ภูมิใจไทยยื่นร่างแก้รัฐธรรมนูญต่อประธานรัฐสภาตาม MOA แล้ว เปิดสาระสำคัญ ให้รัฐสภาเลือก ส.ส.ร.จากตัวแทนจังหวัดละ 1 คน รวม 77 คน กับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีประสบการณ์อีก 22 คน ห้ามแตะหมวด 1-2 สว.ก็มาแปลก อ้างลงพื้นที่ทุกภาคพบว่าประชาชนเกือบ 100% ยืนยันอยากเลือก ส.ส.ร.ด้วยตนเอง รัฐสภาควรยืนยันสิ่งนี้
วันที่ 24 กันยายน 2568 พรรคภูมิใจไทย นำโดย น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย และนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เข้ายื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร
น.ส.แนนกล่าวว่า ในนามพรรคร่วมรัฐบาล วันนี้เรามายื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 ซึ่งมีรายชื่อกว่า 100 รายชื่อที่เรารวบรวมกันมา เพื่อเสนอต่อประธานสภาฯ ในการบรรจุลงระเบียบวาระต่อไป และเป็นประเด็นที่พรรคภูมิใจไทยส่วนหนึ่งได้มีการนําเสนอไปแล้ว และวันนี้ก็มีการยื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอเพียงการบรรจุเข้าระเบียบวาระเพื่อพิจารณาพร้อมๆ กับของพรรคอื่นๆ ต่อไป
สําหรับสาระสําคัญ หลักๆ เป็นเรื่องที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่จะมีสัดส่วนทั้งการเลือกโดยรัฐสภา ซึ่งสมัครผ่านตัวแทนจังหวัด และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เช่น นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ผู้ที่เคยร่างรัฐธรรมนูญ ร่าง ส.ส.ร. หรือผู้เชี่ยวชาญรัฐธรรมนูญด้วย แต่ขณะนี้เรื่องการที่จะผลักดันว่าร่างของพรรคใดจะเป็นร่างหลักนั้น คงต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง วันนี้พวกเราพร้อมจะยื่นตามที่เราสัญญาไว้ว่าจะทําเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นนี่ไม่ใช่สัดส่วนเฉพาะพรรคภูมิใจไทย แต่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคในการร่วมลงชื่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า นี่คือการแสดงการยืนยันว่าทําตาม MOA แน่นอนใช่หรือไม่ เธอตอบว่า "ใช่ค่ะ พูดแล้วทํา"
ด้านนายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า จะนำเอกสารร่างดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องตามขั้นตอนและกฎหมาย โดยในวันที่ 25 ก.ย.นี้ เวลา 14.00 น. จะนัดประชุมวิป 3 ฝ่าย เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการกำหนดวันอภิปรายการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาล พร้อมกันนี้จะนำเรื่องการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเข้าสู่ที่ประชุมในคราวเดียวกันด้วย ว่าจะกำหนดวันใดเป็นวันประชุม และจะนำร่างของพรรคการเมืองใดเป็นร่างหลัก
สำหรับสาระสำคัญของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคภูมิใจไทย กำหนดให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 ซึ่งได้ปรับสัดส่วนของจำนวนเสียง สว. จะร่วมลงมติเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระแรกและวาระสาม จากเดิมที่กำหนดให้ต้องเห็นชอบไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 จากจำนวน สว.ที่มีอยู่ของวุฒิสภา ไปเป็นไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวน สว.ที่มีอยู่ หากเทียบเกณฑ์ สว.ที่มีปัจจุบัน 200 คน เท่ากับว่าเสียงของ สว.ที่จะสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะใช้น้อยลง จาก 67 เสียง เหลือเพียง 50 เสียงเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังเพิ่มหมวดใหม่ 15/1 ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งกำหนดให้มี ส.ส.ร. ที่กำหนดให้รัฐสภาเป็นผู้เลือกผู้สมัครที่แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่ลงสมัครจากจังหวัดต่างๆ จังหวัดละ 1 คน รวม 77 คน และ 2.กลุ่มผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีประสบการณ์ 22 คน แบ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน 7 คน ผู้เชี่ยวชาญสาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จำนวน 7 คน และผู้มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดินหรือการร่างรัฐธรรมนูญ ตามเกณฑ์ที่ประธานรัฐสภากำหนด 8 คน
สำหรับเงื่อนไขของการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย ส.ส.ร.กำหนดให้ต้องทำให้เสร็จภายใน 360 วัน นอกจากนั้นแล้วยังได้กำหนดเงื่อนไขสำหรับเนื้อหาของการร่างรัฐธรรมนูญ ห้ามเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเปลี่ยนแปลงรูปของรัฐ รวมถึงแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ของรัฐธรรมนูญ 2560
นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา แถลงถึงการเดินหน้าจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขรัฐธรรมนูญว่า กมธ.ตั้งใจที่จะศึกษาแนวทางร่างรัฐธรรมนูญของทุกพรรคการเมือง และขณะนี้ยังรอคำวินิจฉัยฉบับเต็มของศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในส่วนความเห็นเพิ่มเติมที่ประชาชนไม่สามารถเลือกตั้ง ส.ส.ร.ได้โดยตรงว่ามีเหตุผลอย่างไร ซึ่ง กมธ.เคารพคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ แต่ยืนยันในหลักการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 ว่าประชาชนมีอำนาจอธิปไตยในการสถาปนารัฐธรรมนูญ ประชาชนควรมีสิทธิเลือก ส.ส.ร.ได้โดยตรง และคิดว่ารัฐสภาควรยืนยันสิ่งนี้แทนประชาชน
นายนรเศรษฐ์กล่าวต่อว่า กมธ.ได้ศึกษาแนวทางเรื่องที่มา ส.ส.ร. ซึ่งได้ลงพื้นที่ทุกภาค พบว่าประชาชนเกือบ 100% ยืนยันอยากเลือก ส.ส.ร.ด้วยตนเอง และต้องการ ส.ส.ร.ซึ่งเป็นตัวแทนของจังหวัด กมธ.จึงทำร่างโมเดล ส.ส.ร.แบบก้าว 2 ขา บันได 2 ขั้น แบ่งเป็นตัวแทนจากในพื้นที่ 200 คน คิดตามสัดส่วนประชากรในพื้นที่ จังหวัดที่ใหญ่ที่สุด มี ส.ส.ร.เต็มที่ได้ไม่เกิน 5 คน เพื่อไม่ให้ต่างจากจังหวัดที่มีขนาดเล็ก และแบบบัญชีรายชื่อที่เป็นผู้เชี่ยวชาญสมัครเข้ามา เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาเลือกให้เหลือ 200 คน โดยมีกฎเกณฑ์ว่าคะแนนของสมาชิกรัฐสภาไม่สามารถเลือกได้ทั้งแพ็ก อาจมีคะแนนให้เลือกในสัดส่วนคนละ 5-10 คะแนน เพื่อให้เกิดการกระจาย ทำให้ ส.ส.ร.มีความหลากหลายมากที่สุด
ต่อข้อถามว่า แนวคิดนี้มีความสอดคล้องกับร่างของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย ที่ให้ประชาชนเลือกมาลำดับแรก แต่ต่างจากของพรรคภูมิใจไทยที่อาจจะไม่ได้ให้ประชาชนร่วมเลือก เพราะกังวลจะขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ มองว่าจะไปต่อด้วยกันยากง่ายอย่างไร นายนรเศรษฐ์กล่าวว่า ความเห็นของพรรคภูมิใจไทยเป็นข้อกังวลที่ทุกพรรคการเมืองก็กังวล ซึ่งอาจจะเปิดช่องให้มีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ และเข้าใจในความกังวลของพรรคภูมิใจไทย และหลักการที่สำคัญของรัฐธรรมนูญระบุชัดว่า ประชาชนเป็นผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ จึงอยากให้สมาชิกรัฐสภายืนยันหลักการนี้ อย่าเพิ่งประเมินไปเองว่าศาลจะวินิจฉัยอะไรที่ขัดกับหลักการตรงนี้
นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. กล่าวถึงกรณีร่างของพรรคภูมิใจไทยที่อาจจะถูกร้อง เนื่องจากมีข้อกังขานั้นว่า ไม่ว่าจะร่างของพรรคไหนก็มีความสุ่มเสี่ยง ตนยังไม่เห็นร่างชัดๆ
เมื่อถามว่า หากเรื่องใดที่มีความสุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ จะตัดออกใช่หรือไม่ นายพิสิษฐ์กล่าวว่า แน่นอน เชื่อว่า สส.ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะที่วินิจฉัยว่ารัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเป็นผู้เลือก ส.ส.ร.ได้โดยตรงนั้น ส่วนตัวมองว่ามีความเป็นไปได้ที่วุฒิสภาจะโหวตผ่านวาระ 1 แต่อย่างไรก็ตาม ในหมวด 1 หมวด 2 ต้องไม่แก้ ขอให้จับตาดู เพราะสิ่งที่นักการเมืองกลัวมี 2 อย่างคือ จริยธรรม และความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากเกิดจากดีลที่พรรคสีส้มและพรรคสีน้ำเงินไปตกลงทำกันมา ดังนั้น ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงควรแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันทั้ง 2 พรรค เพื่อเป็นหลักประกันให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่าภายใต้ข้อตกลงนี้ ทั้งพรรคแกนนำรัฐบาลและพรรคแกนนำฝ่ายค้านมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน มีเนื้อหาสาระอย่างเดียวกัน และมีที่มาจากสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แบบเดียวกัน เพื่อผลักดันให้เกิดผลในรัฐสภา เพราะหากต่างคนต่างร่าง หรือต่างคนต่างเสนออย่างที่เป็นอยู่ ก็จะมีปัญหาว่าเมื่อรัฐสภาผ่านวาระแรกไปแล้ว ในชั้นกรรมาธิการจะใช้ร่างฉบับใดเป็นร่างหลัก และถึงที่สุดหน้าตาของส.ส.ร. ซึ่งจะเป็นเนื้อหาของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะออกมาอย่างที่คนส่วนใหญ่เขากังวลว่าอาจจะเกิดเป็น ส.ส.ร.สีน้ำเงินขึ้นด้วยหรือไม่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา


