หนูถกเอเปกพบ2ผู้นำโลก จุลพันธ์จ่อนั่งหน.เพื่อไทย

“อนุทิน” บินเกาหลีแล้ว ร่วมประชุมเอเปกพบผู้นำมหาอำนาจโลก หวังสร้างโอกาสการค้าและสนับสนุนซึ่งกันและกัน ยันนั่งติด "โดนัลด์ ทรัมป์" เป็นโอกาสหารือเรื่องค้าขาย     นอกจากนี้เตรียมพบ “สี จิ้นผิง” ขายข้าวให้จีน 5 แสนตัน "จุลพันธ์" มาแรงจ่อนั่งหัวหน้าเพื่อไทยคนใหม่ "สรวงศ์" นั่งเลขาฯ ต่อ 

เมื่อเวลา 07.20 น. วันที่ 29 ตุลาคม 2568 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6)  ดอนเมือง กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยก่อนเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 32 เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี กล่าวถึงความคาดหวังที่ประเทศไทยจะได้ประโยชน์จากการประชุมครั้งนี้ว่า เราจะได้เจอผู้นำหลายประเทศ อาทิ จีน  แคนาดา เกาหลี บรูไนฯ และคาดว่ารวมถึงญี่ปุ่นด้วย และคาดว่าจะได้เจอนายโดนัลด์ เจ. ทรัมป์  ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เนื่องจากถูกจัดจากลำดับที่ ตัวอักษรในการนั่งระหว่างที่ T  (Thailand) และ U หรือ (United States) น่าจะนั่งติดกัน และเป็นโอกาสที่จะได้หารือ โดยเฉพาะการค้าขายและแสวงหาความร่วมมือสนับสนุนซึ่งกันและกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีโอกาสเจอผู้นำจีนเพื่อพูดคุยเรื่องแร่แรเอิร์ธ หลังมีความกังวลว่าประเทศไทยจะต้องถ่วงดุลทั้งประเทศจีนและประเทศสหรัฐอเมริกา นายอนุทินกล่าวว่า ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ประเทศมาเลเซียที่ผ่านมา ได้เจอนายกฯ ของประเทศจีน ซึ่งก็ไม่ได้มีประเด็นอะไร แต่คราวนี้จะเจอกับนายสี จิ้นผิง  ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน และเรื่องอื่นที่สำคัญกว่านี้เยอะ เช่นที่จะต้องเสนอให้เขาเร่งพิจารณาซื้อข้าวจากประเทศไทย จำนวน 5 แสนตัน เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ

เวลา 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทินพร้อมด้วยคณะเดินทางถึงท่าอากาศยานฐานทัพอากาศกิมแฮ (Gimhae Air Base) นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีนายชเว ฮย็อง-ชาน ผู้อำนวยการสถาบันการทูตแห่งชาติเกาหลี ในฐานะผู้แทนรัฐบาลเกาหลี พร้อมคณะฝ่ายเกาหลีใต้ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางเข้าร่วมเวทีเศรษฐกิจระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี

 จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางต่อไปยังเมืองคยองจู ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 32

ต่อมา เวลา 18.30 น. นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกเป็นกรณีพิเศษ โดยมีนายอี แชมย็อง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยง ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้มีโอกาสพบหารืออย่างไม่เป็นทางการกับผู้นำสำคัญจากหลากหลายเขตเศรษฐกิจ เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของภูมิภาค และความร่วมมือในมิติต่างๆ อาทิ การค้า การลงทุน นวัตกรรม และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

 ภายหลังงานเลี้ยงอาหารค่ำนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 32 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ โรงแรมที่พัก เพื่อเตรียมเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวในวันที่ 30 ต.ค.

