"นายกฯ ไทย-กัมพูชา" หารือทวิภาคี เดินหน้าตามถ้อยแถลง "อนุทิน" ย้ำ 4 ประเด็นสำคัญเพื่อสันติภาพ-ความปลอดภัยประชาชน ขอโทษทำ ปชช.เข้าใจผิดพูดสอง ปท.ต่างล้ำแดน ตกคำว่า "พื้นที่อ้างสิทธิ์" รับเงื่อนไข 4 ข้อไม่น่าจบทัน 4 เดือน "รัฐบาล" ปลื้มผลสำเร็จเวทีอาเซียน "บิ๊กเล็ก" วางไทม์ไลน์ 6 สัปดาห์ 3 เฟส ถอนอาวุธชายแดน "อภิสิทธิ์" แจง กมธ. MOU 43-44 วุฒิสภา มึน รบ.จะทำประชามติแต่ สส.-สว.ตั้ง กมธ.ศึกษา จี้กำหนดนโยบายให้ชัด "นายกฯ หนู" เซ็นตั้ง 3 คณะลุยปราบสแกมเมอร์ "ธรรมนัส" ยันไม่ใช่ ปธ.ปราบสแกมเมอร์ แค่คุมงานปราบค้ามนุษย์ ไม่โกรธ "ชาดา" บอกใช้โจรปราบโจร
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์ประชุม KLCC กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หารือทวิภาคีกับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง
นายอนุทินกล่าวว่า การลงนามถ้อยแถลง (Joint Declaration) เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นพื้นฐานสำหรับสองประเทศที่จะเดินหน้า แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือจะต้องมีการปฏิบัติตามอย่างจริงจังและจริงใจ การหารือในวันนี้จึงมุ่งเน้นความจำเป็นที่สองประเทศจะต้องร่วมมือกันเพื่อเดินหน้านำข้อตกลงไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยความสำคัญใน 4 ประเด็นที่ได้ตกลงกันเพื่อการลดความตึงเครียดตามแนวชายแดน ได้แก่ 1.การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดนกลับสู่ที่ตั้งปกติ 2.การเก็บกู้ทุ่นระเบิด 3.การปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะสแกมเมอร์ และ 4.การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน
"กระบวนการถอนอาวุธหนักได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่ไทยต้องการเห็นคือ การเดินหน้าถอนอาวุธหนักอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนบริเวณชายแดน รวมถึงต้องการเพิ่มความเข้มข้นในการประสานงานเพื่อการปฏิบัติตามในเรื่องอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะการประสานงานประเด็นปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ การลงพื้นที่เก็บกู้ทุ่นระเบิด และการปฏิบัติตามข้อตกลงเพื่อการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน" นายอนุทินกล่าว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า ในช่วง 2-3 วันหลังจากการลงนามในถ้อยแถลง มีความสำคัญยิ่งสำหรับประเทศไทย ประชาชนและสื่อมวลชนของทั้งสองประเทศ ที่จะติดตามความคืบหน้าของการปฏิบัติตามถ้อยแถลงดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ดังนั้นจึงเป็นความรับผิดชอบของทั้งสองฝ่ายที่ต้องแสดงให้เห็นถึงการเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ในการปฏิบัติตามที่ตกลงกันไว้ด้วยความจริงใจและด้วยความสุจริตใจ เพื่อสร้างความมั่นคงและปลอดภัยให้แก่ประชาชนของเรา
นายกฯ ให้สัมภาษณ์หลังการหารือว่า การหารือเพื่อให้เร่งการดำเนินการตามปฏิญญาที่ได้ลงนาม 4 ข้อโดยเร็ว ตอนนี้การเริ่มถอนอาวุธหนักได้เริ่มดำเนินการแล้ว ซึ่งได้เรียนกับนายกฯ กัมพูชาว่า อย่าให้เป็นเพียงสัญลักษณ์ ต้องเร่งดำเนินการถอนอาวุธอย่างเป็นรูปธรรม สิ่งที่ไทยต้องทำคือการคืนตัวทหารกัมพูชา 18 นายที่อยู่ในการควบคุมให้กับกัมพูชา
