IPUหนุนไทยปราบสแกมเมอร์

"ธรรมนัส" นั่งหัวโต๊ะนัดแรก ปราบค้ามนุษย์ สแกมเมอร์ สั่งขึงขังต้องทำงานจริงเห็นรูปธรรม แสลงใจคำว่าจีนเทา ทำลายท่องเที่ยว  ขณะที่ “ยธ.” โยนดีเอสไอตั้ง คกก.ลุยสอบทุกเคส  เบิกฤกษ์ทำงานบูรณาการ “เฉิน จื้อ” กมธ.ปปง.ไล่ขุดเส้นทางเงิน บี้แกะรอยบริษัทลูก “สตช.” โอ่บุกก่อนเกาหลีแต่เขมรไม่ร่วมมือ "โรม" ปลื้มรัฐสภาโหวตท่วมท้นหนุนไทยปราบสแกมเมอร์

เมื่อวันพุธ เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (คณะกรรมการ ปคม.) ครั้งที่ 3/2568

ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวช่วงหนึ่งในช่วงต้นการประชุมว่า สิ่งที่เรากำลังจะทำในกรอบระยะเวลาที่เหลืออยู่จะต้องทำทุกอย่างให้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาทั้งการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ​ กรรมการทุกท่านที่เห็นๆ ส่วนใหญ่​ ก็เป็นพี่น้องที่รู้จักกันมานาน และน่าจะทำงานไปด้วยกันเพื่อให้สัมฤทธิผลตามที่นายกรัฐมนตรีได้วางไว้ ​ ซึ่งวันนี้เป็นวาระแรกและเป็นงานใหม่ ขอให้ทุกท่านทำงานด้วยจิตใจที่มั่นคงที่จะแก้ไขปัญหาให้กับสังคม

ขณะที่ น.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมว่า ในที่ประชุม ร.อ.ธรรมนัสย้ำว่าพี่น้องประชาชนไม่ควรตกเป็นเครื่องมือหรือตกเป็นเหยื่อ และไม่ควรนำประเด็นเรื่องการเมืองเข้ามาแทรกแซงการทำหน้าที่ ขอให้รัฐบาลช่วยกันสื่อสารเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศมหาอำนาจ ซึ่งมีบทบาทสำคัญด้านเศรษฐกิจ อย่างเช่นคำพูดที่ชอบใช้คำว่าจีนเทา ซึ่งเป็นวลีภาษาที่ไม่ดีส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวทำให้ซบเซา รวมถึงส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ไปยังประเทศจีน กระทบถึงภาคเศรษฐกิจร่วมด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการปราบปรามและเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้

พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า เราประชุมเบื้องต้นว่าทุกกรณีที่เป็นข่าว จะตรวจสอบโดยให้นโยบายอธิบดีดีเอสไอไป ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.คดีพิเศษ ตรวจสอบทางการข่าว โดยตั้งในรูปคณะกรรมการสืบสวนเบื้องต้น บูรณาการทุกส่วนทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อพิสูจน์ทราบ หากพบเป็นความผิดก็มีอำนาจตามกฎหมายที่จะรับเป็นคดีพิเศษ ต่อไปนี้ทุกเคสทุกกรณีที่สื่อเปิดทั้งหมดนั้น ถ้าเรารับทราบ มีคณะกรรมการตรวจสอบข่าวลักษณะนี้ และเมื่อทราบแล้วก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนทุกประเด็นในคดีที่สำคัญ ในส่วนของนักการเมืองเราเพิ่งดำเนินการ ตนเชื่อว่าถ้ามีพยานหลักฐานต่างๆ นายกรัฐมนตรีดำเนินการแน่นอน ตอนนี้ยังไม่มีรายชื่อนักการเมืองในมือดีเอสไอ

เมื่อถามถึงการขยายผลการฟอกเงิน ยึดทรัพย์ นายเฉิน จื้อ รมว.ยธ.กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเคสแรกที่ได้ใช้อำนาจการสอบสวนคดีพิเศษสืบสวนประสานกับหน่วยงานทั้งในและนอกประเทศ อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเป็นเรื่องระหว่างประเทศ 

ส่วนกรณีมีการตรวจสอบกรณีบริษัทปริ้นซ์ มีตั้งอยู่ที่อาคารซิโน-ไทย มีความคืบหน้าอย่างไร พล.ต.ท.รุทธพลกล่าวว่า ส่วนนี้ได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ในดีเอสไอจะตั้งกรรมการพิสูจน์ทราบ เพราะเรื่องการจดทะเบียนต่างๆ มีหน่วยงานที่เราจะไปขอข้อมูลได้ โดยต้องขอเวลา ส่วนจะดำเนินการยึดทรัพย์ได้เลยหรือไม่ ขออนุญาตรอผลก่อน

ขุดเงินเฉิน จื้อ

ที่รัฐสภา นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุม กมธ.กรณีสอบเส้นเงินนายเฉิน จื้อ ว่า ปปง.แจ้งว่าได้ดำเนินการ 2 ทาง คือ 1.ขอข้อมูลจากสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ เกี่ยวกับฐานความผิดการยึดทรัพย์ และ 2.การสืบสวนสอบสวนทั้งกรณีผู้บริหารบริษัท ปริ้นซ์ โฮลดิง กรุ๊ป (ปริ้นซ์กรุ๊ป) ว่าผู้บริหารมีหุ้นส่วนต่างๆ ในประเทศไทยอีกหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนของ ปปง.และตำรวจ

นายดนุพรกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน กมธ.ได้เสนอให้ ปปง.และตำรวจตรวจสอบแผนการเงินของบริษัท ตามที่เปิดชื่อมาในข่าวให้ดูความเชื่อมโยงทางการเงิน ซึ่งเชื่อว่าภายใน 1-2 สัปดาห์จะมีความคืบหน้า ทั้งนี้ ทางรัฐบาลยังไม่ได้สั่งการให้ ปปง.ดำเนินการตรวจสอบเส้นเงินนายเฉิน

นายดนุพรกล่าวอีกว่า ในที่ประชุม กมธ.ได้พูดคุยเกี่ยวกับการฟอกเงิน ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้นำรายชื่อบริษัทในเครือปริ้นซ์กรุ๊ปในประเทศกัมพูชามาพิจารณา ซึ่งเชื่อว่าหากตรวจสอบรายชื่อผู้บริหารในบริษัทเหล่านี้ ก็เชื่อว่าจะมีชื่อของผู้บริหารที่มีเครือข่ายอยู่ในหลายประเทศ และแนะนำให้ ปปง.ประสานงานกับประเทศต่างๆ เพื่อขอข้อมูลจากบริษัทลูก เพื่อให้ได้รายชื่อผู้บริหารบริษัทต่างๆ ที่กระจายอยู่ในต่างประเทศ มาตรวจสอบข้อมูลในประเทศไทยว่ามีความเชื่อมโยงทางการเงินหรือไม่

นายดนุพรกล่าวอีกว่า ส่วนรายชื่อนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ได้มีการสอบถามตำรวจไซเบอร์ ทางตำรวจยังไม่ได้บอกรายชื่อมา

ขณะที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้รับมอบหมายจากผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้รับหนังสือจากนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น กรณีขอให้ดำเนินการหยุด การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลอนุทิน ทั้งคณะเนื่องจากมีการสงสัยในหลายประการทั้งแต่งตั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีสำคัญ โยกย้ายข้าราชการระดับสูง รวมถึงแก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ นานาชาติมองประเทศไทยว่าไม่ดำเนินการในเรื่องนี้ จึงไม่ไว้วางใจให้รัฐบาลนายอนุทิน

โดยนายวิโรจน์ระบุถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ยังอยู่ในเงื่อนไขการพิจารณาของฝ่ายค้าน

ฉีกหน้าฮุน เซน

นายวิโรจน์กล่าวว่า แต่จนถึงวันนี้รัฐบาลไทยยังไม่สามารถลากคอขบวนการเหล่านั้นที่เป็นคนไทยให้ประชาชนได้เห็นหน้าเห็นตาได้เลย ตนเองกังวลเรื่องนี้อย่างมาก มั่นใจว่าสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักรที่เป็นประเทศพันธมิตรต่างๆ ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนเส้นทางการเงินและข้อมูลทางด้านอาชญากรทางไซเบอร์ เขาอาจจะมีเบาะแสอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้น ถ้ารัฐบาลของนายอนุทินรู้ตัวต้องเร่งลากคอขบวนการเหล่านั้นออกมาก่อนที่สหรัฐอเมริกาและบรรดานานาประเทศจะเปิดเผยรายชื่อเหล่านั้นเอง

