ไทยขอเป็นเจ้าภาพ นายกฯนัดถกนานาชาติ ลุยปราบแก๊งสแกมเมอร์

นายกฯ กล่าวถ้อยแถลงเวทีสุดยอดอาเซียน-เกาหลี ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมปราบสแกมเมอร์ หวังจัดการให้สิ้นซาก “ไชยชนก” รับกังวลปัญหา เพราะเรื่องใหญ่มาก ชี้ไม่รู้จะเข้าถึงต้นตอหรือไม่ “ตำรวจ” แจง 4 พฤติกรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตั้งฐานใกล้บ้าน
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 ณ ห้องประชุมใหญ่ 2 ชั้น 3 ศูนย์การประชุม KLCC กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 26 โดยนายอนุทินกล่าวถึงด้านความมั่นคง และแสดงความมุ่งมั่นต่อความร่วมมือทางการเมือง เพื่อรับมือกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ เช่น อาชญากรรมทางไซเบอร์ ตลอดจนสนับสนุนการเสริมสร้างความตระหนักรู้ด้านกิจการทางทะเล ผ่านความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น และข้อเสนอความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับเกาหลีในการปราบปรามสแกมเมอร์อย่างจริงจัง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้นำสมาชิกอาเซียนหลายชาติ 
ต่อมา นายอนุทินให้สัมภาษณ์หลังเข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี  ครั้งที่ 26 และการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 28 ว่าได้ยืนยันจะให้ความร่วมมือกันแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์หรือสแกมเมอร์ โดยไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเพื่อหาพลังของภูมิภาค ในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้เป็นรูปธรรมและจริงจัง ซึ่งเป็นการร่วมมือกันในระดับนานาชาติ 
“ได้เจอประธานาธิบดีเกาหลีใต้ พูดคุยวิธีการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ได้มอบหมายกระทรวงการต่างประเทศไปดำเนินการแล้ว ซึ่งหน่วยงานที่รับข้อสั่งการก็จะนำไปดำเนินการ” นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินยังให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ถึงการพูดคุยกับผู้นำเกาหลีใต้เรื่องปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ โดยเกาหลีใต้ขอให้ร่วมมือเรื่องปราบปรามแก๊งอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้เข้มข้นมากขึ้น และได้รับการทาบทามว่าจะมีการนัดพบจากเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย ซึ่งกลับจากเอเปกจะไปพบกัน และทราบว่าหนึ่งในวาระที่จะมาพูดคุยมีเรื่องนี้ด้วย และประเทศไทยก็เสนอตัวเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมอาเซียนบวกสามปราบปรามสแกมเมอร์ เป็นข้อเสนอที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยนำเข้ามาอยู่ในถ้อยแถลงของไทยในที่ประชุมอาเซียน จึงเสนอตัวที่จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหาความร่วมมือกับประเทศต่างๆ โดยไทยยินดีเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน เพื่อแสดงให้เห็นว่าตั้งใจจริง และมีความพร้อมที่จะเข้ามาปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้สิ้นซากเร็วที่สุด 
“ที่ผ่านมาได้รับรายงานจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อย่างต่อเนื่องว่า ได้ยึดทรัพย์จับกุมการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี วงเงินกว่า 10,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งมีหลายร้อยคดี โดยเมื่อ 2-3 วันที่แล้วได้เซ็นเพิกถอนสัญชาตินายลียง พัด ที่ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รายงานว่าเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจประเภทนี้”