ถามถึงกรณีนายกฯ ให้สัมภาษณ์ระบุไทยรุกล้ำกัมพูชา นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้บอกว่าไทยรุกล้ำกัมพูชา บอกว่าถ้า เพราะเมื่อวานขาดคำพูด คำว่าพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งก็คือคำที่เป็นคำอย่างเป็นทางการ เมื่อวานนึกไม่ออกคำนี้ เลยบอกว่าในพื้นที่ตรงนั้นมีคนไทยอยู่และมีคนกัมพูชาอยู่ ถ้าเราตกลงกันได้แล้ว ถ้าเขาอ้างสิทธิ์ของเขาได้ และเรายอมรับได้เราก็ต้องกลับมาในดินแดนของเรา และเขาก็ต้องกลับไปในดินแดนของเขา
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ต้องขอความกรุณาว่า การทำงานต้องมีหลายๆ เรื่อง และเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกัน ผู้สื่อข่าวถามอะไรที่ผมตอบได้ก็ตอบ ไม่มีอะไรที่ปิดบัง และอยากให้ทุกคนได้รับทราบข้อมูลที่เป็นความจริง จะได้ไม่มีใครมาคาดเดา และพูดออกมาโดยใช้โซเชียลมีเดีย พยายามเปิดเผยกับประชาชนให้ได้มากที่สุด” นายกฯ กล่าว
ต่อมาเวลา 15.50 น. นายอนุทินเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง ให้สัมภาษณ์อีกครั้งเรื่องไทยมีการรุกล้ำพื้นที่ของกัมพูชาว่า เมื่อเช้าตนให้สัมภาษณ์ไปแล้ว เราต้องบอกว่าต่างคนก็ต้องทำตามข้อตกลงที่ระบุไว้ และที่ตนพูดนั้นหมายถึงพื้นที่อ้างสิทธิ์ ต่างคนต่างอ้างสิทธิ์กันอยู่ เราก็ทำให้มันเคลียร์ไป
ขอโทษ ปชช.บอกไทยล้ำที่เขมร
ถามว่า จากการให้สัมภาษณ์มีประชาชนเกิดความสับสนในเรื่องนี้ นายอนุทินกล่าวว่า ก็ขอโทษด้วยที่ทำให้เกิดความสับสน ตนต้องการจะบอกว่าทุกอย่างทั้งสองฝ่ายต้องทำตาม
นายกฯ กล่าวว่า ข้อตกลงร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ในส่วนไทยพร้อมดำเนินการ เมื่อทางกัมพูชาได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อแล้ว ซึ่งเขายืนยันว่าจะเร่งปฏิบัติ และพูดกับเราว่าในส่วนที่เราต้องดำเนินการ เช่น กรณีการคืนตัวทหารกัมพูชา 18 นาย เราก็บอกว่าถ้ามีการปฏิบัติตามข้อตกลง ไปถึงจุดที่ฝ่ายทหารของเรามีความแน่ใจแล้วว่าเราจะทำเรื่องนี้ได้จนจบ
ถามว่า ทางกัมพูชามีการหยิบยกเรื่องการเปิดด่านขึ้นมาพูดด้วยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มี เขาคงทราบว่าเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องท้ายๆ เมื่อถามถึงเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อ คาดหวังว่าจะจบรัฐบาลนี้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า น่าจะใช้เวลา 1-2 เดือนในเรื่องการเก็บกู้วัตถุระเบิด ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หมายถึงการปฏิบัติตามเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อ นายกฯ กล่าวว่า ไม่น่าทัน อย่างเรื่องสแกมเมอร์ก็ต้องกลับมาทำงานร่วมกันใหม่ เพราะเรื่องสแกมเมอร์ต้องปรับไปเรื่อยๆ
พอถามว่ามีการเผยชื่อนักการเมือง ช. ที่รับเงินสแกมเมอร์ นายกฯ กล่าวว่า “ผมไม่รู้ว่า ช.ไหน” ถ้ามีความชัดเจนแล้วก็น่าจะเปิดเผยชื่อ ถ้ามั่นใจว่าเขาทำผิด ก็จะช่วยได้มากถ้าเปิดเผยชื่อได้ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายตำรวจที่รับผิดชอบก็ต้องดำเนินการอยู่แล้ว
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปผลการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ว่า นายกฯ ได้นำคณะหารือทวีภาคีกับผู้นำ 8 ประเทศ คือ นายฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา, นายแฟร์ดีนันด์ โรมูอัลเดซ มาร์โคส จูเนียร์, ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์, นายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกฯ เวียดนาม, นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกฯ สิงคโปร์, นายแอนโทนี แอลบาเนซี นายกฯ ออสเตรเลีย, นายคริสโตเฟอร์ ลักซอน นายกฯ นิวซีแลนด์, นายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ, นายคาร์ลอส เฟลิเป ฮารามิโย รองประธานธนาคารโลก ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
“การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้ สะท้อนภาพลักษณ์ของไทยในฐานะพลังแห่งสันติภาพในภูมิภาคอีกครั้ง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการทูตของนายกฯ อนุทิน ที่พาไทยกลับมามีบทบาทเชิงรุกในเวทีโลก" โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุ
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการถอนอาวุธหนักออกจากแนวชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ขณะนี้กองทัพภาคที่ 2 อยู่ระหว่างการพูดคุยในรายละเอียดกับกัมพูชา ซึ่งไทยมีการถอนอาวุธในช่วงค่ำวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอาวุธที่อยากให้กัมพูชาถอนคือ BM-21 โดยตามแผนการปฏิบัติการ ได้กำหนดกรอบเวลาเอาไว้ 6 สัปดาห์ ประมาณ 1 เดือนครึ่ง หรืออาจจะมากกว่านั้น และกัมพูชาเห็นพ้อง โดยจะมีอยู่ 3 เฟส คือเริ่มทันทีในคืนวันที่ 26 ต.ค. ส่วนเฟสที่ 2 จะเริ่มภายใน 3 สัปดาห์ และเฟสที่ 3 คือสัปดาห์ที่ 6 ซึ่งจะมีการแบ่งการถอนอาวุธเป็นล็อต ส่วนแต่ละล็อตจะถอนอาวุธอะไรบ้างนั้น อยู่ระหว่างการพูดคุย และต้องถอนพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นเฟสไหนก็ตาม
ที่จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ จังหวัดสุรินทร์ พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 มอบหมายให้เสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ประชุมหารือกับผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา กําหนดแผนการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเรื่องแผนการถอนอาวุธ แบ่งเป็น 3 ระยะ และ 3 ประเภทอาวุธที่เป็นภัยคุกคามต่อประชาชน คือ 1.จรวด (BM-21) 2.ปืนใหญ่ 3.ยานเกราะและรถถัง โดยทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันที่จะถอนออกจากพื้นที่ภายใน 3 สัปดาห์
ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้าให้ข้อมูลคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 43-44 เพื่อแก้ปัญหาปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา วุฒิสภา
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตอนนี้ต้องบอกว่ามีความสับสนอยู่มาก เนื่องจากรัฐบาลไปเขียนในนโยบายว่าจะทำประชามติ แต่ทั้ง 2 สภาก็ตั้ง กมธ.ขึ้นมาก่อนหน้า และล่าสุดที่มีการไปลงนามกับทางกัมพูชาที่อาเซียน ก็ยังมีการอ้างอิงถึงการดำเนินการตาม MOU อยู่ด้วย สิ่งที่รัฐบาลต้องชี้แจงคือแนวทางการทำงานในขณะนี้จนถึงวันเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร มิเช่นนั้นจะทำให้เกิดความสับสนอยู่พอสมควรว่าการทำงานในขณะนี้ กับนโยบายนี้จะสัมพันธ์กันอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุม กมธ. ช่วงต้น นายนพดล อินนา สว. ในฐานะประธาน กมธ. ได้สอบถามถึงแนวทางการศึกษาเอ็มโอยู ก่อนการนำเสนอ ครม. พร้อมสอบถามความเป็นมาเป็นไปในยุคที่นายอภิสิทธิ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยนายอภิสิทธิ์ระบุว่า ตอนที่เข้ารับตำแหน่งนายกฯ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกัมพูชามีหลายมิติ สำหรับสถานการณ์ขณะนั้น สืบเนื่องมาจากรัฐบาลก่อนหน้านั้น 2 ชุดเผชิญปัญหาที่ยินยอมให้กัมพูชา ยอมนำเรื่องปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ทำให้กัมพูชาเคลื่อนไหวและเข้ามาเกี่ยวข้องกับการจัดการพื้นที่ ตามที่ทราบกันดีในคำตัดสินของศาลระหว่างประเทศเมื่อปี 2505 ระบุแค่ว่าตัวปราสาทเป็นพื้นที่ของกัมพูชา ไม่เคยระบุถึงเส้นเขตแดน จึงเป็นโจทย์ที่รับมาขณะนั้น
“สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นปัญหาค้างคาและสืบเนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลโลกเมื่อปี 2505 ที่ศาลอาศัยเหตุผลคำว่า กฎหมายปิดปากมาเป็นปัจจัยชี้ขาด ทำให้ฝ่ายไทยวิตกกังวลตลอดเวลาว่าหากมีการกระทำนำเสนออะไรจากฝ่ายกัมพูชา หากเรานิ่งเฉยอาจเป็นปัญหาได้” นายอภิสิทธิ์ชี้แจงต่อ กมธ.
ตั้ง 3 คณะลุยปราบสแกมเมอร์
วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ลงนามหนังสือแต่งตั้งคณะอนุกรรมการปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 คณะ โดยคณะแรก มีชื่อของ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม เป็นประธานอนุกรรมการฯ กำหนดมาตรการปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี คณะที่ 2 มีนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานอนุกรรมการฯ และมี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ปรึกษานายกฯ ทำหน้าที่ที่ปรึกษา ในการป้องกันการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี คณะที่ 3 มี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานอนุกรรมการฯ มีหน้าที่ประชาสัมพันธ์เพื่อป้องกันการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
นอกจากนี้ คาดว่าจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการฯ ที่มีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เป็นประธาน เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินและการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีด้วย
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ระบุการตั้ง ร.อ.ธรรมนัสเป็นคณะกรรมการในการปราบปรามสแกมเมอร์ เหมือนตั้งโจรไปปราบโจร น้อยใจหรือไม่ ว่าไม่ได้รู้สึกน้อยใจ และขอทำความเข้าใจ ตนไม่ได้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ ถือเป็นความเข้าใจผิด ในฐานะรองนายกฯ กำกับดูแลทั้งหมด 4 กระทรวง โดยเฉพาะกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แต่ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์โดยตำแหน่งนั้น
"ผมกับนายชาดารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา เป็นพี่น้องร่วมสาบาน ไม่มีคำว่าโกรธในพี่น้องร่วมสาบาน ผมเข้าใจเจตนาและสไตล์ของนายชาดา ซึ่งเป็นคนตรงไปตรงมาเช่นเดียวกับผม" ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
เมื่อถามว่า มองอย่างไรต่อการเชื่อมโยงเรื่องสีเทาที่ถูกโจมตีก่อนการเลือกตั้ง ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เราเป็นนักการเมือง สิ่งที่ย้ำเสมอคือพร้อมถูกตรวจสอบ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
ส้มขีดเส้นโหวตก่อนปีใหม่!
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
พร้อมหน้า นายกฯหนู โพสต์ภาพพาครอบครัวกินห่านพะโล้ในวันพ่อแห่งชาติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า พาพ่อ แม่เมีย น้อง หลาน ไปกินห่านพะโล้เนื่องในวันพ่อ #ฉั่วคิมเฮง


