‘หนู’รับมีล้ำแดนทั้งสองปท.

"อนุทิน" ขีดเส้นเปิดด่านพิจารณาขั้นสุดท้าย ย้ำ "กัมพูชา" ต้องทำตามเงื่อนไขอย่างเป็นรูปธรรมก่อน ถึงจะมีการพิจารณา ขณะที่ กมธ.ศึกษา MOU สว.ยืดเวลาทำงานอีก 90 วัน ชี้สุ่มเสี่ยงขัดกฎหมาย หลังไม่พบหลักฐานความเห็นชอบจาก ครม. "ปานเทพ" กระทุ้งรัฐบาลไทยล้มเหลวไล่เขมรล้ำแดน ไม่สงวนสิทธิเลิก MOU 43 ส่อเสียดินแดนตลอดกาล

เมื่อวันจันทร์ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงผลการลงนามในถ้อยแถลงกับกัมพูชาว่า ยืนยันไม่มีการเปิดด่าน ยังไม่ถึงจุดนั้น ถ้อยแถลงที่ลงนามกับกัมพูชา โดยที่มีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย  ประธานอาเซียน ร่วมเป็นสักขีพยานด้วยนั้น เป็นการกำหนดว่าแต่ละประเทศจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง ดังนั้นการดำเนินการทั้งหลายจะต้องเริ่มจากทางฝ่ายกัมพูชาก่อน เช่นการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน ซึ่งเมื่อคืนนี้ก็ทำแล้ว และเมื่อเขาทำแล้วเราก็ทำ

"ขั้นตอนขณะนี้จะมีการหารือกันในระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ ซึ่งจะหารือผ่านช่องทางทวิภาคี และดำเนินการถอนอาวุธออกไปจนเป็นที่พอใจของคู่กรณี อย่างเช่น ประเทศไทย โดยที่คนกลางคือคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน  คือตัวแทนผู้ช่วยทูตทหารอาเซียน ที่จะมาเป็นตัวแทน เป็นคนที่ยืนยันว่าทางคู่กรณีได้ปฏิบัติตามข้อตกลงแล้ว จากนั้นจะไปต่อในเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า  โดยคนที่จะทำการเก็บกู้คือฝั่งไทย และมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) เป็นผู้สังเกตการณ์คอยดู และเราก็มีความคาดหวังว่าฝ่ายกัมพูชาจะไม่ขัดขวาง ซึ่งคิดว่าคงจะไม่ขัดขวาง เพราะเป็นหนึ่งในข้อตกลงของปฏิญญา"

นายอนุทินกล่าวต่อว่า สุดท้ายคือการบริหารจัดการพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ทับซ้อน ขณะนี้เราเน้นไปที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ส่วนของกัมพูชาที่ล้ำมาฝั่งไทยก็มี และส่วนของฝั่งไทยที่ล้ำไปฝั่งกัมพูชาก็มีเช่นกัน ซึ่งหากจะแฟร์ก็ต้องแฟร์ทั้งสองฝ่าย และถ้าตกลงได้แล้ว มีของเราล้ำเข้าไป เราก็ต้องกลับมา และรัฐบาลไทยต้องจัดหาที่อยู่ให้กับคนที่ล้ำเข้าไปฝั่งกัมพูชา เช่นเดียวกัน กับฝั่งกัมพูชาที่ล้ำเข้ามาในฝั่งไทย หากทำเช่นนี้ได้ความเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศไทยจะลดน้อยลง แล้วถึงจะมาเริ่มฟื้นฟูเรื่องความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งขณะนี้เราเหลือแค่เลขานุการโท เราได้เรียกทูตกลับมาแล้ว

"และเรื่องของการเปิดด่าน สำหรับผมจะเป็นเรื่องสุดท้าย เมื่อสถานการณ์ที่เป็นอันตรายหมดไปแล้ว ฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้งสองประเทศ และกลับมาเปิดด่าน  ซึ่งจะเป็นจุดสุดท้ายของกระบวนการ และหวังว่าความเป็นปกติสุขจะเกิดขึ้น” นายอนุทินกล่าว

ถามถึงกระแสข่าวที่ว่าจะมีการเปิดด่านในวันที่ 1 พ.ย.นี้ นายอนุทินกล่าวยืนยันว่า ยัง ตนไม่ทราบว่าใครไปกำหนดวันนั้น แต่ทั้งหมดจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่ที่ความจริงใจในการเข้ามาเร่งแก้ไขปัญหาของทั้งสองประเทศ

"ด่านยังไม่เปิด เดี๋ยวก็มีคนไปพูดว่าเดี๋ยวก็เปิดด่านอีกแล้ว ไทยมีการยอมนั่นยอมนี่ ซึ่งกัมพูชาจะต้องดำเนินการตามเงื่อนไขอย่างเป็นรูปธรรมก่อนถึงจะมีการพิจารณา" นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินกล่าวด้วยว่า สิ่งที่ฝ่ายไทยมีอยู่ก็คือ หากทางกัมพูชาได้ดำเนินการไปในระดับหนึ่งแล้ว ก็จะทำการคืนตัวผู้ที่เราควบคุมตัวอยู่ 18 คน เร่งดำเนินการส่งคืนให้กัมพูชาไป

ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ได้มีการพิจารณารายงานความคืบหน้าการพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิกเอ็มโอยู 2543 และเอ็มโอยู 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิกเอ็มโอยู 2543 และเอ็มโอยู 2544 เพื่อแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีนายนพดล อินนา สว.เป็นประธาน กมธ.ฯ

โดยนายคำนูณ สิทธิสมาน อดีต สว.ในฐานะที่ปรึกษากมธ.ฯ รายงานผลการศึกษาเบื้องต้นว่า การตรวจสอบเรื่องนี้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 224 วรรคแรก กำหนดไว้ว่า ครม.ต้องเห็นชอบ แต่ที่ผ่านมาพบว่ามีเพียงเสนอให้รับทราบ  ดังนั้นกลัวจะเป็นปัญหาว่าขัดกับกฎหมาย หรือไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จำเป็นต้องเสนอรายงานเบื้องต้นนี้ไปยัง ครม.ให้พิจารณาว่าจะดำเนินการยืนยัน ทบทวน หรือโต้แย้งความเห็นของ กมธ.ฯ ต่อไป" นายคำนูณชี้แจง

ทั้งนี้ หลังการรายงานผลการพิจารณาเบื้องต้น กมธ.ฯ ได้เสนอให้ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาเห็นชอบ ขยายเวลาการพิจารณาศึกษาออกไปเป็นกรณีพิเศษอีก 90 วัน เนื่องจากมีความละเอียดซับซ้อน มีผลกระทบต่อความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

ขณะที่นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน แถลงว่า ถ้อยแถลงร่วมสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชา ขาดวัตถุประสงค์สำคัญในการให้ประเทศกัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อการละเมิด MOU 2543 อย่างร้ายแรง ทั้งการยิงอาวุธสงครามใส่พื้นที่พลเรือนจนมีพี่น้องประชาชนชาวไทยเสียชีวิต พิการ บาดเจ็บจำนวนมาก และการวางทุ่นระเบิด

 “รัฐบาลไทยและตัวแทนประเทศไทยในทุกการประชุม ไม่สงวนสิทธิการยกเลิก MOU 2543 เพราะกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดร้ายแรงตามข้อ 8 และข้อ 3 ของ MOU 2543 และไม่ใช้สิทธิยกเลิกตามมาตรา 60 ของอนุสัญญาเวียนนาว่าด้วยการทำสนธิสัญญา ค.ศ. 1969 ย่อมทำให้เกิดคำถามว่า รัฐบาลไทยจะใช้สิทธิและข้อบทใดในการเชื่อมโยงกับการทำประชามติที่รัฐบาลไทยได้แถลงนโยบายเอาไว้ต่อรัฐสภา และจะใช้สิทธินี้เมื่อไหร่และอย่างไร รวมทั้งจะมีหลักประกันใดที่จะรับรองได้ว่าประเทศไทยจะไม่เสียสิทธิและเสียหายจากการยกเลิก MOU 2543 เนื่องจากรัฐบาลไทยและตัวแทนประเทศไทยไม่สงวนสิทธิอันพึงได้ของประเทศไทย” นายปานเทพระบุ

นายปานเทพกล่าวต่อว่า ประเทศไทยกลับไม่บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้กล่าวอ้างถึงความจำเป็นของการประชุม JBC ทั้ง 2 ข้อ กล่าวคือไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์การให้พลเรือนกัมพูชาออกจากบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้วได้ และไม่สามารถสร้างกำแพงรั้วในพื้นที่ซึ่งตกลงกันได้แล้ว ย่อมทำให้ชุมชนกัมพูชาในบ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้วไม่ต้องออกจากพื้นที่รุกล้ำดังกล่าว จนกว่ากัมพูชาจะสมัครใจยินยอม เช่นเดียวกับการสร้างรั้วและกำแพงด้วย ซึ่งอาจทำให้ประเทศไทยสูญเสียพื้นที่ดังกล่าวไปตลอดกาล และไม่สามารถนำกลับคืนมาได้อีก นอกจากนี้พื้นที่ที่ประเทศไทยยังนำกลับคืนมาไม่ได้ เช่น  ปราสาทตาควาย ปราสาทคนา ครึ่งหนึ่งของช่องอานม้า  และอื่นๆ ย่อมไม่สามารถนำคืนกลับมาเป็นของประเทศไทยได้อีก จนกว่ากัมพูชาจะสมัครใจยินยอม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จีนปัดส่งอาวุธช่วยเขมร

"อนุทิน" ฟาดเขมรมีสติควรเจรจา ฮึ่ม! ต้องได้เนิน 350 กองทัพชี้สู้ยืดเยื้อจุดยุทธศาสตร์พื้นที่่ช่วงชิง พร้อมเร่งค้นหาร่างทหาร 2 นาย