“คนละครึ่งพลัส” วันแรกคึกคัก! แค่ครึ่งวันแห่ใช้กว่า 700 ล้าน นายกฯ การันตีคนตกหล่นได้สิทธิเฟส 2 แน่นอน คลังลุยโครงการใช้ AI เพิ่มทักษะพ่อค้า-แม่ค้า ตร.เปิดปฏิบัติการปิดเกม “รับ-แลก-ลวง” จับแก๊งโกงสิทธิแลกเงินสด “พิพัฒน์” หัวโต๊ะเคาะเหมาจ่ายรถไฟฟ้า “สายสีแดง-ม่วง” 40 บาทตลอดวัน เริ่ม 1 ธ.ค.นี้
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงโครงการคนละครึ่งพลัส ซึ่งเปิดให้ประชาชนใช้เป็นวันแรกว่า ขอแสดงความยินดีกับประชาชนที่จะได้ใช้โครงการคนละครึ่งพลัสตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เป็นระยะเวลา 2 เดือน จึงอยากจะเชิญชวนให้ทุกคนช่วยกันออกมาใช้เงิน เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยให้คนไทยทั้งประเทศมีโอกาสสร้างรายได้ ส่วนผู้ที่ตกหล่นในเฟสแรก จะได้รับสิทธิในเฟส 2 อย่างแน่นอน ซึ่งได้หารือกับนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลังแล้ว ขณะเดียวกันจะนำข้อมูลต่างๆ ไปแจ้งให้กับทาง รมว.การคลังทราบ อาทิ ปัญหาการใช้แอปพลิเคชันของผู้สูงอายุ, เครื่องมือสื่อสาร หรือการลงทะเบียนของกลุ่มเปราะบาง เพื่อดูแลคนกลุ่มนี้ให้ทั่วถึง โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังตามหลักความยั่งยืน
เมื่อถามถึงผู้ที่ทุจริตในโครงการคนละครึ่งพลัสด้วยการสแกนจ่ายแล้วไปแลกเงินสดแทนนั้น นายอนุทินกล่าวว่า ต้องประชาสัมพันธ์เยอะๆ หากมีการกระทำแบบนั้นจริง ผิดกฎหมาย อีกทั้งยังทำให้ความตั้งใจของรัฐบาลที่จะช่วยเหลือในครั้งต่อไปติดขัด เนื่องจากจะต้องสืบสวนและเปลี่ยนรูปแบบโครงการ จึงขออย่าไปเอาเปรียบ เพราะประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะใช้หมด ฉะนั้นควรใช้ให้เต็มที่
ด้านนายเอกนิติ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประกอบการร้านค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายในโครงการคนละครึ่งพลัส ณ ตลาดนัดหลังกระทรวงการคลังว่า ดีใจที่เห็นร้านค้าขายของได้คึกคัก และประชาชนมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งโครงการนี้ช่วยให้ประชาชนประหยัดได้ครึ่งหนึ่ง ขณะที่การลงทะเบียนร้านค้ามีการตอบรับดี ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้าเข้ามาลงทะเบียนประมาณ 6.4 แสนร้านค้า โดยตัวเลขเมื่อเวลา 11.00 น. มียอดขาย 350 ล้านบาท ประชาชนที่ใช้ 1.6 ล้านคน ทำให้เชื่อว่าผลการกระตุ้นเศรษฐกิจจะมีผลมากกว่าที่คาดไว้
ทั้งนี้ ในส่วนของร้านค้านั้น กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาโครงการเพิ่มทักษะให้ผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ เช่น การใช้ AI ในการช่วยให้ขายของได้ดีขึ้น ซึ่งรายละเอียดของโครงการทั้งหมดอยู่ระหว่างการออกแบบ ส่วนการให้บริการผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรีต่างๆ นั้น จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย.2568 ซึ่งพบว่ามีการดึงร้านค้าเข้าไปขายในออนไลน์ได้ด้วย อีกทั้งยังได้หารือกับธนาคารออมสิน ที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนพ่อค้าตัวเล็กตัวน้อย กู้เงินผ่านแอปพลิเคชัน MyMo ซึ่งจะช่วยลดการกู้เงินนอกระบบได้
สำหรับโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 นั้น นายเอกนิติระบุว่า มีอย่างแน่นอน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ซึ่งเบื้องต้นอาจให้สิทธิสำหรับประชาชนที่ตกหล่นลงทะเบียนในเฟสแรกไม่ทันก่อน เพื่อให้มีความครอบคลุมมากที่สุด
“ได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้วว่าโครงการคนละครึ่งพลัสวันแรกมีความคึกคักอย่างมาก ซึ่งนายกฯ มองเห็นว่าโครงการได้รับการตอบรับที่ดี จึงได้สั่งการให้เร่งออกแบบโครงการในเฟสที่ 2 ทันที ส่วนงบประมาณที่จะมาใช้ดำเนินการนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งจะต้องพิจารณาทั้งเรื่องจำนวนสิทธิ งบประมาณ และวินัยการคลังด้วย ทั้งในส่วนของผู้ที่ได้สิทธิแต่ไม่ได้ใช้ในเวลาที่กำหนด ก็อยู่ระหว่างพิจารณาว่าอาจจะดึงเม็ดเงินในส่วนนี้มาใช้ในโครงการเพิ่มทักษะให้ผู้ประกอบการร้านค้าแทน” นายเอกนิติระบุ
นายเอกนิติกล่าวว่า จากการเร่งดำเนินมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ ทำให้เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2568 จะเติบโตได้มากกว่า 0.3% อย่างแน่นอน จากเดิมที่คิดว่าจะติดหล่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูล ณ เวลา 15.00 น. มีผู้ใช้จ่ายผ่านโครงการคนละครึ่งพลัสสำเร็จแล้ว 3.60 ล้านราย ยอดใช้จ่ายรวมกว่า 752.25 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายจำนวน 379.44 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่ายจำนวน 372.80 ล้านบาท
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และนายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ร่วมแถลงผลเปิดปฏิบัติการปิดเกม “รับ-แลก-ลวง” สกัดขบวนการโกงสิทธิรัฐ จับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย 1.น.ส.วันทนีย์ อายุ 24 ปี 2.น.ส.ทิพย์เทวี อายุ 31 ปี 3.น.ส.นาตาชา อายุ 26 ปี พร้อมด้วยของกลาง 1.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง 2.คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งใช้ในการติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” มีการลงทะเบียนร้านค้าหรือใช้ในการติดต่อสื่อสารกับบุคคลที่มาใช้บริการ แลกเงินทางช่องทางต่างๆ ตลอดจนเอกสารสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอีกหลายรายการ จากนั้น จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชนว่า ที่ประชุมมีการคิดอัตราค่าโดยสารตลอดสายทั้งสายสีม่วงและสายสีแดง ทั้งวัน 40 บาท แต่ถ้าวิ่งขาเดียวต้องจ่ายตามความเป็นจริงสำหรับบุคคลทั่วไป ส่วนนักศึกษาจ่าย 30 บาท ส่วนกรณีของเด็กและผู้พิการ ขึ้นรถไฟฟรีเหมือนเดิม ขณะที่ผู้สูงอายุที่อายุเกิน 60 ปี ให้จ่ายครึ่งราคาเหมือนเดิม คือครึ่งหนึ่งของ 40 บาท หรือครึ่งหนึ่งของระยะทางก็ได้ โดยเริ่มวันที่ 1 ธ.ค.68 เป็นต้นไป ระยะเวลา 1 ปี โดยจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้ง อย่างช้าไม่เกิน 18 พ.ย. หาก ครม.