 “การเข้าร่วมการประชุมเอเปกในครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะแสดงบทบาทเชิงรุกในเวทีเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ผลักดันความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน ดิจิทัล และการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อให้ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกเติบโตอย่างสมดุลและครอบคลุม พร้อมย้ำรัฐบาลมุ่งมั่นสร้างความร่วมมือกับทุกเขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปก เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนร่วมกัน” นายสิริพงศ์ระบุ

ที่รัฐสภา นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาฯ เพื่อให้ตรวจสอบความเหมาะสมของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับแร่หายาก

นายธีระชัยกล่าวว่า MOU ดังกล่าวเปิดช่องทางเฉพาะพิเศษให้สหรัฐสามารถล่วงรู้ข้อมูลเกี่ยวกับแร่หายาก ล่วงรู้การจัดลำดับขั้นตอนดำเนินการของโครงการต่างๆ สามารถได้รับสิทธิการเข้ามาลงทุนเหมืองแร่ก่อนผู้อื่น รวมไปถึงโครงการเกี่ยวกับการถลุงและแต่งแร่ สามารถเข้ามาแทรกแซงในการยกร่างหรือแก้ไขทบทวนกฎระเบียบเกี่ยวกับแร่หายากเพื่อความมั่นคงของชาติไทย มีผลเป็นการเลือกข้างในด้านการเมืองระหว่างประเทศ อันเป็นการฝ่าฝืนหลักการรักษาความเป็นกลาง ซึ่งเป็นหลักการที่สำคัญในด้านนโยบายการต่างประเทศที่ไทยยึดถือมาตลอด และเข้าข่ายเป็นการส่อเจตนาเปิดช่องทางให้สหรัฐเข้ามาแทรกแซงการบริหารบ้านเมืองของไทย อาจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 3

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า ในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทยที่สมาชิกพรรคบางส่วนสนับสนุนให้นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อให้เป็นหัวหน้าพรรค แต่ล่าสุดสมาชิกอีกส่วนมีความเห็นว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่จะทำหน้าที่นำพรรคในการเลือกตั้งควรเป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของสมาชิกพรรค มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศในปัจจุบัน จึงสนับสนุนให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค เพราะนายจุลพันธ์ถือเป็นคนรุ่นกลางในพรรคเพื่อไทย สามารถเชื่อมคนรุ่นใหญ่และรุ่นเล็กให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งได้ อีกทั้งยังมีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ เคยผ่านงานเป็น รมช.การคลัง สามารถขึ้นเวทีดีเบตสู้กับพรรคอื่นได้อย่างไม่น้อยหน้าใคร ทำให้การประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทยวันที่ 31 ต.ค. มีโอกาสสูงที่นายจุลพันธ์จะแซงทางโค้งขึ้นมานำพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งได้ในที่สุด ในส่วนของนายจาตุรนต์ที่มีความโดดเด่นเรื่องประชาธิปไตย อาจจะถูกยกเป็นหนึ่งในสามรายชื่อของแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยต่อไป

สำหรับตำแหน่งเลขาธิการพรรค คาดว่าจะยังคงเป็นนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เนื่องจากยังสามารถทำหน้าที่ประสานงานกับ สส.ในพรรคได้เป็นอย่างดี สามารถรับฟัง พร้อมทั้งสะท้อนปัญหาของ สส.ไปถึงแกนนำและกรรมการบริหารพรรค เพื่อนำไปสู่การแก้ไขได้อย่างต่อเนื่อง

ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 12.30 น. กลุ่ม สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เดินทางมาเพื่อมอบดอกไม้และให้กำลังใจ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ภายหลังภายหลังที่วุฒิสภาเสียงข้างมากมีมติว่าฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง และส่งต่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณา

น.ส.นันทนากล่าวว่า ขอบคุณ สว.สำรองที่เดินทางมาให้กำลังใจ ยืนยันว่าจะต่อสู้เพื่อให้  สว.สำรองทุกคนที่เข้ามาอย่างถูกต้องบริสุทธิ์ยุติธรรมได้มีโอกาสขึ้นมาดำรงตำแหน่ง จะไม่มีใครสามารถกินรวบวุฒิสภาองค์กรอิสระฝ่ายบริหารฝ่ายนิติบัญญัติได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แนวรบสุดท้ายสู้สแกมเมอร์ ปัจจัยที่ต้องปิดจ๊อบชายแดน

แม้สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ฝ่ายไทยจะสามารถยึดเป้าหมายในหลายพื้นที่ และ มีแนวโน้มที่ดีใน 13 แนวรบ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า "กัมพูชา"