นายอนุทินยังกล่าวถึงการลงนามในถ้อยแถลงกับกัมพูชาว่า หลังจากนั้นจะมาพูดคุยเรื่องสแกมเมอร์ หาวิธีการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยืนยันว่าฝ่ายไทยดำเนินการเต็มที่ ทั้งการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต การสืบหาธุรกรรม เส้นทางการเงิน ดำเนินคดีกับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเราก็รอฝั่งกัมพูชาที่จะให้ข้อมูลมาเพิ่มมากขึ้น เพื่อมาสนธิกำลังกันและปราบปราม
'ไชยชนก' ปัดไม่เกี่ยว
นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล  อดีตรอง ผบ.ตร. ออกมาเผยว่ามีนักการเมืองอักษรย่อ ช. เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์กัมพูชาว่า ไม่แน่ใจว่าเป็นคนไหน แต่ไม่น่าใช่ไชยชนก และตอนนี้อยู่ในกระบวนการการตรวจสอบ ตามที่นายอนุทินได้บอกไว้ว่าให้ดำเนินการเต็มที่ หากเจอใครต่อให้เป็นนายอนุทินก็ต้องจับ 
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ที่มีบางฝ่ายพยายามเชื่อมโยงรัฐมนตรีบางคนเชื่อมโยงกับสแกมเมอร์ นอกจากกรณีของนายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีต รมช.การคลัง ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ นายไชยชนกรับว่า กังวล แต่ไม่ใช่เรื่องว่าจะถูกร้องหรือไม่ แต่กังวลเรื่องนี้ที่เป็นวาระแห่งชาติ และเป็นวาระของโลก ซึ่งไม่ว่าจะมีอยู่ในรัฐบาลหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการ
“ที่กังวลคือเราจะสามารถเข้าไปถึงต้นตอ และเจอทั้งหมดได้หรือไม่ แต่เรื่องนี้ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายการเมืองหรือฝ่ายอื่นก็เป็นเรื่องที่ต้องกังวลอยู่แล้ว” นายไชยชนกกล่าวและว่า ไม่แน่ใจว่าจะต้องปรับ ครม.ชุดใหม่หรือไม่ แต่หากต้องรีเซตก็ต้องรีเซต เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่กว่าเราทุกคน  ใหญ่กว่า ครม.และใหญ่กว่ารัฐบาล เพราะเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งเราได้รับรายงานมาเสี้ยวเดียวจากความเสียหายจริง และยังมีประชาชนอีกเยอะที่ไม่ได้รายงานมา เพราะไม่รู้ว่าถูกโกง หรือรู้แล้วแต่ยอมรับชะตากรรม
ส่วนนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีรัฐบาลอาจถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจกรณีนายวรภัคว่า สมัยเป็นเด็กเราเรียกร้องกันมากว่า ถ้ารัฐมนตรีมีเหตุมัวหมองให้ลาออก วันนี้นายวรภัคได้แสดงความเป็นสุภาพบุรุษทางการเมือง โดยการลาออก ถือว่าต้องชื่นชม จะผิดจะถูกไม่ทราบ แต่ท่านมีสปิริตทางการเมืองซึ่งไม่มีในนักการเมืองทั่วไป 
ต่อข้อถามที่ว่า ยังมีรัฐมนตรีอีกคนที่มีข้อครหาคือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายชาดากล่าวว่า ร.อ.ธรรมนัสโดนอภิปรายมาหลายครั้งแล้ว ถ้าผิดคงไปแล้ว กรณีเรื่องมูลนิธินั้นเคยทำงานเรื่องการจดมูลนิธิมา ทุกมูลนิธิต้องลงท้ายไว้ ถ้าบอกว่าไปให้นายธรรมนัสจะดูไม่งาม แต่นี่ระบุให้มูลนิธิธรรมนัส 
  เมื่อถามว่า กรณีของ ร.อ.ธรรมนัสไม่ได้เกี่ยวกับกัน  จอมพลังโดยตรง แต่เกี่ยวกับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ที่ปรึกษาฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา นายชาดากล่าวว่า ไม่รู้จักนายเบนจามินเลย แต่นายเบนจามินรู้จักคนเยอะทั้งในไทยและกัมพูชา ถามว่าถ้าแค่รู้จักก็ผิดแล้วหรือ คนรู้จักนายเบนจามินเชื่อว่าเยอะ ในประเทศไทย และ ร.อ.ธรรมนัสไปรู้จักนายเบนจามินก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย 
  “ผมก็รู้จักคนเยอะ ไม่ใช่เรารู้จักใครคนนั้นผิด เราก็ต้องผิดไปด้วย อย่าเอาการเมืองมามอง เปิดแผลนิดนึงแล้วทิ่มเลย ต้องให้ความเป็นธรรม ดูความเป็นจริง ดูความเป็นไปด้วย และดูว่าการกระทำของเขาไม่ถูกต้องหรือไม่ ผิดถูกก็ว่ากันไป” นายชาดากล่าว 
เมื่อถามว่า คนไม่เชื่อมั่นเรื่องการตั้ง ร.อ.ธรรมนัสมาเป็นประธานปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ นายชาดากล่าวว่า  ไม่ทราบใครตั้ง รัฐบาลตั้งหรือ ไม่ทราบจริงๆ 
เอาโจรไปปราบโจร!