เห็นชอบจะประกาศใช้ในวันที่ 1 ธ.ค.68 ทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลกับคะแนนเสียงหรือความนิยมของรัฐบาลหรือไม่ เพราะเริ่มต้นโครงการคือ 20 บาทตลอดสาย แต่รัฐบาลนี้กำหนดราคาในอัตรา 40 บาท นายพิพัฒน์กล่าวว่า แต่ก่อนคือเดินทางขาไปอย่างเดียวตลอดสาย 20 บาท แต่หากเปลี่ยนสายจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม แต่อันนี้คือ 40 บาท ตลอดวันไม่ว่าจะขึ้นกี่รอบก็ตาม สมมติผู้ปกครองไปส่งลูกหลานที่โรงเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินทางกลับบ้านในช่วงเช้า ตอนบ่ายเดินทางอีกครั้ง เพื่อรับลูกหลานกลับบ้านในวันนั้นเดินทางทั้งสิ้น 4 ครั้ง เท่ากับจ่ายแค่ 40 บาท เซฟค่าใช้จ่ายมากกว่าในอดีตถึง 50% ถือว่าเป็นนโยบายที่ดีกว่าเดิม
สำหรับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ผ่านสภาแล้วตั้งแต่ 21 ต.ค. เราจึงคิดว่าเรื่องตั๋วร่วมน่าจะนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งภายใน 4 เดือนที่เป็นรัฐบาล นายกรัฐมนตรีอยากเห็นเรื่องการใช้ตั๋วร่วมจบให้ได้ ซึ่งเป็นการนำมาต่อยอด และคิดคำนวณใหม่ถึงอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม โดยให้กระทรวงการคลังตั้งคณะกรรมการขึ้นมาใหม่ เพื่อพิจารณาให้การรถไฟเป็นเจ้าของรายเดียวจะต้องทำอย่างไร และหาวิธีการหาเงินอย่างไรที่จะไม่ให้กระทบต่อเพดานหนี้สาธารณะ 70 เปอร์เซ็นต์
ด้านนายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทั้งราง กล่าวว่า มาตรการนี้ต้องใช้ผ่านบัตร EMV เท่านั้น ส่วนบัตรที่ใช้ตามตู้แบบเที่ยวเดียวไม่สามารถทำได้ ในส่วนของงบประมาณที่ต้องนำไปอุดหนุนในโครงการจะใช้น้อยลงจากเดิม มาตรการนี้ทำเฉพาะกลุ่มที่เดินทางเยอะตลอดวัน เป็นคนหาเช้ากินค่ำ คือ ประชาชนที่ไปทำงานจะช่วยลดค่าครองชีพเรื่องการเดินทางได้เยอะ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศก.สู่ยุคโตตํ่า! คุมเข้มร้านทอง กดเงินบาทแข็ง
"ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ" ห่วงเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ยุคโตต่ำเป็น New Normal หลังกินบุญเก่ามานาน
เลือก‘คำถามประชามติ’ สมควรมีรธน.ใหม่หรือไม่
ครม.เคาะเลือกคำถามประชามติ “สมควรมีรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่”
ทุกพรรคจัดทัพลุยเลือกตั้ง
ทุกพรรคพร้อมลุยเลือกตั้ง! "อนุทิน” ยันแคนดิเดตนายกฯ ภท.ไม่มีเซอร์ไพรส์เพิ่ม
พระราชทานเหรียญทองราชินี
"ในหลวง" เสด็จฯ ไปส่ง “พระราชินี” ทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศแข่งขันกีฬาซีเกมส์
จีนทุบ‘สแกมโบเดีย’ ‘จงอี้’แฉโยงผลประโยชน์หลายมิติ/กห.ลั่นภารกิจใกล้เสร็จ
"หลิว จงอี้" ทุบโต๊ะ! รัฐบาลกัมพูชามีความเชื่อมโยงและมีผลประโยชน์ร่วมกับขบวนการสแกมเมอร์ในหลายมิติ
แนวรบสุดท้ายสู้สแกมเมอร์ ปัจจัยที่ต้องปิดจ๊อบชายแดน
แม้สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ฝ่ายไทยจะสามารถยึดเป้าหมายในหลายพื้นที่ และ มีแนวโน้มที่ดีใน 13 แนวรบ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า "กัมพูชา"

