"นายกฯ อนุทิน" ลั่นเซ็นสันติภาพไทย-กัมพูชา ไม่ทำไทยเสียเปรียบ โวเท่าที่จำความได้ไม่เคยเสียเปรียบใคร "ทบ." ย้ำพร้อมส่ง 18 เชลยศึกกลับตามกติกาสากล หากกัมพูชาจริงใจร่วมมือ 4 ข้อเป็นรูปธรรม พร้อมเชิญผู้ช่วยทูตทหาร 18 ประเทศชี้แจงสถานการณ์ แย้ม 1 พ.ย. ทหารเขมรถอนจรวดหลายลำกล้อง BM-21 พ้นชายแดน "โฆษก กมธ.MOU" เผยศึกษา MOU 43 เสร็จแล้ว ยอมรับยกเลิกยาก "เอกนิติ" นั่งหัวโต๊ะคณะอนุกรรมการตรวจสอบเส้นทางสแกมเมอร์ ปักธงยกระดับการทำงานเทียบมาตรฐานสากล ขีดเส้นเดือน ธ.ค. เส้นทางเงินเทาต้องชัด "โรม" ตามบี้ "ธรรมนัส-นฤมล-วราห์-วรภัค” ชี้แจง กมธ.มั่นคง ปม “เบนสมิธ” บอกไม่มาไม่มีโอกาสแจงอีกแล้ว
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีการถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ชายแดน ตามกรอบข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชา ว่า ให้ฝ่ายความมั่นคงได้คุยกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งมีแนวทางตามปฏิญญาร่วมกันไปแล้ว ดังนั้นการพูดคุยจะมีผลออกมาอย่างไรก็ขอให้ฝ่ายความมั่นคงพูดคุยกันก่อน ไม่ควรพูดอะไรไปก่อน แต่ยืนยันได้ว่าคู่เจรจาจะต้องดำเนินการพูดคุยกันอย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาทิศทางก็ดี จนถึงวันนี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามความคาดหมาย
"เมื่อคืนนี้ (28 ต.ค.) ได้มีการพูดคุยหารือกับ พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผบ.ทสส. และรองเสนาธิการทหาร ซึ่งเป็นคนที่เข้าไปร่วมประชุม GBC และร่างปฏิญญาร่วม ทุกคนก็ทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ" นายอนุทินกล่าว
ถามว่า มีชาวบ้านชายแดนกังวลในการลงนามสันติภาพ จะทำให้ไทยเสียเปรียบ นายอนุทินกล่าวว่า ตั้งแต่ประกอบอาชีพหาเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่จบการศึกษา ยังไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองทำให้องค์กรที่สังกัดอยู่เสียเปรียบ ตรงกันข้ามมีความชำนาญพอสมควรในด้านการเจรจา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าหรือความเมือง และบางครั้งก็ทำได้มากกว่าที่คาดหวัง แต่จะยึดหลักคู่เจรจาต้องได้รับความเป็นธรรม
"เป็นเทคนิคของตัวเอง อธิบายไม่ได้ เท่าที่พอจำความได้ ไม่เคยเสียเปรียบใคร คนถึงไม่ชอบหลายคน" นายอนุทินกล่าว
ซักว่า ตอนนี้ประชาชนไม่ไว้ใจกัมพูชา นายอนุทินไม่ได้ตอบคำถาม ก่อนจะเดินออกจากวงสัมภาษณ์
ขณะที่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการปล่อยตัวเชลยศึกทหารกัมพูชาหลังมีข้อตกลงร่วมไทย-กัมพูชาว่า การพิจารณาปล่อยตัวเชลยศึกของฝ่ายไทยเป็นไปตามหลักกติกาสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ
"จะพิจารณาจากลักษณะท่าทีของความเป็นปฏิปักษ์ที่เคยมีต่อกัน ต้องมีการลดระดับลงชัดเจน ผ่านผลการดำเนินการตามข้อตกลงที่ทั้ง 2 ประเทศเห็นชอบร่วมกันไว้แล้ว 4 ข้อหลัก ได้แก่ การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ และการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน" พล.ต.วินธัยกล่าว
โฆษกกองทัพบกกล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค.68 ได้มีการประชุมฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ระหว่างกองทัพภาคที่ 2 ของไทย และภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา เพื่อลงรายละเอียดขั้นตอนการปรับกำลังและถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ พร้อมกำหนดกรอบระยะเวลาในการปฏิบัติร่วมกันอย่างเป็นระบบ
"ด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ฝ่ายไทยได้เสนอพื้นที่ดำเนินการเบื้องต้นจำนวน 13 พื้นที่ ครอบคลุมเขตปฏิบัติของกองทัพภาคที่ 1, กองทัพภาคที่ 2 และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการแล้วใน 4 พื้นที่ และจะขยายผลต่อเนื่องไปยังพื้นที่อื่น" โฆษกกองทัพบกระบุ
