อไปได้ และพรรคอยู่ให้ได้และเป็นที่พึ่งของประชาชน

"รอบนี้ไม่มีรอยร้าว มีแต่จะช่วยสนับสนุนให้พรรคเดินไปข้างหน้าได้ เพราะเป็นบทเรียนของพรรคที่เกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งบทเรียนหลายครั้ง ก็จะทำให้ดีขึ้น กว่า 10 ปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์เกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาโดยตลอด แต่พรรคเป็นองค์กรเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการต่อไปได้" นายประมวลกล่าว

ด้านนายประกอบ ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า มีเสียงเรียกร้องจากประชาชนอยากให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค มาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ มากอบกู้วิกฤตพรรคในยามที่พรรคตกต่ำ  ที่สำคัญประชาชนในพื้นที่ อย่างในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะในเขตของตน ก็ดีใจมากที่ทราบว่านายอภิสิทธิ์จะกลับมา

ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) สาขา จ.กาญจนบุรี ได้จัดทำไพรมารีโหวต เพื่อคัดเลือกผู้สมัคร สส.ในการเลือกตั้งซ่อม เขต 4 ห้วยกระเจา เลาขวัญ บ่อพลอย และ หนองปรือ จ.กาญจนบุรี แทนนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีต สส.เพื่อไทย ที่ลาออกไป ผลปรากฏว่าไพรมารีโหวตมีมติให้ น.ส.วิสุดา วิเชียรศิลป์ บุตรสาวนายศักดิ์ดา เป็นผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 4 กาญจนบุรี น.ส.วิสุดาจะไปยื่นสมัครต่อ กกต.ในวันที่ 22 ก.ย.นี้ โดยการเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 19 ต.ค.2568.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โฆษกภูมิใจไทย โต้เดือด โทรโข่งเพื่อไทยแกล้งตาบอด ไม่เห็นภาพทักษิณกับเบน สมิธ

โฆษกภูมิใจไทย สวนโฆษกเพื่อไทย อย่าแกล้งตาบอด ปีนี้ใครถ่ายรูปกับ "เบน สมิธ" ยัน "อนุทิน" แค่รู้จักแต่ไม่สนิท ผลงานประจักษ์ยึดทรัพย์หมื่นล้านสแกมเมอร์รายใหญ่ บีบพ้น มท.1 เหตุไม่ให้สัญชาติใครหรือไม่ เย้ย 4 เดือนใครบริหารน้ำท่วมเหลว ขณะที่ "2 เดือน" นายกฯอนุทิน" เข้ามาแก้วิกฤติ