หนูนัด24ต.ค.ถกกกต. ปม‘ประชามติ’MOU

“ไตรศุลี” ร่อนหนังสือถึง กกต.  บอก “อนุทิน” ขอเข้าพบเพื่อถกเรื่องประชามติยกเลิก MOU 43-44 “บวรศักดิ์” เรียกหน่วยงานถกลับนัดแรก ให้การบ้านทุกฝ่ายไปสำรวจข้อดี-ข้อเสีย “ไชยชนก” ปูดสั่ง กต.หาทางรับมือหากขึ้นศาลโลกไว้ด้วย “ศิริพงศ์” คาด 1-2 เดือนได้ผลสรุปชัด

เมื่อวันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม 2568 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด นร  0403(กน)/10969 ถึงเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  เรื่องเข้าพบหารือ กกต. โดยมีเนื้อหาระบุว่า ด้วยนายกรัฐมนตรีมีความประสงค์จะนำคณะเข้าพบ กกต. เพื่อหารือแนวทางการจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก (MOU 2543) และบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (MOU 2544) ในวันลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป ในวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม 2568 เวลา 09.00 น. ถึง 11.00 น. ณ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรัฐ (สลค.) นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมหารือแนวทางการยกเลิก MOU 43-44 โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม, นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณา MOU 43-44 สภาผู้แทนราษฎร, พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม, นายศุภชัย ใจสมุทร  โฆษกกระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานความมั่นคงเข้าร่วมด้วย

พล.ท.อดุลย์กล่าวภายหลังการประชุมว่า  เป็นแค่การหารือกันเบื้องต้น ไม่มีอะไรเลย

ขณะที่นายบวรศักดิ์ได้เดินมาขึ้นรถที่ลานจอดชั้นใต้ดิน ซึ่งผู้สื่อข่าวได้พยายามตะโกนสอบถามถึงผลการหารือ นายบวรศักดิ์จึงลดกระจกรถยนต์ลงและตะโกนบอกว่า “ถึงเวลาจะพูด”

แหล่งข่าวในที่ประชุมเผยว่า การประชุมวันนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นการหารือเรื่องข้อดี-ข้อเสียและแนวทางดำเนินการต่อไป ซึ่งกองทัพเป็นผู้เสนอ และหลังจากนี้จะให้หน่วยงานต่างๆ   แยกย้ายไปทำข้อมูลเพื่อนำกลับมาส่งให้กับรัฐบาล

เมื่อถามว่า กรมแผนที่ทหารมีความกังวลในการยกเลิก MOU หรือไม่ เพราะส่งผลต่อการปักปันเขตแดน แหล่งข่าวระบุว่า ทหารได้หมดอยู่แล้ว เพราะไม่ว่าไปทางไหนก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งต้องนำข้อดีมาใช้ประโยชน์ และแก้ไขข้อเสีย  ยืนยันว่าขณะนี้ไม่มีความกังวลในเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศแต่อย่างใด 

ส่วนนายไชยชนกกล่าวว่า ที่ประชุม​เห็นได้ถึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วน​ ทั้งฝั่งความมั่นคงและรัฐบาล​ ทำให้มั่นใจได้ว่าทั้งรัฐบาลและประเทศไทยจะมีความพร้อมมากขึ้น​ และไม่ว่าผลของการทำประชามติ​จะออกมาในรูปแบบใด​ที่จะทำให้เราได้เปรียบมากขึ้นในทุกสถานการณ์​ และหลังนี้ทุกฝ่ายจะกลับไปทำการบ้านมา

เมื่อถามถึงข้อสรุปการยกเลิก MOU 2543-​2544 จะใช้มติคณะรัฐมนตรีหรือทำประชามติ  นายไชยชนกกล่าวว่า ปัจจุบันยังเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลคือทำประชามติ และได้มีการเตรียมความพร้อมรับผลของประชามติ​จะยกเลิกหรือไม่ยกเลิก หรือต้องปรับปรุง​ รวมถึงด้านต่างประเทศหากเกิดการเปลี่ยนแปลง ยกเลิก MOU ​หรือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างอื่น เรามีความพร้อม ดังนั้นการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้ ทิศทางเป็นไปในทางบวก และไทยพร้อมรับมือมากขึ้นกับทุกสถานการณ์ เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นแน่ ​เพราะทุกคนกำลังร่วมมือกัน

นายไชยชนกกล่าวอีกว่า นายบวรศักดิ์ยังได้กำชับหน่วยงานด้านความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศให้เตรียมศึกษาสถานการณ์ทุกรูปแบบ  ขณะที่ กต.ได้แจ้งว่าที่ผ่านมากระทรวงพยายามทำตามนโยบายทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ไปศาลโลก แต่ไม่ใช่ว่านโยบายของรัฐบาลจะไปสู้ในศาลโลก​ โดยนายบวรศักดิ์ได้ให้นโยบายว่า เราต้องมีความพร้อม ไม่ว่าเรื่องจะไปสู่ศาลโลกหรือไม่ ซึ่ง กต.จะทำการบ้านเพิ่มเติม หากต้องไปศาลโลก เพื่อให้ไทยไม่เสียเปรียบ​

เมื่อถามถึงแนวทางการทำประชามติ​จากที่เดิมมีแค่ยกเลิกหรือไม่ยกเลิก จากการประชุมวันนี้จะมีการเพิ่มเรื่องการปรับปรุง MOU ใช่หรือไม่ นายไชยชนก​กล่าวว่า​ ยังมีอีกหลายแนวทาง  แต่รายละเอียดขอให้แต่ละฝ่ายไปทำการบ้านเพิ่มเติม เพื่อกลับมานำเสนออีกครั้ง ไม่เช่นนั้นจะเป็นการกดดัน แต่ยืนยันว่า MOU 2543 และ 2544 มีการแยกศึกษาที่ไม่ใช่การเหมารวม​ ตรงไหนได้เปรียบหรือมีข้อกังวล ทุกอย่างจะถูกนำมาพิจารณาทั้งหมด

เมื่อถามว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงกังวลอะไรหรือไม่ นายไชยชนกกล่าวว่า​ ทุกฝ่ายมีความเป็นห่วงและมีความตั้งใจทำให้สถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น ย้ำว่าระหว่างรัฐบาล​ กระทรวงกลาโหม หน่วยงานด้านความมั่นคงและ กต. มีความสัมพันธ์​ ความสามัคคีที่ดีขึ้นในการที่จะร่วมกันแก้ปัญหา​

ถามย้ำว่า แนวทางหากมีการยกเลิก MOU  จะเป็นอย่างไร​ นายไชยชนกกล่าวว่า​ ที่ประชุมมีการหารือว่าต้องมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อเสนอข้อมูลเชิงลึก ซึ่งหากยกเลิกมีหลายรูปแบบ ไม่ใช่เพียงการฉีก MOU​ แต่ต้องกำหนดระยะเวลาในการยกเลิก

ขณะที่ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เป็นการประชุมนัดแรก ซึ่งมีการรับฟังข้อดีและข้อเสียในการที่บังคับใช้ต่อหรือจะยกเลิก และจะมีผลในทางปฏิบัติอย่างไร ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 เดือนจะได้ข้อสรุป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.