เดือด! "วรภัค" ท้า "สฤณี" มานั่งคุยต่อหน้าที่บ้าน โชว์หลักฐานภรรยารับเงินคริปโตสกุล Tether ยันไม่เคยรับเงินที่ว่า "นักเขียนอิสระ" เมนต์ตอบเจอส่วนตัวสังคมไม่ได้ประโยชน์ แนะอดีต รมช.คลังแจงสังคม-ก.ล.ต.ตรงจุดกว่า รับตัวเองไม่มีเอกสารหลักฐาน แค่ติดตามข่าวเจาะทอม ไรต์ มาเรียบเรียง "คุณหญิงหน่อย" แนะใช้โอกาสทองร่วมมหาอำนาจปราบสแกมเมอร์ "เทพไท" จี้นายกฯ หนู สั่ง รมต.ที่ถูกพาดพิงเลียนแบบวรภัค ก่อนลุกลาม "จตุพร" ชี้บรรยากาศการเมืองลูกผีลูกคนนี้อาจยุบสภาเดือน ธ.ค. "พงศ์พรหม" ห่วงทุนเทาทำลายเสาหลักชาติ
เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568 นายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (อดีต รมช.การคลัง) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวโดยแนบลิงก์เฟซบุ๊กของ น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล นักเขียน และนักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ พร้อมระบุข้อความว่า "คุณสฤณีครับ ผมยินดีจะนั่งคุยต่อหน้ากัน และถ้าคุณมีเอกสารหลักฐาน เอาเอกสารหลักฐานมาเปิดเผยให้เห็นกันเลยครับว่าภรรยาผมเคยรับเงินคริปโตสกุล Tether เพราะเราไม่เคยรับเงินอะไรที่ว่านี้เลย"
นายวรภัคกล่าวว่า "การนำข่าวที่เขียนลอยๆ มาเผยแพร่โดยไม่มีเอกสารหลักฐานของจริงมายืนยันทำให้ผมเสียหายครับ ผมชื่นชมและติดตามผลงานของคุณสฤณีมาตลอด แต่อยากให้เขียนโดยปราศจากอคติและให้เป็นบทความมีข้อเท็จจริงที่เป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วยครับ"
"ยินดีนั่งเล่าข้อเท็จจริงทุกอย่างฟังได้เลยครับ เพราะผมไม่มีอะไรต้องปิดบัง ถ้าสะดวกเรียนเชิญมาที่บ้านผม จะได้รู้ว่าพวกเรามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร ชื่นชมและติดตามผลงานของน้องมาตลอด ประทับใจตั้งแต่เคยไปทริปภูฏานด้วยกันแล้วเห็นน้องนั่งจดบันทึกข้อมูลที่ไกด์เล่าให้ฟังตลอดทริป แต่อยากมีโอกาสนั่งเล่าให้ฟังจริงๆ ครับว่าเรื่องราวมีอะไรยังไงบ้าง เพราะผมไม่มีอะไรต้องปิดบัง" อดีต รมช.การคลังระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โพสต์ของ น.ส.สฤณี ระบุว่า โอ้โหโพสต์ล่าสุดบนบล็อก Whale Hunting นี่ ถ้าเป็นหนังตำรวจต้องเรียกว่า เจอ smoking gun แล้วนะคะ คุณ Bradley Hope (คู่หู Tom) เปิดเอกสารสิงคโปร์ 84 หน้า ที่ชี้ชัดมากเรื่องการโอน credit fund ไปให้ Beteverse (KuCoin) และการจ่ายเงินเป็นคริปโตสกุล Tether ให้กับภรรยาคุณวรภัค และภรรยา Ben Smith
นอกจากนี้ น.ส.สฤณีคอมเมนต์ตอบนายวรภัคว่า อยากเสนอว่าเจอกันส่วนตัวสังคมน่าจะไม่ได้ประโยชน์อะไร คุณวรภัคน่าจะชี้แจงต่อสังคม และการสอบสวนของ ก.ล.ต. จะตรงจุดกว่า เพราะตัวเองไม่ได้มีเอกสารหลักฐานอะไรเลย แค่ติดตามการทำข่าวเจาะของคุณ Tom Wright และเรียบเรียงมานำเสนอเท่านั้นค่ะ