“ถ้าคุณเข้าใจแบบนั้น ทำไมคุณไม่เข้าใจว่าเอาโจรไปปราบโจรดีไหมล่ะ ขอให้คุณธรรมนัสรู้เรื่องจริงเถอะ ผมว่าเขาก็ต้องทำได้ อันนี้อยู่ที่ตัวท่าน อย่าเพิ่งไปวิพากษ์วิจารณ์อะไร ผมก็ไม่ทราบ บอกตรงๆ ผมเสพข่าวน้อยมาก เสพเฉพาะเรื่องสำคัญ เพราะกลัวเข้าไปอยู่ในกระแสลมปั่นป่วน แล้ววิธีคิดของเราจะเสียไปผิดไป” นายชาดากล่าว
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมเจ้าหน้าที่แถลงผลกวาดล้างแก๊งฉ้อโกงออนไลน์ ช่วยเหลือเหยื่อก่อนเสียเงิน
โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ข้อมูลสถิติในช่วงวันที่ 1-26 ต.ค. 2568 มีประชาชนได้รับความเสียหายแจ้งเหตุเข้ามาผ่านระบบ 1441 และ Thai Police Online รวม 29,232 เรื่อง มีมูลค่าความเสียหายรวม 1,853 ล้านบาท โดย 3 อันดับประเภทคดีที่มีผู้เสียหายแจ้งมากที่สุด ได้แก่ คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ ที่ไม่มีลักษณะเป็นขบวนการ จำนวน 14,892 คดี, คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัลหรือวัตถุประสงค์อื่นๆ จำนวน 4,822 คดี และคดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ จำนวน 2,680 คดี 
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์บางกลุ่มได้แฝงตัวตั้งฐานปฏิบัติการภายในที่พักอาศัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงขอตีแผ่ 4 พฤติกรรมต้องสงสัยของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างชาติ คือ 1.มีกลุ่มชาวต่างชาติพักอาศัยอยู่ร่วมกันโดยไม่ปรากฏอาชีพชัดเจน 2.มีเสียงพูดโทรศัพท์ภาษาต่างประเทศตลอดเวลา 3.ปิดม่านตลอดเวลา ไม่เปิดไฟในตอนกลางวัน แต่เปิดไฟตลอดทั้งคืน และ 4.มีอุปกรณ์สายไฟหรือเครื่องมือสื่อสารจำนวนมาก หากพี่น้องประชาชนพบเห็นพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าว ขอให้อย่านิ่งนอนใจ เพราะอาจเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้บ้านคุณ โดยสามารถแจ้งเบาะแสพฤติกรรม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบได้ทันทีที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะที่มูลนิธิกระจกเงา ได้มายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ และประธานอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ป้องกันการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยระบุว่า ตลอดปี 2568 มูลนิธิกระจกเงารับแจ้งคนหายที่ถูกพาไปเป็นสแกมเมอร์ยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเปิดบัญชีม้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์  แก๊งหลอกให้ลงทุนกว่า 119 ราย อายุเฉลี่ย 26 ปี โดยเป็นชาย 73 ราย หญิง 46 ราย รวมทั้งมีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีถึง 18 ราย อายุน้อยสุดเพียง 15 ปี และผู้สูงอายุซึ่งอายุมากสุดคือ 65 ปี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พร้อมหน้า นายกฯหนู โพสต์ภาพพาครอบครัวกินห่านพะโล้ในวันพ่อแห่งชาติ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า พาพ่อ แม่เมีย น้อง หลาน ไปกินห่านพะโล้เนื่องในวันพ่อ #ฉั่วคิมเฮง

'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน

'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง