รุมยำ‘อังคณา’ชี้เป้าให้เขมร

“อนุทิน” บอกยังไม่มีเวลาฟังซาวด์ผี ย้ำปฏิบัติการมอบอำนาจให้กองทัพตัดสินใจเต็มสูบ “ชาดา” ลั่นเป็นสงครามรูปแบบใหม่ ไม่ได้ยิงระเบิดหรือฆ่าใคร ซัด “อังคณา” พูดผิดหัวใจคนไทย เหมือนคนไม่รักชาติ ร่ายปัญหาเกิดจากคน 2 คนขัดผลประโยชน์ สุดสงสาร “นายกฯ อิ๊งค์” เหมือนพ่อแม่รังแกฉัน “กัน จอมพลัง” ถามกลับ สว.เคยลงพื้นที่ไหม ข้องใจชี้เป้าให้เขมร “สุณัย-ชำนาญ” พาเหรดโผล่ขย้ำ บอกทำให้ไทยตกเป็นเบี้ยล่างครั้งแรก “นายกฯ หนู” ปัดข่าวตำหนิรอง มทภ.2 “สส.อุทัยฯ” ชี้ผลงานพระเอกลิเกเก่าสร้างไอโอปั่นกระแส

เมื่อวันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะการเปิดสารคดีและซาวด์เสียงหลอน เป็นมาตรการผลักดันชาวกัมพูชาที่รุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทยกลับประเทศจากเบาไปหาหนักใช่หรือไม่ว่า เรื่องปฏิบัติได้มอบอำนาจให้กองทัพตัดสินใจอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องการเจรจาทางการทูต ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเมื่อวันที่ 12 ต.ค. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ เดินทางไปกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปพบฝ่ายกัมพูชาและมาเลเซีย ซึ่งเดินทางกลับวันนี้ โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทั้งสองฝ่ายให้ดำเนินการอย่างเต็มที่

เมื่อถามถึงการเปิดซาวด์เสียงผีหลอนจะผิดหลักมนุษยชนหรือไม่ เพราะมี สว.ออกมาติงเรื่องนี้ นายอนุทินกล่าวว่า เดี๋ยวขอไปฟังก่อน ยังไม่มีเวลาฟังเลย ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาลงพื้นที่ตลอด แต่ยังยืนยันว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมาย ทั้งกฎหมายไทยและกฎหมายสากล รวมถึงกฎกติกาสากลด้วย 

ถามย้ำว่า จะไม่ทำให้ไทยเพลี่ยงพล้ำในเวทีโลกใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เรารักษาอธิปไตยของเรา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ทำหนังสือตอบกลับไปยังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาหรือยัง นายอนุทิน กล่าวว่า มีหนังสือตอบกลับประธานาธิบดีทรัมป์ไปแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12-13 ต.ค. นายสีหศักดิ์ได้เดินทางไปเยือนมาเลเซียในลักษณะ Working Visit เพื่อเข้าร่วมการประชุมต่างๆ ตามคำเชิญของนายกฯ มาเลเซีย ซึ่งได้มีการหารือถึงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาด้วย โดยฝ่ายไทยย้ำความสำคัญของกลไกทวิภาคี และการแสดงความจริงใจในการปฏิบัติตามสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้ใน 4 ข้อหลัก คือ 1.การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน 2.การร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิด 3.การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และ 4.การให้ความร่วมมือบริหารจัดการบริเวณพื้นที่ชายแดน เช่นในกรณีบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว โดยหวังจะเห็นความจริงใจของกัมพูชาเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายบรรลุเป้าประสงค์ในทางปฏิบัติ เพื่อสันติภาพและความสงบสุขของประชาชนทั้งสองประเทศ

ขณะที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงเรื่องไทยนำซาวด์หลอนไปเปิดที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ว่าโลกยุคใหม่มีสงครามหลายรูปแบบ ปัจจุบันเป็นยุคดิจิทัล มีประชาชน อินฟลูเอนเซอร์ออกมาเป็นธรรมดา เราไม่ได้ยิงระเบิด เราไม่ได้ไปฆ่าใคร เราเปิดเสียงเพลงบ้านเรา แต่เวลาเขาทำเราก็ต้องเข้าใจว่าคนไทยโดนกระทำมาหลายสิบปี

ชาดาซูฮก 'กัน จอมพลัง'