ด้าน พล.ท.ธีรนันท์ นันทขว้าง เจ้ากรมข่าวทหารบก เป็นประธานบรรยายสรุปภาพรวมสถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติรอบชายแดนไทย ให้คณะผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารต่างประเทศประจำประเทศไทยร่วมรับฟังรวม 26 นาย จาก 18 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น, อินเดีย, ฝรั่งเศส, ลาว, สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, ตุรกี, สาธารณรัฐประชาชนจีน, บรูไน, รัสเซีย, ฟิลิปปินส์, เมียนมา, สิงคโปร์, แคนาดา, อินโดนีเซีย, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี และปากีสถาน
พ.อ.พัฒนา พันธุ์มงคล รอง ผอ.สำนักข่าวกรอง กรมข่าวทหารบก ชี้แจงแนวทางการปฏิบัติของกองทัพบกในการดำเนินการภายหลังการลงนามในปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา รวมทั้งประเด็นเชลยศึกกัมพูชา ที่กองทัพบกได้เตรียมการที่จะส่งกลับ โดยจะต้องพิจารณาจากผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
มีรายงานว่า ผลการการประชุม RBC เพื่อหารือแผนปฏิบัติการปรับกำลังและถอนอาวุธหนัก ตามผลการประชุม GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบในการกำหนดวันดีเดย์ร่วมกันใน 1 พ.ย.2568 โดยเฟส 1 เริ่มต้นใน 1 พ.ย.2568 เป็นอาวุธประเภทจรวดหลายลำกล้อง เฟส 2 เริ่มต้นใน 22 พ.ย.2568 เป็นอาวุธประเภทปืนใหญ่ทั้งหมด ทั้งลากจูงและอัตราจร ขนาด 155 มม.ลงมา เฟส 3 เริ่มต้นใน 13 ธ.ค.2568 เป็นอาวุธประเภทยานเกราะ รถถัง โดยวันนี้ 29 ต.ค. ผู้แทนฝ่ายเลขาฯ ทั้ง 2 ฝ่ายลงนามในบันทึกการหารือและเตรียมการในการลงนามบันทึกการประชุม ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด
กมธ.รับ MOU 43 ยกเลิกยาก
ที่รัฐสภา นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม.พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาบันทึกความเข้าใจ MOU 2543 และ 2544 ระหว่างไทยกับกัมพูชา สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความคืบกรอบแนวทางการศึกษา MOU ยกเลิกหรือไม่ว่า MOU 43 ได้พิจารณาจบไปแล้วในเบื้องต้น มีความเห็นแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายที่อยากให้มีการแก้ไข และฝ่ายที่อยากให้ยกเลิก จึงยังไม่มีความชัดเจนว่าจะแก้ไขได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งเป็นความเห็นทางกฎหมาย
"การยกเลิกน่าจะเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะจะต้องนำเสนอต่อประชาชน เพราะข้อเท็จจริงบางข้อเป็นข้อมูลลับ ไม่สามารถเปิดเผยได้ต่อสาธารณะ ตอนนี้ยังตอบคำถามชัดเจนเกี่ยวกับตัวเลือกในการทำประชามติไม่ได้ ยกตัวอย่างเรื่องการทำแผนที่ 1:200,000 ที่เถียงว่าไม่ดี แล้วจะมีข้อเสนอใหม่อะไรที่ดีกว่า ซึ่งแผนที่ 1:200,000 ใน MOU 43 ระบุเฉพาะสัดส่วนดังกล่าวจริงหรือไม่ เมื่อมาพิจารณากันแล้วก็ไม่ใช่ ใน MOU ฉบับดังกล่าวไม่ได้ระบุเอาไว้ ยังมีออโต้แมปอีกมากมายที่สามารถใช้ได้ นั่นคือกรอบการเจรจาที่เปิดกว้าง” นายปิยรัฐกล่าว
ถามว่า กมธ.ต้องรอข้อมูลนี้จากรัฐบาลที่มีการตั้งทหารให้ศึกษาข้อมูลนำมารวมกันหรือไม่ โฆษก กมธ.กล่าวว่า พร้อมนำข้อมูลจากทุกฝ่ายมาประกอบการพิจารณา เพราะใน กมธ.มีทั้งกรมสนธิสัญญาระหว่างทหาร,กรมทหาร, เจ้ากรมต่างๆ ร่วมใน กมธ.ที่จะดึงข้อมูลจากทุกฝ่ายมาประกอบการตัดสินใจในเรื่องนี้ ซึ่ง กมธ.จะประชุมอีกครั้งไม่เกินสิ้นเดือน ต.ค.นี้จะมีความชัดเจน คาดการณ์ว่าช่วงต้นเดือน ธ.ค.จะมีผลรายงานของ กมธ.ออกมา
ขณะที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่น 54 เปิดเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU 43 และ 44 ระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อสร้างความเข้าใจให้ประชาชน สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลเรื่องการทำประชามติยกเลิก MOU ทั้ง 2 ฉบับ
พล.ร.อ.พัลลภ ตมิศานนท์ อดีต สว.และอดีตเสนาธิการทหารเรือ ระบุว่า ที่ผ่านมามีหลายเสียงเสนอให้ยกเลิก MOU 43-44 เพราะมีข้อกังวลเกี่ยวกับการอ้างอิงแผนที่ และสัมปทานปิโตรเลียม โดยเฉพาะ MOU 44 ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางทะเล โดยเห็นว่าการจะยกเลิกหรือไม่ต้องพิจารณาข้อสังเกต 3 องค์ประกอบคือ เนื้อหา กระบวนการจัดทำ และพฤติกรรมของทางกัมพูชา ซึ่งหากมองทั้ง 3 องค์ประกอบพบข้อพิรุธที่อาจจะใช้ MOU 44 เป็นเครื่องมือแสวงผลประโยชน์ เปรียบเหมือนผลไม้พิษที่แสดงให้เห็นว่ามีกลไกทวิภาคี แต่การใช้ในทิศทางใดขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่ต้องมีคุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริต
"เรื่องผลประโยชน์ปิโตรเลียมในพื้นที่ทางทะเลด้านเกาะกูด จังหวัดตราด เป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงมีข้อกังวลอยู่จริง เชื่อว่า ฮุน เซน และทายาทต้องการขยายอาณาเขตผลประโยชน์ทางทะเล และอาจจะหวังแบ่งผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ทำให้ในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมามีความพยายามที่จะเจรจาเรื่องนี้" อดีตเสนาธิการทหารเรือระบุ
วันเดียวกัน นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวถึงการได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบเส้นทางการเงินและการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีว่า คณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวมีหน้าที่ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินและการฟอกเงินที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยการทำงานจะมีการยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบทางการเงินต่างๆ ให้ได้ตามมาตรฐานสากล
เส้นเงินสแกมเมอร์ ธ.ค.ต้องชัด
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการประกอบด้วย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รวมทั้งจะมี รมว.ยุติธรรม และ รมว.ดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูล เชื่อมจุดในการตรวจสอบเส้นทางเงินสีเทาแต่ละจุดอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
"ผมตั้งเป้าหมายว่าจะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด โดยอย่างน้อยภายในเดือน ธ.ค.2568 จะต้องมีความชัดเจน เห็นเส้นทางรอยรั่วของเงินสีเทาว่าอยู่ตรงไหน อย่างไร ยืนยันมีความมุ่งมั่นในการดำเนินการเรื่องนี้ และไม่ใช่การทำเพียงในระยะสั้น แต่ยังมีการวางแผนเพื่อยกระดับการตรวจสอบนี้ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เอากฎหมายที่เกี่ยวข้องมาใช้เพื่อตรวจดูทั้งการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ ทุกส่วนเชื่อมโยงกันหมด" นายเอกนิติกล่าว
ด้าน นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้นำคณะผู้บริหารของกรมเข้าพบ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผบ.ตร. เพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่าง 2 หน่วยงานในการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่แฝงมาในรูปแบบของนิติบุคคลตามนโยบายของรัฐบาล หลังจากปัจจุบันพบว่ามีการจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อนำไปใช้ในการกระทำความผิดหรือก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
"สำนักงานตำรวจแห่งชาติพบปัญหาบัญชีม้านิติบุคคลมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ กรมจึงต้องเพิ่มความเข้มงวดในการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว และสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามบัญชีม้านิติบุคคลอย่างจริงจัง โดยจะทำการแก้ไขปรับปรุงหรือกำหนดหลักเกณฑ์ในการจดทะเบียนนิติบุคคลหลังจากนี้ให้มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น" อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมมาตรการสกัดกั้นการใช้สัญญาณตามแนวชายแดน ร่วมกับ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.), พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. และผู้บัญชาการหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า ขอให้ทุกหน่วยให้ความสำคัญในการกวาดล้างแก๊งสแกมเมอร์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง มีมาตรการป้องกันเรื่องซิม สาย เสา ซึ่งการตรวจสอบสายสัญญาณอินเทอร์เน็ตและเสาปล่อยสัญญาณอินเทอร์เน็ต และเสาสัญญาณโทรศัพท์ ในพื้นที่ที่ติดแนวชายแดน เพื่อรวบรวมข้อมูลยกระดับในการแก้ไขปัญหา สกัดกั้นการส่งสัญญาณไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มแก๊งสแกมเมอร์
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุม กมธ. ในวันที่ 30 ต.ค.ว่า เราเชิญ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ นายวราห์ สุจริตกุล รองประธานกรรมการ บริษัท ฟินันเซีย เอกซ์ จำกัด (มหาชน) นายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เข้าให้ข้อมูลต่อ กมธ.ความมั่นคง ซึ่งจะให้คนอื่นมาชี้แจงแทนไม่ได้ ไม่ใช่แค่เรื่องหน่วยงานหรือการทำหน้าที่เท่านั้น แต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่าง ร.อ.ธรรมนัสกับนายเบน สมิธ รวมถึงคนอื่นๆ ที่มีความสัมพันธ์กับนายเบน สมิธ ซึ่งไม่สามารถมอบหมายให้คนอื่นมาชี้แจงแทนได้
"ผมยืนยันจะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ท่านมาให้ข้อมูลกับเราอย่างตรงไปตรงมา ข้อมูลเหล่านี้ก็จะเป็นประโยชน์ แต่ถ้าไม่มาก็ต้องตอบคำถามกับสังคม กับเรื่องแค่มาช่วยยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างนายเบน สมิธ กับ ร.อ.ธรรมนัส กับนางนฤมล กับนายวราห์ กับนายวรภัค แค่ลำพังเท่านี้ยังไม่มาชี้แจง ไม่มาตอบคำถามประชาชนจะมองอย่างไรก็พิจารณาดูเอาเองแล้วกัน“ นายรังสิมันต์กล่าว
ถามถึงท่าทีของรัฐบาลที่ค่อนข้างจะนิ่งไปกับการปราบปรามสแกมเมอร์และอาชญากรข้ามชาติ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตนอยากให้รัฐบาลนึกว่าใครได้ประโยชน์จากการที่แก๊งสแกมเมอร์ไม่ถูกตรวจสอบ เมื่อถามถึงกรณีที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย และประธานวิปรัฐบาลระบุว่าใช้โจรปราบโจรนั้น นายรังสิมันต์กล่าวว่า แสดงว่านายชาดารู้ว่าใครเป็นโจร และเชื่อว่าโจรไม่สามารถปราบโจรได้ มีแต่โจรอุ้มโจร
"คุณชาดาในฐานะประธานวิปรัฐบาล รู้ว่าใครเป็นโจร คำถามก็คือคนระดับนายกรัฐมนตรี นายอนุทินเคยเป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง และวันนี้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่รู้หรือครับว่าใครเป็นโจร ขนาดคุณชาดายังรู้เลย" นายรังสิมันต์กล่าว
ส่วน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ระบุว่า การปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นการเล่นปาหี่ว่า ขอน้อมรับคำวิจารณ์และขอขอบคุณ เพื่อจะนำคำตำหนิดังกล่าวไปพัฒนาตัวเอง ตำรวจทั่วประเทศรู้ดีว่าตนทำงานเป็นอย่างไรบ้าง ทุกคนรู้และเห็นว่าตนทุ่มเทการทำงานอย่างไร โดยเฉพาะสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ชายแดน ซึ่งตนไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครเห็นว่าตนทำงานเป็นอย่างไร
"ขอให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์นำข้อมูลดังกล่าวมามอบให้กับตำรวจ โดยพร้อมที่จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมด ยืนยันว่าถ้าหากเป็นข้อมูลจริงก็จะดำเนินการลงโทษทันที" ผบ.ตร.ระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
ส้มขีดเส้นโหวตก่อนปีใหม่!
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
พร้อมหน้า นายกฯหนู โพสต์ภาพพาครอบครัวกินห่านพะโล้ในวันพ่อแห่งชาติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า พาพ่อ แม่เมีย น้อง หลาน ไปกินห่านพะโล้เนื่องในวันพ่อ #ฉั่วคิมเฮง