เพจ PPTV ช่อง 36 เผยแพร่คำสัมภาษณ์ของ น.ส.สฤณี ตอนหนึ่งระบุว่า ก่อนอื่นขอชื่นชมการแสดงสปิริตของนายวรภัคในการลาออกจากตำแหน่ง พร้อมแนะนำว่า หากนายวรภัคถูกแอบอ้างจริง ควรแจ้งความกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง BIC Bank กัมพูชา เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า แค่การลาออกของคุณวรภัคคงไม่พอ เพราะการลาออกไม่ใช่จุดจบของเรื่อง แต่นายกฯ คงต้องเร่งสั่ง ปปง.และ ก.ล.ต.ให้ดำเนินการต่อว่าสามารถขยายผลเอาผิดได้หรือไม่ ต้องดำเนินการต่อให้สิ้นสงสัย เพื่อให้ความเป็นธรรมกับคุณวรภัคด้วย ถ้าผิดต้องจัดการ ถ้าไม่ผิดจะได้อยู่อย่างไร้มลทิน ไม่มีข้อครหาใดๆ อีก
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า รัฐบาลไทยในขณะนี้ได้รับแรงกดดันจากหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน และเกาหลีใต้ ซึ่งต่างได้รับผลกระทบจากเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติที่มีฐานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยนำเงินมาฟอกในประเทศไทย จึงเป็นโอกาสดีที่รัฐบาลต้องใช้ความกล้าหาญและจริงใจในการจัดการกับขบวนการเหล่านี้ เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของประชาชนและภาพลักษณ์ของประเทศในสายตานานาชาติ
สแกมเมอร์ส่อทำยุบสภาเร็ว
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า รัฐบาลควรเร่งร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ให้หน่วยงานหลักของไทยอย่างธนาคารแห่งประเทศไทย ปปง. และ DSI ตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงอายัดทรัพย์สินทันที เพื่อป้องกันการโยกย้ายเงินออกนอกประเทศ รวมทั้งเสนอให้ตรวจสอบการลงทุนของบริษัทต่างชาติที่เข้ามาถือหุ้นในบริษัทมหาชนของไทย ซึ่งอาจเป็นช่องทางฟอกเงิน และให้จับตาการส่งออกทองคำไปยังกัมพูชาที่มีปริมาณสูงผิดปกติ เพราะอาจเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการฟอกเงินข้ามพรมแดนที่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทและเศรษฐกิจโดยตรง
"ปัญหาที่แท้จริงของการปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์อยู่ที่ข้าราชการและนักการเมืองสีเทาที่รับเงิน หรือบางรายเข้าไปมีส่วนได้เสียในธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น การพนันออนไลน์ ก่อนจะนำเงินเหล่านั้นมาใช้ซื้อเสียงในการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการปราบปรามอย่างแท้จริง" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
ขณะที่ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “วรภัค ลาออก ระวังลุกลาม” ตอนหนึ่งระบุว่า หลังจากมีกระแสกดดันมายังรัฐบาล เรียกร้องให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ใช้ความเด็ดขาด ความเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาแก๊งสแกมเมอร์ จนนายอนุทินต้องตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่ง ที่เรียกกันว่า “บอร์ดปราบแก๊งสแกมเมอร์” และยกเรื่องการปราบแก๊งสแกมเมอร์เป็นวาระแห่งชาติ แต่กระแสกดดันมายังรัฐบาลไม่ได้ลดน้อยลง เนื่องจาก สส.ฝ่ายค้านคือ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และนายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ได้อภิปรายถึงตัวบุคคลที่เป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลชุดนี้ว่า เกี่ยวพันหรือเกี่ยวข้องกับนักธุรกิจสีเทา มีการแสดงภาพโชว์แผนผังเกี่ยวกับตัวบุคคลว่า มีความเกี่ยวข้องกัน มีการโชว์ภาพของนายเบน สมิธ นายทักษิณ ชินวัตร และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หรือผู้กองธรรมนัส ได้อภิปรายในที่ประชุมรัฐสภา ตั้งคำถามมายังนายอนุทิน และได้อภิปรายถึงตัวบุคคลว่ามีความเกี่ยวข้องกับคนที่นายอนุทินแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี
ต่อมาภายหลังมีการปรากฏชื่อว่าเป็นนายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.การคลัง กระแสกดดันเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนนายอนุทินได้สั่งการให้นายวรภัคชี้แจงเรื่องทั้งหมดเป็นหนังสือ ทำให้นายวรภัคต้องเปิดแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง ในที่สุดได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ถือว่าเป็นการแสดงสปิริต เป็นการแสดงความรับผิดชอบ เมื่อถูกพาดพิงก็พร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเอง แตกต่างกับนักการเมืองที่อยู่ในรัฐบาลชุดนี้ มีการพาดพิงถึงตัวบุคคลเช่นเดียวกัน แต่ยังไม่แสดงท่าทีหรือความรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่นายอนุทินในฐานะหัวหน้ารัฐบาลจะต้องเข้าไปกำกับดูแล และทำให้เรื่องนี้โปร่งใสมากที่สุด ควรใช้มาตรฐานเดียวกันกับกรณีของนายวรภัค
"นายอนุทินในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ก็ควรที่จะสั่งการหรือกำกับให้รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ ที่ถูกพาดพิงหรือมีข้อสงสัยได้ปฏิบัติเช่นเดียวกับนายวรภัค คือลาออกไปก่อน เพื่อพิสูจน์ความจริง ถ้าหากว่านายอนุทินไม่สามารถไปกำหนดหรือกำกับให้รัฐมนตรีร่วมรัฐบาลชุดนี้ปฏิบัติเช่นเดียวกัน ก็จะเป็นความลักลั่นและสองมาตรฐาน กระแสสังคมก็จะเรียกร้องกดดันไปยังนายอนุทินให้ดำเนินการต่อรัฐมนตรีที่ถูกสังคมคลางแคลงใจ และมีข้อสงสัยให้รับผิดชอบหรือพิจารณาตัวเองลาออกเพื่อไปพิสูจน์ความจริง ถ้าหากไม่สามารถกำหนดหรือบังคับได้ อาจจะเป็นโดมิโน ลุกลามจากนายวรภัคไปยังรัฐมนตรีคนอื่นๆ และในที่สุดจะลุกลามไปถึงตัวนายอนุทิน นายกรัฐมนตรีด้วย" นายเทพไทกล่าว
เช่นเดียวกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน เรื่องการปราบแก๊งสแกมเมอร์ ว่า การลาออกจาก รมช.การคลังของนายวรภัค และจะดำเนินคดีกับผู้กล่าวหาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
นายจตุพรกล่าวว่า การปราบแก๊งสแกมเมอร์ขณะนี้ไม่ได้เป็นเรื่องของไทยกับกัมพูชาอีกแล้ว ยังมีสหรัฐอเมริกา อังกฤษ เกาหลีใต้ และเวียดนาม เข้ามาร่วมจัดการด้วย สถานการณ์แบบนี้ไทยต้องรีบลงมือปราบแก๊งสแกมเมอร์อย่างจริงจัง และสหรัฐคงมาตั้งศูนย์ปราบสแกมเมอร์ในไทย และอาจมีเรื่องความมั่นคงอย่างอื่นตามแทรกเข้ามาในช่องว่างของสถานการณ์นี้ก็เป็นไปได้
"ขณะนี้พรรคประชาชนรุกหนักในการปราบสแกมเมอร์ แต่พรรคนี้ก็เป็นต้นตอให้เกิดรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ดังนั้นบรรยากาศแบบลูกผีลูกคนนี้ การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน อาจยุบสภาในเดือนธันวาคมก็ได้ เพราะปัญหาการเมืองแต่ละเรื่องขยับเร็วมาก" นายจตุพรกล่าว
ทุนเทาสั่นคลอนเสาหลัก ปท.