ถามถึงกรณี สว.ระบุว่าการกระทำของไทยละเมิดสิทธิมนุษยชน นายชาดากล่าวว่า พยายามมอง 2 ด้าน  คุณพูดไม่ผิด คุณเป็นนักสิทธิมนุษยชน แต่ไม่ควรพูดเวลานี้และไม่ควรพูดแบบนี้ ต้องมีศิลปะการพูด คนที่เขาทำงานอยู่ก็รักชาติ กัน จอมพลัง เอาเวลาไปทำมาหากินอย่างอื่นก็ได้ แต่เขาทำทุกอย่าง บางคนว่าเขาหิวแสง แต่เขาทำแล้วมีประโยชน์กับบ้านเมือง มีประโยชน์ทางทหาร ต้องยอมรับในการกระทำ ถือว่าเก่งหาเงินมาทำได้ มีคนให้ความเคารพความเชื่อใจ เขาเจตนาดีอย่าไปมองสิ่งนั้น

 “คนที่ออกมาพูดไม่ควรพูดเวลานี้ และไม่ใช่พูดแบบนี้ พูดเหมือนเขาทำผิดเลวร้ายละเมิดสิทธิมนุษยชน แม้สิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องใหญ่ แต่นี่ยังไม่ได้ละเมิด เป็นสงครามจิตวิทยาดีกว่ารบด้วยอาวุธ คนจะพูดต้องรู้ว่าควรพูดแบบไหน ทหารกำลังปฏิบัติจิตวิทยา หน้าที่คุณปกป้องสิทธิ แต่ไม่ใช่เวลานี้ ผิดเวลา ผิดที่ผิดทาง ผิดหัวใจคนไทยทั้งชาติ เหมือนคนพูดไม่รักประเทศไทย"

นายชาดายังกล่าวว่า วันนี้สังคมไทยต้องตระหนักให้ดี  ต้องรู้ว่าสงครามเกิดขึ้นเพราะคน 2 คน ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย คน 2 คนทำให้คนตาย คน 2 คนทำให้ชาวบ้านประชาชนต้องอพยพไม่ได้ทำมาหากิน เกิดจากคน 2 คน ไม่ใช่ 2 ประเทศ คน 2 คนที่อยู่บนผลประโยชน์ร่วมกัน  พอผลประโยชน์ขัดก็มีปัญหา เกิดจากคน 2 คนภายใต้ผลประโยชน์ใต้เกาะกูด วันนี้ไม่มีใครเอาความจริงออกมาแฉ ว่าผลประโยชน์ MOU 43 เขตบนดิน MOU 44 เขตใต้ทะเล มีการแบ่งปันผลประโยชน์กันเอง พอคน 2 คนทะเลาะกันเรื่องก็ถูกแฉออกมา แต่สังคมคนไทยไม่รู้  พรรคพวกที่ก่อเหตุก็ไปโทษไอโอ พยายามเบี่ยงไปกาสิโน  ความจริงคือคนละประเด็น

 “ถ้าเป็นสงครามขึ้นมา ไทยเปิดปฏิบัติการถ้าปล่อยให้ทหารทำเต็มที่แล้วค่อยเจรจา คนที่ได้เปรียบทางยุทธวิธี ยุทธการเจรจาย่อมมีอำนาจเหนือกว่า แต่ก็มีคนไปคุยกับนายอันวาร์ อิบราฮิม ประธานอาเซียน เราแพ้ยับเยิน ไปเพราะมีใบสั่งมา ทำให้ไทยเสียเปรียบ เหมือนที่เคยมีคนถามว่า กระทรวงการต่างประเทศอยู่ที่ไหนในรัฐบาลที่แล้ว  แทบไม่ออกเลย ไม่ออกมาเพราะคุณถูกสั่งอยู่หรือไม่” นายชาดากล่าว

ชี้พ่อแม่รังแกฉัน

นายชาดาย้ำว่า เราไม่ได้ทะเลาะกับเขมร แต่เราทะเลาะกับฮุน เซน และมีไอโอของสีแดงปั่นตลอด สร้างสถานการณ์ตลอด ปัญหากัมพูชาคือปัญหาตระกูลฮุน เซน  ไทยต้องจับประเด็นนี้ให้ดี เพราะเรากับเขมรย้ายบ้านหนีไม่ได้ ลบทิ้งจากแผนที่ไม่ได้ ปัญหาคือฮุน เซน เขาทำได้ทุกอย่าง ขนาดเป็นเขมรแดงถูกสังคมประณามล่มสลายไป ยังรอดตัวมาเป็นพระเอกได้อีก แสดงว่าไม่ใช่กะล่อนธรรมดา แต่กะล่อนระดับโลก มาทำร้ายผู้หญิงอย่างอดีตนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ขอฝากถามนายทักษิณ ชินวัตร ว่าได้แสดงการปกป้องลูกอย่างไร 

 “ผมสงสารนายกฯ แพทองธาร เขาน่าสงสารมาก เขาทำเพื่อคุณพ่อ แต่คุณพ่อไม่แสดงให้ลูกสาวว่าไม่ผิด ถ้ารวยแบบท่านแล้วเพื่อนผมทำแบบนี้ ผมจะมีกองกำลังปฏิวัติเขมร นี่คือความเป็นจริง แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะผลประโยชน์ เราทะเลาะกันก็เพราะผลประโยชน์ แต่มันไม่ใช่ผลประโยชน์ของชาติ เป็นผลประโยชน์ของบุคคล ที่มีความรู้ดูดาวเทียมได้” นายชาดากล่าว

ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่นั้น หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ในพื้นที่ปฏิบัติการ บ้านหนองหญ้าแก้วอีก 2 ทุ่น เป็นระเบิดชนิดระเบิดอยู่กับที่ MN79 จำนวน 1 ทุ่น สภาพพร้อมทำงาน และใกล้กันพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดระเบิดอยู่กับที่ PMN จำนวน 1 ทุ่น สภาพพร้อมทำงาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บกู้ทุ่นระเบิด 2 ทุ่นเรียบร้อย โดยตั้งแต่เริ่มปฏิบัติภารกิจมาตั้งแต่วันที่ 10-13 ต.ค. 68 พบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแล้ว 7 ทุ่น แบ่งเป็นระเบิด PMN สภาพพร้อมใช้งาน 6 ทุ่น และทุ่นระเบิด MN79 สภาพพร้อมใช้งาน 1 ทุ่น

ขณะเดียวกัน พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ศปก.ทภ.1 ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา  จ.สระแก้ว เพื่อติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าของการปฏิบัติภารกิจในทุกภาคส่วน และยังได้หารือร่วมกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  และร่วมตรวจเยี่ยมมอบสิ่งของเป็นกำลังใจให้ชุดควบคุมฝูงชนและหน่วยทหารที่ปฏิบัติร่วมกัน

ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐพร้อมคณะได้ลงไปตรวจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว และตรวจเยี่ยมกำลังพลตำรวจตระเวนชายแดนที่จุดตรวจบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง โดยยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมบูรณาการสนับสนุนการปฏิบัติอย่างเต็มที่ และพร้อมดำเนินการด้านกฎหมายเพื่อปกป้องรักษาอธิปไตยของไทย

เช่นเดียวกับ พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยทหารตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่กองกำลังสุรนารี เพื่อติดตามสถานการณ์  ตรวจเยี่ยมขวัญกำลังใจ และกำชับแนวทางการปฏิบัติงาน  โดยให้คำมั่นว่าจะไม่ยอมให้เสียอธิปไตยของชาติแม้แต่ตารางเซนติเมตรเดียว

ส่วนนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง เดินทางมาถึงที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อเตรียมกิจกรรมฉายหนังกลางแปลง และกิจกรรมรถแห่ฮาโลวีนในคืนนี้ โดยให้สัมภาษาณ์ว่า ทหารปฏิบัติหน้าที่เหน็ดเหนื่อยกันมาหลายเดือน ไม่ได้กลับบ้านไปพบกับครอบครัว จึงตั้งใจจะจัดกิจกรรมฮาโลวีนให้ทหารไทยได้มีสีสันสนุกสนาน ที่บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน

ย้อนแสบ สว.อังคณา

ถามถึงกรณีนางอังคณา นีละไพจิตร สว.ที่ออกมาบอกว่าไม่ได้มีการว่ากล่าวใคร เป็นแค่เพียงความห่วงใยนั้น กัน จอมพลังถามกลับว่า ท่านห่วงใยคนไทยหรือห่วงใยเขมร วันนี้อย่าลืมว่าท่านเป็นผู้ทรงเกียรติของประเทศไทย กินเงินเดือนของไทย ซึ่งอยากให้โฟกัสคนไทย หลักมนุษยธรรมและหลักมนุษยชนเราให้เขมรมามากแล้ว แต่สุดท้ายเขมรใจร้ายกับเรา วันนี้คนไทยบางคนไม่มีที่เพราะถูกเขมรยึดที่ไป หรือเด็กที่ถูกเขมรนำมาเป็นโล่มนุษย์เราจะทำอย่างไร และในช่วงที่เขมรยิงปืนหลายลำกล้องถูกเด็กไทยเสียชีวิตที่ร้านสะดวกซื้อ หรือเสียชีวิตที่บ้าน ท่านเคยช่วยอะไรเขาหรือไม่ หรือแม้แต่ครอบครัวทหารที่มีลูกเล็ก 8 เดือน สามีจากไปในสมรภูมิ ซึ่งตนได้มีการไปช่วยเหลือครอบครัวของพวกเขาเหล่านั้น

 “วันนี้ สว.ผู้ทรงเกียรติออกมาพูดในขณะที่กินเงินภาษีของประชาชน ท่านได้ไปหาครอบครัวของพวกเขาแม้แต่คนเดียวแล้วหรือยัง หรือได้ให้เงินช่วยเหลือหรือไม่ ซึ่งถ้าหากจะพูดเท่ๆ แบบท่านก็ทำได้ แต่คนที่จะหนักคือทหารและคนที่ทำงาน ดังนั้นควรออกมาช่วยเป็นกำลังใจเพื่อให้ทำงานง่ายขึ้นดีขึ้นดีกว่า และอีกสิ่งที่น่ากังวลคือ การแสดงความคิดเห็นดังกล่าว ขอตั้งคำถามว่าหากเขมรนำคำพูดไปสนับสนุนในฝั่งเขา มันจะดีหรือไม่ หรือจะเป็นการชี้เป้าให้กัมพูชาหรือไม่”

ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวถึงการเปิดเสียงซาวด์ผีหลอนใส่กัมพูชา ว่า กัมพูชาย่อมมีสิทธิ์เปิดเสียงหลอนใส่ไทยได้เช่นกัน การเปิดเสียงหลอนกลางดึกเป็นการทำสงครามจิตวิทยาทางเสียง ยังดีกว่าทำสงครามฆ่ากันตาย และไม่ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนกันตรงไหน

นายณัชพล สุพัฒนะ หรือมาร์ค พิทบูล หัวหน้าทีมยุทธศาสตร์พรรคเศรษฐกิจ โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้นางอังคณาว่า "อย่ามาพูดว่ารักชาติ ยังไม่เคยเห็นทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อชาติ เคยเห็นแต่จ้องเรียกร้องสิทธิบ้าๆ บอๆ ให้พวกทำลายชาติ ตอนคนไทยโดนรังแก โดนวางระเบิด โดนยิงจรวดใส่ คุณไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ตอบ"

ส่วนนายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาฮิวแมนไรต์วอตช์ ประเทศไทย ทวีตข้อความในเอ็กซ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "ถือเป็นการคุกคามทางจิตวิทยาต่อพลเรือน ผิดชัดเจน พลาดมากจริงๆ เปิดโอกาสให้กัมพูชาสามารถกล่าวหาไทยได้อย่างมีน้ำหนักเป็นครั้งแรก และการที่นายกฯ อนุทินและกองทัพเลือกให้ท้าย กัน จอมพลัง แบบนี้เหมือนล้มกระดานการทำงานหนักอย่างต่อเนื่องของนักการทูต ที่อาศัยการเคารพกฎกติกาสากลสร้างความชอบธรรมให้ไทย และตอบโต้กัมพูชาได้ในทุกประเด็นที่ผ่านมาเกี่ยวกับปัญหาพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา"

นายชำนาญ จันทร์เรือง อดีตรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า "เหตุการณ์ปล่อยเสียงหลอนของอินฟลูหิวแสงวันนี้ ได้ทำลายกระบวนการทั้งหมดที่กระทรวงการต่างประเทศได้พยายามกอบกู้สถานะประเทศไทยในสายตานานาชาติลงอย่างสิ้นเชิง ถ้าเป็น รมว.กต.คงทนทำงานต่อไปไม่ได้แล้วน่ะครับ"

ด้านขแมร์ไทมส์ สื่อกัมพูชาได้เผยแพร่ว่า นายโวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้ไทยรับรองว่าการปฏิบัติต่อทหารกัมพูชา 18 นาย เป็นไปตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน เพราะถูกควบคุมตัวอย่างผิดกฎหมายครบ 76 วัน

นายกฯ หนูซัดข่าวลวง

สำหรับการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) 43-44 นั้น นายอนุทินกล่าวว่า เราต้องมานั่งดูกันตรงนี้ เราต้องคำนึงถึงผลได้ผลเสียให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่สิ่งที่ยืนยันคือ รัฐบาลไม่มีวันที่จะทำอะไรให้ประเทศไทยเสียเปรียบ ให้หลักไปแบบนี้ เพราะมีคนทำงาน มีคนเจรจาและศึกษาอยู่ สุดท้ายก็ค่อยมาตัดสินใจ

ถามว่า เรื่องนี้ต้องเร่งด่วนหรือไม่ เพราะเรื่องรัฐธรรมนูญก็ทำเร่งด่วน นายกฯ กล่าวว่าตามกระบวนการ

น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย โฆษกพรรค ภท. กล่าวเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้คุยกันเพราะถือว่าเป็นการทำงานของ ครม. ส่วนเรื่องเนื้อหาที่สภา กมธ.ก็กำลังศึกษาอยู่ ส่วนจะมีข้อสรุปได้ช่วงไหนขึ้นอยู่กับ กมธ.

นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. กล่าวว่า MOU 43-44 ไม่ควรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ ในรัฐธรรมนูญ 50 และ 60 ระบุอยู่แล้วว่า การทำสัญญาระหว่างประเทศต้องผ่านรัฐสภาก่อน แต่ในรัฐธรรมนูญ 40 ยังไม่มีข้อนี้จึงทำให้เกิดปัญหา หากถามว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการทำประชามติในการถามคำถามดังกล่าว ก็ต้องบอกว่าเห็นด้วย แต่อยากให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ MOU 43-44 เพราะคำถามที่ไม่เข้าใจจะได้คำตอบที่แท้จริง อย่างน้อยต้องทราบว่าหากยกเลิกไปแล้วจะดีหรือไม่ดีอย่างไร และหากไม่ยกเลิกจะเกิดผลเสียอย่างไร

ส่วนนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "จะไปยื่นหนังสือถึงนายกฯ วันอังคารนี้ 9.30 น. ที่สภา เพื่อให้ยกเลิก MOU 2543 อ้างอิงมาตรา 60 อนุสัญญากรุงเวียนนาฯ"

วันเดียวกัน นายอนุทินโพสต์เฟสบุ๊กถึงกรณีได้กล่าวตำหนิ พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ว่า "ข่าวนี้เป็นข่าวลวง ผู้ที่ได้อ่านอย่าได้หลงเชื่อ และจะให้นักกฎหมายดำเนินคดีต่อผู้นำเสนอข้อมูลนี้ด้วย"

ต่อมานายอนุทินให้สัมภาษณ์ย้ำว่า เสนอข่าวอย่างนี้แย่ ที่บอกว่าไปตำหนิรองแม่ทัพภาคที่ 2 ยังไม่เคยรู้จักท่านเลย และวันนี้มันใช่ไหม วันที่จะไปตำหนิคนนั้นคนนี้ ทุกคนทำงานเพื่อบ้านเมือง การเสนอข่าวแบบนี้ชัดเจนว่าประสงค์ร้าย เราก็ต้องดำเนินการฟ้องร้อง

นายชาดากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นการเมืองแน่นอน มีพรรคหนึ่งทำที่อยู่เบื้องหลังคิดชั่วพวกนี้ เป็นคนไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง พยายามสร้างความแตกแยกเบี่ยงเบนประเด็น ใช้วิธีสกปรก พวกไอโอทำอยู่ในวัดวัดหนึ่ง ไม่ใช่คนอื่นไม่รู้ เริ่มต้นมาจากคนของพรรคบางพรรคที่อยู่ในวัดนี้ ทำคลิปออกมาปลุกปั่นเรื่องศาสนา วัดนี้ที่เคยถูกตรวจค้น แต่ไม่ใช่พระทำ รู้ว่าใครทำ พวกพระเอกลิเกเก่า

ด้าน พล.ต.ณัฏฐ์โพสต์เฟซบุ๊กขอบคุณนายนายอนุทินที่แจ้งให้คนไทยทราบว่าเป็นข่าวลวง พร้อมระบุว่า อยากให้ผู้คนในสังคมร่วมมือร่วมใจกันมองที่ชาติบ้านเมืองเป็นหลัก แล้วศัตรูหมู่มารจะแพ้พ่าย ยึดมั่นในพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ว่า “ในการปฏิบัติราชการนั้น ขอให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ อย่านึกถึงบำเหน็จรางวัลหรือผลประโยชน์ให้มาก ขอให้ถือว่าการทำหน้าที่ได้สมบูรณ์เป็นทั้งรางวัลและประโยชน์อย่างประเสริฐ  จะทำให้บ้านเมืองของเราอยู่อย่างเป็นสุขและมั่นคง”.