“อนุทิน” โต้สื่อนอก ปัดไทยเป็นฐานสแกมเมอร์ ท้า “ไอซ์ รักชนก” มาบริหารประเทศก่อน “มท.1” ถอนสัญชาติ “ลียง พัด” ด้าน "ดีเอสไอ" เข้าตึก “ซิโน-ไทย” สอบผู้ถือหุ้น บ.ปริ้นซ์ อินเตอร์ฯ” ไขปม “เครือข่ายปรินซ์กรุ๊ป- เฉิน จื้อ” รมว.คลังยัน “วรภัค” ไขก๊อกไม่กระทบงาน
เมื่อวันที่ 24 ต.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีสื่อต่างประเทศนำเสนอข่าวว่าศูนย์สแกมเมอร์ตั้งอยู่บริเวณแนวชายแดนไทย เนื่องจากยังมีการส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตและกระแสไฟฟ้าจากฝั่งประเทศไทยว่า ข่าวที่ออกมา มีแต่คนนั้นบอกคนนี้บอก แต่อยากให้ไปดูพื้นที่จริง สิ่งที่ทำในรัฐบาลนี้ ไม่มีตรงไหนที่เราจะลดราวาศอกกับเรื่องพวกนี้
นายอนุทินกล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ รองเลขาธิการ กสทช. ยืนยันในที่ประชุมว่า ในเรื่องของการปิดช่องทางส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ต ได้ทำหมดแล้ว แต่หากมาจากแหล่งอื่นหรือมาทางอ้อม เช่นขายไปอีกประเทศหนึ่ง และไปใช้สัญญาณจากประเทศนั้น เราก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้องขอความร่วมมือไป
นายกฯ กล่าวอีกว่า ล่าสุดได้ทำให้เห็นชัดเจนในรัฐบาลชุดนี้แล้ว คือการลงนามถอนสัญชาตินายพัด สุภาภา หรือลียง พัด ไม่ให้ถือสัญชาติไทยอีกต่อไป เพราะเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งได้ทำให้เห็นแล้วว่าสิ่งที่ไม่เคยทำมาในอดีต รัฐบาลนี้ได้ทำ ทั้งที่เพิ่งเข้ามาทำงานเพียง 2-3 สัปดาห์
ส่วนกรณี พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ออกมาระบุว่ามีนักการเมืองอักษรย่อ ช.ช้าง เชื่อมโยงกับแก๊งสแกมเมอร์ ได้ตรวจสอบภายในพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แล้วหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่จะตรวจสอบจากการที่ได้ยินใครมา เพราะมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รวมถึงกลไกของรัฐตรวจสอบอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงกรณี น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.พรรคประชาชน (ปชน.) ออกมาทักท้วงว่า การตั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) ไม่เหมาะสม นายกฯ ตอบว่า ของพวกนี้ไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์กัน เพราะไม่ได้เป็นคนทำงาน ถ้าอยากจะทำเรื่องนั้นก็มาบริหารประเทศก่อน และทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ แต่วิธีการทำงานของตนนั้นทำแบบนี้
“อย่างข้อสรุปอะไรต่างๆ บอกว่าไม่รู้คิดอะไร ยังปราบไม่ได้สักที แล้วบอกโอเคสงสัย อนุทิน เนวิน เป็นเจ้าของสแกมเมอร์เอง บทสรุปเซ็งกะบ๊วยอย่างนี้มันก็ไม่ได้" นายอนุทินระบุ
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ เปิดเผยถึงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมที่เกี่ยวข้องว่า การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้สำคัญ นอกจากผู้นำอาเซียนจะพบกันเองแล้ว จะพบผู้นำสำคัญ ทั้งจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อินเดีย ออสเตรเลีย ซึ่งทุกคนให้ความสำคัญกับความร่วมมือปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ และขบวนการสแกมเมอร์ อาเซียนและสหรัฐคุยเรื่องนี้มาตลอด อยากให้สหรัฐร่วมมือกับเรา และเราพร้อมปราบปรามสแกมเมอร์ คงเป็นเรื่องที่สำคัญที่อยากให้สหรัฐร่วมมือกัน รวมถึงจีนก็ได้รับผลกระทบ เกาหลีใต้ ทุกประเทศเน้นเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ควรทำเรื่องนี้เป็นวาระระหว่างประเทศ ไม่ใช่แค่วาระของอาเซียน
รมว.การต่างประเทศกล่าวว่า ไทยจะเป็นแกนกลางและแกนนำในการส่งเสริมกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคและระหว่างประเทศในการปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้ ซึ่งจะปรากฏในเอกสารผลลัพธ์ของผู้นำอาเซียน และในถ้อยแถลงของนายกฯ ของไทยที่จะนำเสนอเรื่องดังกล่าวเป็นพิเศษ
รมว.การต่างประเทศกล่าวด้วยว่า อาเซียนต้องเสริมความเข้มแข็ง เพราะเราเจอความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนกับสหรัฐ เราคงไม่อยากเลือกข้าง เราไม่ได้ว่าเป็นกลาง เราคงต้องพยายามมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ 2 ชาติมหาอำนาจ ไม่อยากให้เขานำความขัดแย้งของเขามาสู่ภูมิภาคของเรา เราเน้นการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับสองมหาอำนาจ ไม่ใช่เฉพาะจีนและสหรัฐที่สำคัญต่อภูมิภาค แต่ยังมีอินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีกองทัพเมียนมาทลายแหล่งสแกมเมอร์ออนไลน์เคเคพาร์กในจังหวัดเมียวดีว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงมหาดไทยเมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 24 ต.ค. พบว่ามีคนจากแหล่งสแกมเมอร์ข้ามฝั่งมาไทยแล้วทั้งสิ้น 1,049 คน และตอนนี้กำลังอยู่ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมีการตั้งศูนย์ขึ้นมาเพื่อบริหารจัดการคนเหล่านี้
สอบปากคำปริ้นซ์ อินเตอร์
สำหรับผู้ที่ข้ามฝั่งจากเมียนมาเข้ามาในไทยหลังการทลายฐานสแกมเมอร์เคเคพาร์กในครั้งนี้ นายนิกรเดชเปิดเผยว่า เป็นคนจาก 26 สัญชาติ มากที่สุดเป็นอันดับ 1 คือชาวอินเดีย อันดับ 2 คือชาวจีน และตามมาเป็นอันดับ 3 คือชาวเวียดนาม ซึ่งรับประกันว่าทางไทยจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และจะดูแลกลุ่มคนเหล่านี้อย่างมีมนุษยธรรมดังที่เคยทำมาโดยตลอด
วันเดียวกัน ที่อาคารซิโน-ไทย ทาวเวอร์ เลขที่ 32/28 ถนนสุขุมวิท 21 (ซอยอโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. ดีเอสไอพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เดินทางเข้าพบผู้ถือหุ้นบริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (Prince International) เพื่อบันทึกการสอบปากคำและรับมอบพยานเอกสารตามที่ผู้ถือหุ้นประสงค์ให้ความร่วมมือชี้แจงต่อดีเอสไอ กรณีบริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ถูกตั้งข้อสังเกตอาจเชื่อมโยงกับเครือข่ายบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป (Prince Holding Group) ซึ่งมีนายเฉิน จื้อ หรือวินเซนต์ ชาวอังกฤษเชื้อสายกัมพูชา วัย 37 ปี ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท ซึ่งถูกทางการสหรัฐกล่าวหาในคดีฉ้อโกงและฟอกเงินจากการดำเนินศูนย์สแกมเมอร์โดยใช้แรงงานบังคับในประเทศกัมพูชา
โดยได้มีการสอบปากคำพยานกับผู้ถือหุ้นบริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นชาวไทย 2 ราย ได้แก่ 1.นายปริตวาทย์ กุลศรีสุวรรณ และ 2.นายวุฒิชัย ประทุมวัลย์ โดยหลังสอบปากเป็นเวลานานกว่า 4 ชั่วโมง หนึ่งในผู้ถือหุ้นชาวไทยได้ออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชนว่า ทางบริษัทได้เชิญเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าตรวจสอบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ และชี้แจงข้อเท็จจริงว่าบริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป พร้อมได้มอบเอกสารหลักฐานเป็นรายชื่อผู้ถือหุ้น บัญชีรายรับรายจ่าย บัญชีงบประมาณ และเอกสารเส้นทางการเงินย้อนหลังของบริษัทให้กับดีเอสไอ ซึ่งจะช่วยยืนยันว่ารายได้ของบริษัทไม่ได้เป็นรายได้จากต่างประเทศ รวมถึงฐานข้อมูลลูกค้าก็มาจากการให้คนไทยเช่าอสังหาริมทรัพย์กว่า 90%
ส่วนกรณีที่มีการตั้งชื่อบริษัทให้คล้ายคลึงกับอีกเครือข่ายหนึ่งของต่างชาติ จนเป็นที่มาอาจมีความเกี่ยวข้องนั้น หนึ่งในผู้ถือหุ้นชาวไทยระบุว่า ที่มาที่ไปของการตั้งชื่อบริษัท เนื่องมาจากก่อนที่ตนจะเริ่มทำธุรกิจนี้ ตนเคยได้เดินทางไปดูบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป พบว่าค่อนข้างมีความมั่นคง และเป็นบริษัทที่ครอบคลุมปัจจัย 4 ของคนกัมพูชา และการที่เราเข้าไปทำธุรกิจ หากเรามีชื่อที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเขา ตอนนั้นเราคิดว่าจะเป็นจุดดีของเราในการที่จะมีความเชื่อมโยงกับบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป นี่คือจุดเริ่มต้นของการตั้งชื่อบริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
หนึ่งในผู้ถือหุ้นชาวไทยกล่าวอีกว่า ส่วนโลโก้ของเรา เราใช้ไม่เหมือนกัน เพราะในช่วงแรกของการทำธุรกิจเราพยายามหาสินค้าของเราเข้าไปขายในปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล พลาซ่า เพราะเขามีห้างของเขา แต่ที่ผ่านมาเราไม่เคยสามารถส่งสินค้าของเราเข้าไปขายได้เลย เนื่องจากมีเรื่องของการเสียค่าคอมมิชชันให้กับผู้บริหารของห้างสรรพสินค้า ทำให้ตัวสินค้ามีมูลค่าราคาสูงขึ้น ประกอบกับค่าขนส่ง ถ้าจัดส่งโดยรถยนต์จะราคาถูกกว่า แต่ถ้าส่งโดยเครื่องบินราคาจะสูงขึ้น ทำให้เรายุติการตลาดในเรื่องของการส่งของไป และเปลี่ยนมาเป็นโมเดลนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แทน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่บริษัทปรินซ์ไต้หวันมาเป็นผู้ชักชวนทำธุรกิจ แต่เขาเอาชื่อบริษัทเราไปแปะไว้ที่เว็บไซต์ ทราบหรือไม่ และเหตุใดไม่แจ้งให้ทางนั้นนำชื่อออกเพื่อจะได้ไม่เกี่ยวข้องนั้น หนึ่งในผู้ถือหุ้นชาวไทยระบุว่า ก่อนเกิดเหตุไม่มีใครทราบว่าสิ่งที่บริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป ดำเนินการนั้นเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ต้องย้อนกลับไปว่าในอดีตไม่มีใครทราบ เพราะเขามีทั้งสนามบิน ธนาคาร เขาคุมปัจจัย 4 ของคนกัมพูชา ทำให้เราคิดว่าการที่เราเข้าไปทำธุรกิจกับเขาในตอนนั้นเป็นโอกาสที่เราจะสร้างตัวเองขึ้นมาและสามารถต่อยอดทำธุรกิจได้ ส่วนว่าทำไมภายหลังเกิดเหตุเราไม่เอาชื่อออกนั้น ก็เพราะว่าเราเคยเป็นพันธมิตรกับบริษัทปรินซ์ไต้หวัน เราไม่ได้มีจุดเชื่อมโยงกับบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ปเลย
ขณะที่นายอนุทินกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า รายได้ของตึกซิโน-ไทยคืออาคารให้เช่า ใครมาเช่าก็เช่าได้หมด แต่หากใครมาเช่าแล้วทำผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมชี้นิ้วแล้วระบุว่า "คุณอย่าผูก ถ้าบริษัท ซิโน-ไทยฯ ทำสแกมเมอร์เอง อย่างงี้คุณค่อยมาดูว่ามันเกี่ยวข้องกับครอบครัวผมอะไรอย่างไร แต่นี่เขามาเช่า"
นายอนุทินกล่าวอีกว่า คำว่าปรินซ์ เป็นคอมเมนเนม หรือศัพท์ทั่วไป แต่ถ้าเกี่ยวข้องเมื่อไหร่ก็ดำเนินการ ตนบอกญาติๆ ตน ถ้าเกี่ยวข้องไม่ต้องต่อสัญญาเช่า แค่นั้น และออกไป
เมื่อถามว่า ได้รับรายงานจากดีเอสไอแล้วหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า รู้ว่ากลุ่มปรินซ์ทำงานผิดกฎหมาย แต่ตนไม่ได้สนใจว่าไปอยู่ที่ไหน หากผิดกฎหมายไปดำเนินคดีตามกฎหมาย แค่นั้นเอง ตอนแรกบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ยังต้องตรวจสอบเพิ่มเติม ปรากฏว่าเกี่ยวข้องกัน ก็ดำเนินคดีอย่างเต็มที่
ซักว่า ได้พูดคุยกับนายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีต รมช.การคลังหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า พูดคุยแล้ว และเข้าใจกัน ต่อข้อถามว่ามีคนกังวลว่าจะกระทบกับจริยธรรมหรือไม่ นายอนุทินตอบสั้นๆ ว่า "ไม่ครับ" เมื่อถามย้ำว่า กลัวถูกร้องหรือไม่ นายอนุทินปฏิเสธว่า "ไม่กลัวครับ เพราะเราตรวจสอบทุกอย่าง ตอนนี้เป็นข้อครหา เขายังไม่มีคดีอะไรใช่หรือไม่ ถ้ามีข้อกล่าวหาก็ดำเนินคดีไป"
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวถึงกรณีนายวรภัค ธันยาวงษ์ ลาออกจากตำแหน่ง รมช.การคลังว่า ไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของกระทรวงการคลัง ยังทำงานปกติ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
เมื่อถามถึงกรณีมีการเปิดเอกสารของทางสิงคโปร์ ซึ่งมีการโอนคริปโตฯ ไปให้ภรรยาของนายวรภัค ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะต้องมีการเพิ่มงวด หรือมีความชัดเจนในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นายเอกนิติกล่าวว่า นายวรภัคแสดงสปิริต อันนี้ต้องชื่นชม นายวรภัคออกไปต่อสู้ในฐานะบุคคล ถือเป็นเจตนารมณ์ที่ท่านได้โทรศัพท์บอกตนว่าท่านต้องการโชว์ว่าไม่ต้องการใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการต่อสู้ในเรื่องการกล่าวหาท่าน ก็ต้องให้ความเป็นธรรม ซึ่งนายวรภัคได้แถลงไปแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว
เมื่อถามย้ำว่า ในส่วนของ ก.ล.ต.จะต้องมีการตรวจสอบหรือไม่ นายเอกนิติตอบว่า นายกฯ จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อให้ตนดูแลเรื่องการเงิน ก็จะมี ก.ล.ต. เส้นทางทางการเงินทั้งหลาย โดยวันนี้อธิบดีกรมการปกครองในฐานะเลขานุการคณะกรรมการฯ จะเสนอนายกฯ โดยมีตนเป็นประธาน และมี ก.ล.ต.เป็นองค์ประกอบแน่นอน
ถอนสัญชาติ 'ลียง พัด'
วันเดียวกัน นายกฯ ได้ลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทย ถอนสัญชาติไทยนายพัด สุภาภา หรือลียง พัด หลังได้รับรายงานข้อมูลจากสำนักงาน ปปง. และกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ที่แสดงว่ามีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลที่ฉ้อโกงประชาชน จนถูกสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างชาติแห่งสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตร เนื่องจากมีลักษณะพิเศษในการถูกอายัดทรัพย์สินเพราะเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และหลอกลวงไซเบอร์ เห็นว่าพฤติกรรมของบุคคลดังกล่าวนั้นเป็นการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงหรือขัดประโยชน์ต่อรัฐ และขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เปิดเผยว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ได้นำคณะไทยเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการชายแดนร่วม (GBC) ไทย-กัมพูชา โดยฝ่ายไทยได้ยื่นข้อเสนอสำคัญเกี่ยวกับการปราบปรามเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา ซึ่งเบื้องต้นทางการกัมพูชาได้ตอบรับและตกลงจัดตั้งคณะทำงานร่วมไทย-กัมพูชา เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองและปฏิบัติการร่วมในการสกัดกั้นกลุ่มอาชญากรไซเบอร์เหล่านี้
ส่วนกรณีสื่อเกาหลีใต้รายงานว่า ขบวนการสแกมเมอร์ชาวเกาหลีใต้บางกลุ่มได้ย้ายฐานปฏิบัติการเข้ามาในประเทศไทยนั้น พล.ต.ท.ไตรรงค์ชี้แจงว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน พร้อมยืนยันว่าการตั้งฐานถาวรในไทยเป็นไปได้ยาก เนื่องจากตำรวจมีมาตรการเข้มงวด และสามารถตรวจจับได้ง่ายกว่าในประเทศเพื่อนบ้าน ยืนยันไทยจริงจังกับการสืบสวนปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาโดยตลอด
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ปชน. โพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่งว่า โอกาสที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางไปร่วมประชุมอาเซียนซัมมิต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ในช่วงวันที่ 26-28 ตุลาคมนี้ จึงเป็นโอกาสทองที่ไทยจะได้ใช้เวทีนี้จัดการภัยคุกคามสแกมเมอร์ โดยตนมีข้อเสนอว่า ทีมไทยแลนด์ควรใช้เวทีอาเซียนริเริ่มบทบาทนำในการดำเนินการเกี่ยวกับการปราบปรามสแกมเมอร์ด้วยวิธีการที่เป็นรูปธรรมดังต่อไปนี้ 1.เสนอตัวเป็นเจ้าภาพในการจัดการปัญหาสแกมเมอร์ในภูมิภาค 2.นอกจากการประสานความร่วมมือกับชาติอาเซียน โดยเฉพาะสิงคโปร์ ซึ่งให้ความสำคัญกับการปราบปรามการฟอกเงิน ไทยยังสามารถใช้เวทีนี้ในการแสดงเจตจำนงว่าต้องการร่วมมือกับสหรัฐ สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ และจีน ในฐานะประเทศที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก และเริ่มการสอบสวนกรณีสแกมเมอร์ไปแล้ว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โปรดเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภา 'อนุทิน' อ้างการเมืองรุมเร้า ต้องคืออำนาจให้ประชาชน
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกา ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีใจความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการ ให้ประกาศ
แฉทหารต่างชาติบังคับโดรน
วุ่นกักตัวคนไทยไม่ให้กลับประเทศ ทบ.ซัดการทูตปอยเปต ใช้พลเรือนเป็นข้อต่อรอง ด้าน กต.เร่งออกเอกสารด่วนให้คนไทยตอนในเดินทางออกทั้งทางบก-อากาศ
สามเณร-แม่ชี ร่วมน้อมรำลึก พระพันปีหลวง
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวาย “พระพันปีหลวง” สามเณร-แม่ชีน้อย
ปปช.ผนึกปปง. สอบMOU‘ดีอี’ ก๊วน‘เบน สมิธ’
"ไชยชนก" โยน "ธรรมนัส-นฤมล" แจงเองปมร่วมเฟรม "เบน สมิธ" เป็นพยานลงนาม MOU บ.สิงคโปร์
ศึกชายแดน เปลี่ยนเกม! ‘อนุทิน’ พลิกบีบ ‘ส้ม-แดง’
พรรคภูมิใจไทย พลิกเกมขี่กระแส ชาตินิยม ได้อย่างทันทีท่วงที เมื่อ “นายกฯ หนู”-อนุทิน ชาญวีรกูล พลิกสถานการณ์จากเสียงตำหนิเรื่องน้ำท่วมใต้และปัญหาสแกมเมอร์ล่าช้า มายืนบนพื้นที่ที่ตัวเองได้เปรียบ คือกระแสชาตินิยม และประเด็นความมั่นคง
หวั่นสหรัฐแทรกแซงไทย นายกฯหารืออันวาร์แล้ว
“โดนัลด์ ทรัมป์” ยังไม่ต่อสายกล่อมไทยหย่าศึก "นายกฯ หนู" พร้อมแจงจุดยืนไทยเหตุถูกรุกรานก่อน