นายพงศ์พรหม ยามะรัต อดีตรองหัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊กโดยสรุประบุว่า วิกฤตสแกมเมอร์รอบนี้ใหญ่กว่าที่เราคิดมาก เหตุเพราะกลุ่มทุนเทายักษ์ในพม่า เขมร ต้องการผันและฟอกเงินออกโดยเรากำลังพูดถึงเงินหลายหมื่นล้านบาท กลไกดีที่สุดย่อมเป็นประเทศไทย เพราะใกล้ทั้งพม่าและเขมร โดยสิ่งที่น่าห่วงคือคนต่างชาติระดับบริหารของทุนเทายักษ์นี้ ไม่ได้สนประชาชน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ของไทย หมายถึงหากเขาแผ่อิทธิพลได้เต็มที่แล้ว ใครมาขวางจะโดนเก็บหมด
นายพงศ์พรหมกล่าวว่า เรามีนักการเมืองเทา จับมือทหารเทาและตำรวจเทา ไปมีเอี่ยวผลประโยชน์ที่ว่านี้หมายถึงทั้งสแกมเมอร์, พนันออนไลน์, ยาเสพติด, ค้าสัตว์ป่าสงวน, ตัดป่าไทยขาย, ลักลอบนำเข้าขยะพิษฝั่งภาคตะวันออก หมดนี่คือก้อนเค้กขนาดใหญ่กว่า 100,000 ล้านบาท ปัญหาใหญ่สุดอยู่กรุงเทพฯ กิจกรรมชายแดนเป็นเพียงการเบนความสนใจ ส่วนต่างจังหวัดจะมีการฟอกเงินผ่านวัดจำนวนมาก โดยเฉพาะพื้นที่ของนักการเมืองกลุ่มเหล่านี้ ดังนั้นจะลุยคนที่จะมายึดครองประเทศเรา ต้องลุยที่หัวใจทุนเทามาเฟียนี้ นักการเมืองกลุ่มไหนสนับสนุนการตรวจสอบเส้นทางเงินเทา กลุ่มไหนสนับสนุนการอายัดทรัพย์สิน กลุ่มไหนสนับสนุนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน กลุ่มไหนสนับสนุนการตัดสัญญาณเน็ต ตัดน้ำ ตัดไฟ อย่าไปสนสี แต่เราต้องสนับสนุนนักการเมืองเหล่านี้
"นักการเมืองกลุ่มไหนอยู่เงียบ เลวกว่านั้นคือปกป้องเหล่าสแกมเมอร์และนักฟอกเงิน ประชาชนต้องรวมตัวกันไม่สนับสนุน ไม่ใช่โง่เข้าไปปกป้อง เพียงแค่เหม็นขี้หน้านักการเมืองกลุ่มที่เขากำลังตรวจสอบ นี่จึงไม่ใช่เวลาของสงครามสีเสื้อ แต่เป็นเวลาของความเป็นความตายประชาชน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่กำลังจะถูกทุนเทามาเฟียขนาดยักษ์มายึดครองเสาหลักของชาติ กำลังเผชิญความอันตรายครั้งใหญ่ที่สุดหลังสงครามคอมมิวนิสต์ครับ" อดีตรองหัวหน้าพรรคกล้ากล่าว
วันเดียวกัน ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพล สถาบันวิจัยความสุขชุมชน เผยแพร่บทความเรื่อง "ร้ายยิ่งกว่า สแกมเมอร์ คือ...” ตอนหนึ่งระบุว่าสังคมไทยเผชิญกับภัยจากสแกมเมอร์มาหลายระลอก จนดูเหมือนเป็นเรื่องปกติของยุคดิจิทัล แต่จากการวิเคราะห์ข้อมูลภาคสนาม การวิจัยเชิงลึก และการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ยืนยันได้ว่าปัญหาที่แท้จริงใหญ่กว่าสแกมเมอร์มากนัก เพราะไม่ใช่แค่ขบวนการมิจฉาชีพ สแกมเมอร์มีรายได้ต่อวันคือประมาณ 180 ล้าน ถึง 200 ล้านบาท มันคือองค์กร ไม่ใช่แค่รวมกลุ่มปฏิบัติการเฉพาะกิจ
ผศ.ดร.นพดลกล่าวว่า สิ่งที่ร้ายที่ใหญ่กว่าสแกมเมอร์คือโครงสร้างทุนเทาทั้งในประเทศและข้ามชาติ ที่ซ่อนตัวอยู่หลังม่านดิจิทัลและแทรกซึมแฝงตัวไปทุกระดับชั้นของคนในสังคม ใช้ประเทศไทยเป็นประตูทองคำในการทำลายล้างทั้งระบบและชีวิตระดับรากหญ้า มีการฟอกเงินมหาศาล ทั้งจากพม่า กัมพูชา ลาว และกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติอื่นๆ เงินเหล่านี้ไม่ได้เพียงหมุนเวียนในตลาดมืด แต่กำลังไหลย้อนกลับมาครอบงำระบบเศรษฐกิจและสถาบันหลักของชาติ ที่ผลประโยชน์และเงินทะลุทะลวงไหลเข้าไปในทุกอะตอมของประเทศไทย
"ทุนเทาทั้งไทยเทาและต่างชาติได้แปรสภาพทรัพย์สินสกปรกผ่านช่องทางพื้นฐาน 3 แบบในประเทศเรา และที่น่ากลัวยิ่งคือแนวโน้มที่ช่องทางเหล่านี้กำลังขยับเข้าสู่พื้นที่ออนไลน์อย่างรวดเร็ว สแกมเมอร์วันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องแก๊งโทร.หลอก แต่มันคือสงครามระดับประเทศ ถ้าเราสู้แบบทุกวันนี้เราแพ้พังพินาศย่อยยับ ต่อจากนี้...ประเทศไทยต้องยกระดับการสู้กับแก๊งสแกมเมอร์ให้เท่าทันโลก โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง Network Analytics และ Blockchain Tracing เพื่อตรวจเส้นทางเงินที่ไหลซ่อนอยู่ใต้ดิน ทำงานเป็นทีมทุกหน่วยงานต้องเชื่อมข้อมูลกัน และต้องร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและกลุ่มประเทศมหาอำนาจที่ดีเพื่อหยุดเส้นทางฟอกเงินข้ามพรมแดน" ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพลระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศก.สู่ยุคโตตํ่า! คุมเข้มร้านทอง กดเงินบาทแข็ง
"ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ" ห่วงเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ยุคโตต่ำเป็น New Normal หลังกินบุญเก่ามานาน
ทุกพรรคจัดทัพลุยเลือกตั้ง
ทุกพรรคพร้อมลุยเลือกตั้ง! "อนุทิน” ยันแคนดิเดตนายกฯ ภท.ไม่มีเซอร์ไพรส์เพิ่ม
เลือก‘คำถามประชามติ’ สมควรมีรธน.ใหม่หรือไม่
ครม.เคาะเลือกคำถามประชามติ “สมควรมีรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่”
พระราชทานเหรียญทองราชินี
"ในหลวง" เสด็จฯ ไปส่ง “พระราชินี” ทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศแข่งขันกีฬาซีเกมส์
จีนทุบ‘สแกมโบเดีย’ ‘จงอี้’แฉโยงผลประโยชน์หลายมิติ/กห.ลั่นภารกิจใกล้เสร็จ
"หลิว จงอี้" ทุบโต๊ะ! รัฐบาลกัมพูชามีความเชื่อมโยงและมีผลประโยชน์ร่วมกับขบวนการสแกมเมอร์ในหลายมิติ
กนง.หั่นดอกเบี้ย0.25% เศรษฐกิจปี69-70โตตํ่า
"กนง." มติเอกฉันท์ ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อปีลง 0.25% เหลือ 1.25% ต่อปี