"ถ้ามีการเปิดเผยรายชื่อจากสหรัฐอเมริกาและนานาประเทศเกิดขึ้นก่อนนั่นหมายความว่าประเทศไทยไม่ได้อยู่ในฐานะประเทศพันธมิตร เครือข่ายปราบปรามสแกมเมอร์ข้ามชาติแล้ว แต่จะถูกทั้งโลกมองว่าเราคือประเทศเครือข่ายสแกมเมอร์เสียเอง นอกจากจะเสียหายต่อเกียรติภูมิประเทศชาติแล้วยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศและการลงทุนจากต่างประเทศด้วย" นายวิโรจน์กล่าว

นายวิโรจน์ระบุว่า เราสังเกตเห็นท่าทีฮุน เซน และฮุน มาเนต หรือไม่ เวลาที่เขาพร้อมจะตอบโต้ ทุกมาตรการของประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นทางการทหารหรือการรุกล้ำที่ดิน หรือการกดดันจากภาคประชาชนเขาจะตอบโต้ตลอด และตอบโต้ไปถึงเวทีต่างประเทศตลอด แต่เขาก็ถูกกดดันในเรื่องแก๊งสแกมเมอร์ ปรากฏว่าท่าทีของฮุน เซน ฮุน มาเนต เขาเงียบไม่โต้ตอบเหมือนยอมจำนนต่อโลก เพราะรู้อยู่แล้วว่าหลักฐานเส้นทางทางการเงินขององค์กรต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินบ่งชี้อยู่แล้ว ว่าฐานปฏิบัติการก่อการสแกมเมอร์ ที่เป็นค่ายกักกันแรงงานค้ามนุษย์ด้วยอยู่ที่กัมพูชาจำนวนไม่น้อย ดังนั้นทั่วโลกต้องการฟังความชัดเจนจากนายอนุทินว่าจะจัดการแก๊งสแกมเมอร์ที่มีฐานที่ตั้งในกัมพูชาอย่างไร" นายวิโรจน์กล่าว

นายวิโรจน์กล่าวว่า เราจะมีความร่วมมือกับองค์กรต่างประเทศ และบรรดาประเทศพันธมิตรในการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชาอย่างไร ซึ่งบางบริษัทเราสามารถตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน ที่มีการส่งเงินสกปรกจากกัมพูชา ถ้าเราตรวจสอบอย่างจริงจังจะสามารถผลักกัมพูชากลับเข้าไปสู่บัญชีสีเทา ซึ่งจะมีการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินอย่างมาก จะส่งผลต่อเศรษฐกิจการค้าของกัมพูชาอย่างรุนแรง นี่คือการเอาคืนสมเด็จฮุน เซน อย่างสาสมที่สุด

ด้านนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การดำเนินการในเรื่องต่างๆ ทำได้ทันทีไม่ต้องไปตั้งคณะกรรมการ ไม่ต้องลีลาเต้นรำ แต่ไม่เกิดผลจริง เราต้องทำให้โลกปราศจากข้อสงสัยว่าเป็นการแก้ปัญหาด้วยการลูบหน้าปะจมูกหรือไม่ เราต้องไม่ลืมว่ายังมีคนไทยถูกขังอยู่จำนวนมาก เกาหลีใต้ใช้เวลาเพียงแค่ 2 วันก็สามารถช่วยคนของเขากลับคืนมาได้หมด อย่างนี้นายกฯ จะปล่อยให้คนไทยรับกรรมอยู่หรือไม่

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) กล่าวว่า ยืนยันว่าตำรวจไทยเดินหน้าปฏิบัติการดังกล่าวมาก่อนทางตำรวจเกาหลีใต้และทำอย่างจริงจัง เนื่องจากมีหมายจับที่ชัดเจนระบุรายชื่อบุคคลที่กระทำความผิดไว้ แต่ความร่วมมือที่เราได้รับจากทางการกัมพูชาแตกต่างจากเกาหลีใต้ เรื่องนี้อยู่ที่ทางกัมพูชาที่จะตัดสินใจให้ความร่วมมือกับไทยเหมือนกับที่ให้กับเกาหลีใต้หรือไม่

พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวว่า สำนักงาน ปปง.ได้มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการอายัดทรัพย์บุคคลในเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นบุคคลสองสัญชาติ เช่น กรณีของออกญา ลี ยงพัด หรือชื่อไทยว่า พัด สุภาภา สมาชิกวุฒิสภาและนักธุรกิจชาวกัมพูชาเชื้อสายจีนและไทยเกาะกง เจ้าของบริษัท แอลวายพีกรุป (LYP Group) เรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ตรวจสอบว่าผิดกฎหมายส่วนใดให้กระทรวงมหาดไทยรับเรื่องไป หากพบว่ามีความผิดก็จะมีการเพิกถอนสัญชาติเป็นลำดับต่อไป

“ในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่ามีหลักฐานแน่ชัดว่า พัด สุภาภา มีบัตรประชาชนของประเทศไทย แต่เป็นชาวกัมพูชา และมีชื่ออยู่ในเครือข่ายสแกมเมอร์ รีสอร์ตโอร์เสม็ดกาสิโน ที่ตั้งอยู่ฝั่งกัมพูชา ซึ่งคาดว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยสำนักงาน ปปง. มีการอายัดทรัพย์พัด สุภาภา เฉพาะในประเทศไทยไปแล้วประมาณ 70 ล้านบาท” พล.ต.ท.ไตรรงค์ระบุ

รัฐสภาโลกหนุนไทย

ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์  ที่ประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา หรือ IPU สมัยที่ 151 ได้พิจารณาคำขอให้บรรจุ “วาระเร่งด่วน” หรือ Emergency item ในระเบียบวาระการประชุมใหญ่ของ IPU เนื่องจากชาติสมาชิกเห็นว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือกำลังเกิดขึ้น และส่งผลกระทบด้านต่างๆ ในวงกว้าง จึงต้องการให้รัฐสภาทั่วโลกรับทราบ และแสดงบทบาทร่วมกันในการจัดการปัญหาภายใต้กรอบนิติบัญญัติ

โดยผลการลงคะแนนของชาติสมาชิกสหภาพรัฐสภา จำนวนกว่า 100 ประเทศ ปรากฏว่า ร่างข้อมติว่าด้วยอาชญากรรมองค์กรข้ามชาติและอาชญากรรมไซเบอร์ และภัยคุกคามแบบผสมผสานต่อประชาธิปไตยและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งเสนอโดยผู้แทนรัฐสภาไทยและชาติพันธมิตร ได้รับเสียงสนับสนุนท่วมท้นเกิน 2 ใน 3 ของที่ประชุม IPU คือเห็นด้วย 850 เสียง ไม่เห็นด้วย 200 โดยจำนวนเสียงสองในสาม คือ 601 เสียง จึงได้รับการบรรจุเป็น "ระเบียบวาระเร่งด่วน" หนึ่งเดียวในปีนี้ ซึ่งผลโหวตถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ของรัฐสภาไทย ในการผลักดันวาระที่ไทยให้ความสำคัญ ได้รับการบรรจุเข้าสู่เวทีการแก้ไขปัญหาระดับโลกได้

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะสมาชิกรัฐสภาไทย ที่เข้าร่วมประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา กล่าวว่า ความสำเร็จในครั้งนี้ ถือเป็นการบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ เพราะร่างแรกที่เสนอโดยประเทศไทย แล้วผ่านเข้าสู่เวทีใหญ่ IPU ได้สำเร็จ และยังถือว่าได้คะแนนโหวตสูงมากกว่า 800 คะแนน

สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะมีการตั้งกรรมาธิการจำนวน 11 คน เป็นตัวแทนจากทุกกลุ่มภูมิภาคของ IPU ซึ่งมี 6 กลุ่ม แต่ละกลุ่มเสนอชื่อกรรมาธิการได้ไม่เกิน 2 ชื่อ (เสนอ 1 ชื่อก็ได้ โดยในส่วนของผู้แทนรัฐสภาไทย จะเสนอชื่อนายรังสิมันต์เป็นหนึ่งในกรรมาธิการ ทั้งเป็นที่น่าสังเกตว่าผู้แทนรัฐสภากัมพูชาได้เสนอตัวเป็นกรรมาธิการปรับแก้ร่างข้อมติฉบับนี้ด้วย 11 คน แต่รัฐสภากัมพูชาไม่ได้เข้าร่วมลงมติสนับสนุนร่างข้อมติฉบับนี้ และไม่ได้เข้าร่วมประชุมในช่วงลงมติเลยด้วยซ้ำ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง